Skip to main content
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลายคนคงจะได้ดูรายการทีวี รายการ "จับเข่าคุย" ซึ่งดำเนินรายการโดย คุณสรยุทธ์ มีผู้ร่วมรายการคือ คุณเกย์นที และคุณวัลลภ นามวงศ์พรหม ซึ่งเป็นกรรมการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่

คุณคงจะได้ชมและใช้พิจารณญาณในการชมรายการโทรทัศน์ที่กล่าวถึงประเด็นข่าวเด่นของบ้านเมือง ในรายการมีผู้ร่วมรายการที่ออกมาแฉถึงพฤติกรรมที่เสื่อมทำลายศาสนา คือคุณนที และผู้ให้เหตุผลและตอบรับ ขัดแย้ง โดยคุณวัลลภ โดยสรุปรวมๆ ของเนื้อเรื่อง พูดประเด็นการใช้ย่ามสีชมพู การห่มดอง จีวร พฤติกรรมที่แสดงออกถึงอาการแต๋วแตก แต๋วแหว๋ว แต๋วไม่เหมาะสม เป็นต้น


แม้ชาน่าจะอยู่ต่างแดนไม่ได้ชมรายการทีวีนี้ แต่ก็สามารถมองเห็นภาพคม ชัด ลึกซึ้งเข้าใจได้ เพราะแม้รายการทีวีจะจบไป แต่การ "จับเข่าคุย" ช่วยกันเม้าท์ยังไม่จบ เพราะทางเว็บกระทู้ดีมีสาระอย่างพันทิป นำมาเม้าท์แตกกันต่อ จากหลากหลายคนที่มาช่วยร่วมแสดงความคิดเห็น โดยหนึ่งในกระทู้ที่ช่วยกันเม้าท์ได้โล่ห์นั้นถูกนำเสนอโดยคุณ Kayool พันทิปดอทคอม ห้องวิทยุ-โทรทัศน์ กระทู้ที่ A7461282 จนเป็นกระทู้แนะนำจากเพื่อนสมาชิก

"เชียงใหม่นี่แหละครับ
หลายปีที่แล้ว มีกลุ่มเณรได้เข้าไปทัศนศึกษาในคณะของผม
ผมก็ไม่ได้สังเกตอะไรจนกระทั่ง มีการทดลองจุดระเบิดด้วยเสียงดังในระดับหนึ่ง

พลัน...สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เสียงกรี๊ดมาจากคนกลุ่มนึง
เหลียวมองไปไม่เห็นใคร นอกจากเสือเหลืองย่ามชมพู

อารมณ์นั้น อยากจะกระทืบจริงๆล่ะครับ
ถ้าไม่เกรงใจผ้าเหลืองล่ะก็นะ
เศร้า เมืองพุทธ

จากคุณ : kayool"

เป็นกระทู้ร้อนแรง เข้าถึงประเด็นที่น่าจับตามอง (แฉ) ด้วยเหตุและผล นั่นคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ไม่ใช่แค่ตอนนี้ มันเกิดขึ้นมานานผ่านมาหลายปีแล้วฮ่ะ


  

 


ในกระทู้ผู้รู้บางท่านมาช่วยให้คำตอบที่กระจ่างอย่างเช่น เรื่องย่ามสีชมพู สีชมพูคือสีวันพระราชสมภพ ร.5 และ ร.5 พระองค์ท่านสถาปนามหาวิทยาลัยสงฆ์ คือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) จึงไม่ผิดอะไรที่พระจะใช้สีเฉดนี้ แต่บังเอิญว่า พระแต๋วจ๋าเลือกสีให้เข้ากับใบหน้าที่ตกแต่งเป็นสีชมพู

 

อันที่จริงเรื่องของการบวชเณร บวชพระนั้นมีข้อห้ามสำหรับคนที่เป็นกะเทย หรือเกย์ อย่างเช่นตอนบวชนาคอยู่ในโบสถ์ พระคู่สวดจะถามเป็นภาษาบาลีว่าเป็นผู้ชายหรือเปล่า และถามคุณสมบัติอีกหลายข้อ

   

ในตำราบอกว่าบันเฑาะก์ (คือคนที่ชอบผู้ชายด้วยกัน) บางชนิดที่ไม่ร้ายแรงบวชได้ แต่ส่วนมากบวชไม่ได้ ซึ่งชื่อบันเฑาะก์นี้มีอยู่หลายประเภทเป็นภาษาบาลี อาทิ คำแปลแต่ละพวกจะติดเรทด้วยซ้ำคือบางพวกชอบสำเร็จความใคร่ทางปาก บางพวกเห็นคนอื่นสำเร็จแล้วสำเร็จตาม เป็นต้น

แต่หากตั้งใจจะบวชเพื่อเรียนทางธรรม หรือต้องการศึกษาทางศาสนาก็ควรจะสำรวมและปฎิบัติตามศีลอย่างเคร่งครัด ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นศีล 8 ตอนไปฝึกปฏิบัติ
๑. เว้นจากทำลายชีวิต
๒. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
๓. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
๔. เว้นจากพูดเท็จ
๕. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๖. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
๘. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย


ชาน่าเคยได้รับเมล์ส่งต่อเมื่อสองสามปีก่อน ตอนนั้นเห็นแล้วก็นึกสมเพชและรู้สึกถึงความสูญเสีย และความเสื่อมของพระผู้ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดศาสนา เป็นสมณเพศ ถือศีล เพราะภาพที่ออกมาสู่สายตาประชาชน โดยเฉพาะชาวพุทธแล้วทำให้ความรู้สึกนั้นเสียอย่างเรียกกลับลำบากนัก

  

โดยส่วนตัวแล้วในชีวิตนี้ผ่านการบวชเพราะอยากให้แม่ได้เห็นชายผ้าเหลือง เพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ ในระยะที่บวชนั้นชาน่าตั้งใจศึกษาพระธรรม และปฎิบัติตามวินัยสงฆ์อย่างเคร่งครัด ลด ละ เลิก กิเลสในช่วงที่อยู่ใต้ร่มชายผ้าเหลือง สำรวมกริยา ลืมคำว่าเกย์ กะเทย ผู้ชาย(ที่รัก)ไปเลยในตอนนั้น ยิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ก็ยิ่งระวังการแสดงออก โดยเฉพาะบทบาท หน้าที่และความรู้สึกที่ผู้บังเกิดเกล้ามาก้มกราบเพราะเราเป็นพระในตอนนั้นชาน่าน้ำตาร่วงอย่างปลื้มปิติ แต่ก็บวชชั่วคราว ไม่ใช่ตลอดชีพ เพราะยังคิดว่าตัวเองยังต้องเวียนว่ายตายเกิด และมีภาระหน้าที่ กิเลส และความต้องการทางโลกอยู่ จึงไม่สามารถบวชตลอดชีพได้

ในกรณีนี้ชาน่าก็ไม่เห็นด้วยที่พระ เณร บวชแล้วไม่สำรวมกริยา มิหนำซ้ำแต๋วแตก และยังปฎิบัติตามพระธรรมไม่ได้ ควรหาทางออกอย่างอื่นจะดีกว่ามั้ยคะ

ส่วนใครหลายคนที่คิดอยากจะเลิกกราบพระภิกษุ สงฆ์(เรียกอีกอย่างว่าสมมติสงฆ์) ชาน่าว่าอย่าเพิ่งเดือดแค้นที่จะเลิกกราบพระภิกษุเลยค่ะ เราไม่ได้กราบคนผู้นั้นแต่เรากราบสงฆ์ทั้งมวล บางคนบอกว่าจะเลิกนับถือพระสงฆ์ เพราะมีพระ เณรทำพฤติกรรมแบบนี้ ชาน่าว่าผู้ที่ทำพฤติกรรมแบบนี้คือคนที่ทำลายพระวินัยซึ่งก็คือพระศาสดาอย่างโจ่งแจ้ง ก็ไม่ใช่คุณสมบัติของพระสงฆ์อย่างแน่นอน น่าจะเรียกว่าพวกอลัชชี หรือนักบวชปลอม ดังนั้น การกราบพระภิกษุนั้น เราไม่ได้กราบที่ตัวบุคคล แต่เรากราบสิ่งซึ่งแทนพระสงฆ์ทั้งหลายอันเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย

 

ชาน่าขอนำประโยคความคิดเห็นเด็ดๆ โดนๆ มาฝากค่ะ (ขอขอบคุณ เว็บพันทิป "วิทยุ-โทรทัศน์" และผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ)

"ผมไม่สนใจว่าเรื่องนี้คุณนทีจะผลักดันเพราะมีเบื้องลึกเบื้องหลังมีอะไรแอบแฝง หรือว่ามาจากความบริสุทธิ์ใจของคุณนทีก็ตามแต่เรื่องนี้ผมขัดหูขัดตามานานและอยากทำอะไรมากกว่านั่งด่าเฉยๆ แต่ก็ไม่ได้ทำ ในเมื่อคุณนทีลุกขึ้นมากระตุ้นเรื่องนี้ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการพุทธศาสนารู้สึกและร้อนตัวกัน ผมก็ขอขอบคุณคุณนทีไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ลุยต่อไปนะครับ เรื่องนี้ผมเห็นด้วยสุดลิ่มทิ่มประตูเลย"
จากคุณ : นายภูติ

"เป็นไปได้หรือไม่ว่าใช้จีวรต่างสีกัน มีข้อห้ามอันใดหรือไม่ ที่ผมคิดเช่นนี้เพราะผมนำไปเปรียบเทียบกับทางคริสต์ - คาทอลิก บาดหลวงทางคริสต์กว่าจะบวชได้ ทางพระศาสนจักรให้เวลาพิสูจน์ตัวเองก่อนถึงเจ็ดปี กระนั้นก็ตาม ยังมีบาทหลวงบางองค์ที่นอกลู่นอกทางออกไป แม้โดยเปอร์เซ็นต์แล้วน่าจะน้อยกว่าทางพุทธ เพราะเตรียมตัวมานานกว่ามาก แต่ก็ยังมีอยู่ดี มนุษย์หนอ!!"

จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม

 

"นี่ชั้นกำลังนับถือศาสนาที่มีผู้สืบทอด (บางส่วน) เป็นแบบนี้หรอเนี่ยยย ตามหลักศาสนาคุ้นๆ ว่า พุทธศาสนิกชนที่ดีตักบาตรทำบุญทำสังฆทานต้องไม่เลือกพระ แต่.. ช้านขอเลือกหน่อยจะได้มั๊ย!!!! ถ้านิมนต์มาทำบุญบ้าน 9 รูป เจอสาวแตกเข้าซักคนสองคน ชักซองออกไม่ให้แล้วจะบาปมั๊ยอ่ะ เอาเหอะ เพราะถึงต่อหน้าจะดูมีสง่าราศีรัศมีแห่งธรรมเจิดจ้าก็เหอะ แต่ลับหลังทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ ก็ต้องมาปลอบใจชาวพุทธกับคำพูดที่ว่า ของอย่างนี้อยู่ที่ใจและเจตนาของเรา แต่ก็เอาน่ะ ถึงจะเริ่มไม่เชื่อมั่นในผู้สืบทอดศาสนา แต่ก็ควรจะเชื่อมั่นในหลักธรรมคำสอนของศาสนากันต่อไป สุดท้าย.. ขอบคุณคุณนทีที่ออกมาปกป้องศาสนา ส่วนลุงนั่นก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ เฮ้อออออ.."
จากคุณ : >> Sebastian <<


"ดูแล้วก็ขัดใจเหมือนกันค่ะ คิดอยู่ว่าจะมาตั้งกระทู้ อย่างเช่นตอนที่คุณวัลลภพูดเหมือนกับว่า "พวกเกย์จะชอบจับผิดหรือสายตาจู้จี้" อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ฟังแล้วแบบ เอ๊ะ นี่ดูถูกกันนิ เป็นเรานะจะสวนกลับเลย แต่ชื่นชมคุณนทีว่า ควบคุมอารมณ์ได้ดี และพยายามตอบกลับอย่างสุภาพแต่แอบเจ็บ จริงๆ ถ้าพระแต่งตัวอย่างนี้ เราว่าไม่น่าจะใช่เรื่องที่ปล่อยปละละเลยได้น่ะค่ะ คุณวัลลภอยากให้เด็กรุ่นหลังจำการแต่งกายของพระว่าเป็นแบบสไบชุดไทยหรือค่ะ เราว่าการแต่งกายก็ไม่เรียบร้อยแล้ว ดูแล้วไม่น่าเคารพ คนส่วนมากเขาแยกแยะได้อยู่แล้วค่ะว่า พระที่เคารพเป็นแบบใด ไม่เหมารวมพระทั้งหมดว่าดีหรือไม่ดีหรอกค่ะ พระดีๆยังมีอีกเยอะ แต่พระที่ไม่ดี เราก็สมควรต้องทำอะไรสักอย่างเหมือนที่คุณนทีทำค่ะ ถ้ารอยื่นเรื่องเขาขั้นตอน เราว่าปีหน้าก็ยังไม่สำเร็จ"
จากคุณ : Reda

 

"ความบกพร่องของหน่วยงาน ผุ้รับผิดชอบก็แถไปเรื่อย ก็ไม่เจริญกันซักที ครั้งนี้ชื่นชมคุณนทีนะ เขายอมรับว่าเขาเป็นเกย์แต่ก็ออกมาต่อต้านพวกเดียวกัน ก็ทำในฐานะพุทธศาสนิกชน ตอนนี้มีพวกไม่ดีมาห่มผ้าเหลืองเยอะ มีคนกล้าออกมาช่วยกันดูแลนี่ก็ดีอยู่แล้ว ว่าแต่กระทรวงวัฒนธรรมก็อีกแล้วนะ คราวที่แล้วยังจำได้กับคำพูดว่า "ดิชั้นเป็นข้าราชการ ว่าชั้นไม่ได้" อะไรทำน้องนี้ ขออภัยจำเต็มๆ ไม่ได้ สรุปว่ากระทรวงนี้แตะต้องกันไม่ได้มั้งนี่"
จากคุณ : จันทร์จริงใจ


"คุณนทีก็กำลังโกหกอยู่เช่นกัน รูปพระที่นอนให้พนักงานคลีนิกทำหน้านั่นเป็นรูปที่คุณ "ป้าจะอิ๊บ" ห้องโต๊ะแป้งถ่ายไว้แล้วมีหนังสือพิมพ์ มาขโมยไปลง จนเป็นเรื่องเป็นราวกันมาแล้ว เรื่องเกิดขึ้นสองปีที่แล้ว ณ คลีนิกในกรุงเทพฯ แต่คุณนทีบอกว่า เป็นคลีนิกที่เชียงใหม่ มีคนร้องเรียนคุณนทีมาให้ไปตรวจสอบ แล้วไปคุยกับพนักงานและเจ้าของร้านมาแล้ว ฯลฯ ไม่เข้าใจว่าจะเติมน้ำไปทำไม? มันทำให้ ความน่าเชื่อถือลดลงไปเยอะเลยค่ะ"
จากคุณ : Taffy~*

 

"แล้วพ่อแม่ที่ให้ลูกไปบวช เค้านึกหรือเปล่าว่าจะเป็นแบบนี้  หรือรู้อยู่แล้วเลยปล่อยเลยตามเลย"
จากคุณ : ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์


"
เกย์นที ไม่เห็นด้วย แต่ชายแท้เห็นเป็นเรื่องปกติ"
จากคุณ : นิราศสองภพ


"
แปลกที่ ตาคนนั้นเหมือนสนับสนุน แต่คุณนทีเองไม่ได้พูดเข้าข้างพวกเดียวกัน แต่แยกแยะออก
โอ้โห เจอคุณนที ด่าตรงๆ เลย ไม่แปลกเลยที่มีพระตุ๊ดมากขนาดนี้ เพราะมีผู้ดูแลแบบนี้ ทำไมเขาต้องพยายามแก้ตัวนะ ทำไมไม่พยายามรับฟัง และหาทางไปแก้ไขนะ ยิ่งพูดแบบนี้เขายิ่งเข้าตัว"

จากคุณ : bokeaboh

 

"ถ้าคุณลุงยอมรับก็แสดงว่าแกบกพร่องในหน้าที่น่ะสิคะ อีกอย่างวัดต่างๆ ถ้าเป็นวัดใหญ่ๆ เจ้าอาวาส หรือลูกศิษย์ก็มีอิทธิพลไม่น้อยนะคะ คนในจังหวัดเดียวกันรู้จักกันหมด ทำให้แกอาจไม่กล้าที่จะจัดการอะไรลงไป แต่ก็นั่นแหละ บาปที่แกปล่อยให้พวกทำศาสนาเสื่อมเสีย ออกมามากมายอย่างนี้ โดยที่แกไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองก็ทำให้แกได้รับกรรมออกอากาศแล้วล่ะค่ะ......โดนเกย์ด่าออกทีวี ....อายซะ"
จากคุณ : แม่อิคคิว

 

"ปล. คุณนที..เรื่องอื่นบางเรื่องเราอาจไม่ค่อยเห็นด้วยกับคุณ แต่เรื่องพระนอกรีตที่คุณเอามาเปิดเผยในคราวนี้เราขอชมจากใจจริงว่าคุณกล้าหาญมากและทำได้ถูกต้องแล้ว เราให้คะแนนคุณเพิ่มจากประโยคที่คุณพูดว่า "ถึงจะเป็นเกย์แต่ถ้าทำผิดก็จะไม่ปกป้องและจะออกมาประนามเหมือนกัน" (จำประโยคเต็มๆ ไม่ได้แต่ความหมายราวๆ นี้) การเลือกเข้าข้างความถูกต้องแทนเข้าข้างพวกเดียวกัน (ที่ทำตัวแย่ๆ) ในครั้งนี้ทำให้เราต้องมองคุณใหม่ทีเดียว ขอเป็นกำลังใจให้เดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปได้จนถึงที่สุดนะ"
จากคุณ : Nov

 

"กำลังคิดอยู่ ว่าคุณสรยุทธ์กำลังจัดฉากหรือเปล่า ให้รายการมันดูน่าสนใจ ดีกว่าที่ทั้งสองฝ่ายจะเห็นไปแนวทางเดียวกัน มันไม่มันส์อ่ะ"
จากคุณ : วิญญาณไม่ขายใคร

 

"ลุงแกคงร้อนใจ เพราะโดนส่วนกลางด่าเละเทะ และคาดโทษไว้ล่ะสิ ถึงได้มาบอกว่า ไม่น่าออกสื่อ เพราะทำให้ตัวเองเสียหาย"
จากคุณ : น่องไก่ตุ๋น

 

"ขอย้ำว่าเชียงใหม่เยอะมาก ไม่ใช่แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์อย่างที่ผู้ใหญ่บางคนบอก แล้วที่บอกว่ารอหน่วยงานที่ดูแลค่อยๆ จัดการ ขอโทษเถอะที่ผ่านมาได้จัดการอะไรแล้วเหรอคะมันถึงได้พรึบไปหมด ขอขอบคุณคุณนทีจริงๆ ที่ออกมาเป็นปากเป็นเสียง ...."
จากคุณ : นราเกตต์

 

"ผมว่าพูดได้มีส่วนถูกทั้งสองคน อย่างเรื่องสื่อ เรื่องความคิดคน เพราะเวลามันออกไปเเล้ว มันเเล้วแต่กันอยู่ว่าใครจะคิดยังไง ต่างคนต่างความคิด แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน ผมว่าสังคมก็เห็นมามากเเล้ว ไอแบบเรื่องอย่าง สื่อไปอย่าง คนคิดไปอย่าง เข้าใจผิดกัน บางทีรับความไม่ครบ วิเคราะห์ผิดๆไป  เสียหายไปหมด ผมว่าลุงก็พูดได้ถูกบ้าง แต่ให้ปิดก็ไม่ใช่ ครั้งนี้ถ้าฟังดีๆ ถือว่าดี คุยกันด้วยเหตุผลแย้งกันอย่างมีเหตุผล ถ้าฟังโดยใช้อารมณ์จะเป็นอย่างลุงแกว่า"
จากคุณ : ! (Lick-My-L-Ball)

 

"กว่าจะทำตามขั้นตอนได้ พระพวกนั้นคงสบัดจีวรเต้นระบำฟลามิงโก้ ควับๆ กันหมดแล้วม้าง.......ลุงงงง"
จากคุณ : phatmini

 

ปัญหามีไว้เพื่อแก้ไข อยากให้ทุกคนร่วมกันแก้ไขสังคม ศาสนา และวัฒนธรรมไทยให้เหมาะสม น่าเลื่อมใส เป็นสุขทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราทุกคนที่จะช่วยกันแก้ไข อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่ใช่เป็นเมืองพระตุ๊ด แต๋วแตก มันจะงามมากเกินไป อุ๊บส์...งามหน้านะคะ

 

ขอบคุณภาพประกอบ จากคุณวสันดิลก, แมลงปิศาจ, ซิกโก้, อุดมไปด้วยความสุข, นิราศสองภพ, yehyeh.com และแน่นอนที่สุด เว็บพันทิป

 

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
  หากใครเคยชมภาพยนตร์ไทยของจีทีเอช โดย บริษัท จอกว้าง ฟิล์ม จำกัด เมื่อปีที่แล้ว “หนีตามกาลิเลโอ” หลายคนคงจะประทับใจเรื่องราวและการต่อสู้ ความน่ารักและการใช้ชีวิตของสองสาวไทยที่ตัดสินใจไปเที่ยวและทำงานต่างประเทศ หนึ่งคนไปเพราะอกหัก อีกหนึ่งไปเพราะสอบตก อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมใหม่  แต่สำหรับฉัน “ชาน่า” หนีไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ที่ตัดสินใจบินออกนอกประเทศ ความรู้สึกไม่ได้แตกต่างอะไรไปมากกว่านางเอกของหนังเรื่องนี้นักเลย  สุข เหงา เศร้า คละเคล้ากันไปยิ่งกว่าละครเสียอีก    แต่ชาน่าไม่ใช่นางเอกของเรื่อง แค่เกย์ที่หลายคนรู้จัก บ้างรู้จักฉันดี…
ชาน่า
หลายคนอาจจะเคยสงสัยเหมือนกับชาน่าว่าในสมัยก่อนวิถีชีวิตของเกย์เป็นเยี่ยงไร วันนี้จึงหาคำตอบและเป็นความต้องการทราบส่วนตัวด้วยค่ะ เพราะว่ามีโอกาสได้ดูละครเรื่องสาปภูษา จึงใคร่รู้เยี่ยงนักว่าประวัติความเป็นมาและสังคม กฎระเบียบบ้านเมืองเป็นเช่นใด ข้าใคร่รู้ ณ บัดเดี๋ยวนี้
ชาน่า
  เมื่อช่วงพักร้อนที่ผ่านมา ชาน่าและเพื่อน ๆ ได้พบปะสังสรรค์กันตามประสาเฮฮาปาร์ตี้ เพื่อนๆ ต่างไม่เจอกันมานาน มีทั้งเพื่อนชายจริง หญิงแท้และชาวหลากหลายทางเพศ
ชาน่า
"กระจกจ๋า บอกซาร่าหน่อยนะ ว่าผู้ชายคนเนี้ยะ...ใช่มะ ใช่มะ...." มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว จิ๋ม ซาร่า ท้าสัมผัส... มากับอัลบั้มชุดที่สอง "คนร่วมฝัน"   หากคุณได้ยินเพลงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นหญิงจริงหรือหญิงเทียม ไม่ว่าคุณจะมองผู้หญิงคนนี้อย่างไร ชาน่ามองเธอว่า เธอคือผู้ชายที่กลายเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาอีกคน ข้อความจากเพลง “เกินห้ามใจ” ของนักร้องสาวประเภทสองที่ชื่อจิ๋ม ซาร่า หรือชื่อที่ใช้ในวงการ “สุจินต์รัตน์ ประชาไทย” ผู้ชายทั้งแท่งที่ผันตัวเองให้เป็นผู้หญิงทั้งทิ่ม เธอผู้นี้เป็นคนไทยคนแรกที่กล้าไปผ่าตัดแปลงเพศไกลถึงดินแดนเมืองผู้ดี “อังกฤษ”
ชาน่า
  การมองโลกในแง่ร้าย การมีประสบการณ์ที่โหดร้าย หรืออยู่ในสังคมที่แย่ อาจจะทำให้คนในสังคมนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก สังคมที่ไม่มีศีลธรรม สังคมทุนนิยมที่เอาแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยช่วยให้คนกลุ่มนั้นมีทัศนคติและพฤติกรรมที่กลุ่มคนดีเค้าไม่ทำกัน วันนี้อยากนำเสนอเหตุการณ์ และ ศัพท์ของเกย์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับสังคมสีม่วงของเรา ถ้าหากหลีกเลี่ยงได้ สังคมเกย์ไทยจะน่าอยู่อีกเยอะเลยล่ะฮ่ะ
ชาน่า
  เกิดเป็นคนมีชื่อเสียง (.... อือ... อันที่จริงทุกคนล้วนมีชื่อเป็นของตัวเองทั้งน้านนน) ก็ลำบากทำอะไรก็เป็นเป้าสายตาของประชาชี จะกิน ดื่ม ขยับซ้ายก็เป็นข่าว ขยับขวาก็มองต่างมุม โดนรุมทำข่าวอีก เรียกได้ว่าสูญเสียความเป็นส่วนตัวมากทีเดียว เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องมือของธุรกิจคนขายข่าว ขายเรื่องราวแล้วยังเป็นเหมือนสินค้าตัวหนึ่งทีเดียวฮ่ะ
ชาน่า
การมองโลกในแง่ดี(เกินไป) การทำดี การให้เพื่อคนที่เรารัก เคยรัก อยากรัก สุดท้ายคนนั้นกลายเป็นคนอื่นคนไกล คนไม่รู้จัก บางครั้งมันก็ยากที่จะสาธยายได้ว่า สิ่งที่เราทำไปนั้นมันเป็นไปทางทิศไหน หรือกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ สะกดคำว่า ... สายเกินไป “โดน” กับตัวเองแล้วล่ะ
ชาน่า
  เคยคิดอยากเขียนนิยาย ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงเหมือนกัน แต่ฝีมือการเขียนยังไม่เข้าขั้น และที่สำคัญเวลายังไม่เอื้ออำนวย เพราะต้องทำงานเป็นนางแบกโกอินเตอร์ ทำงานทุกวันฮ่ะ (นางแบก คือทำงานอาชีพแบกถาด บนเรือสำราญเจ้าค่ะ) สัปดาห์นี้อยากเขียนเรื่องจริงจากประสบการณ์ของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของชาน่า ที่เค้ากล้าเผยความเป็นเกย์ต่อครอบครัว ความจริงมันไม่เป็นเพียงแค่ความกล้า หากแต่เป็นสถานการณ์พาไป และอยากให้รับรู้ ยามเมื่อถึงเวลา เนื้อเรื่องและเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจากครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนครอบครัวหนึ่ง เรียบเรียงโดยชาน่า ล้านนา ค่ะ
ชาน่า
ปีใหม่ก้าวผ่านมาตามวันเวลาของปฎิทิน ที่ถูกกำหนดไว้ วันเดือนปี (ใหม่) เป็นแค่กาลเวลาที่คนเรากำหนด นับจากวันที่ผมลืมตาดูโลก จนถึงวันนี้ วัน เวลา และปีเป็นสิ่งที่กำหนดอายุของคนเรา ใช่มันผ่านไปแล้ว ...ผ่านไปเข้าสู่วัยกลางคน ของคน ๆ หนึ่งที่ยืนหยัดอยู่บนโลกที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปใบนี้ มีหลายสิ่งที่ดีเข้ามา มีหลายคราที่รู้สึกแย่ หลากอารมณ์ที่ตัวเองสัมผัสได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ค้นพบและรับรู้อยู่เสมอคือ... ความเป็นตัวตนที่แท้จริงภายใต้จิตสำนึก  
ชาน่า
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการรณรงค์ การกระทำที่ไม่รุนแรงต่อเพศหญิง แต่น้อยคนนักจะเข้าใจและเห็นด้วยกับการที่ได้ทราบข่าว การกระทำรุนแรงต่อเพศพิเศษนั่นคือเกย์ หรือกะเทย ที่เกี่ยวข้องกับผองเพื่อนชาวเรา ชาน่าได้อ่านจดหมายฉบับหนึ่งที่ส่งถึงเว็บเกย์โรมีโอ (เว็บไซต์สังคมเกย์ที่ขึ้นชื่อของโลก) โดยคนที่เขียนมาเล่าเป็นเกย์ ที่ออกค่ายอาสากับหมอ เกี่ยวกับโรคเอดส์ ซึ่งมีโอกาสได้ไปหลายประเทศต่าง ๆ ขอแปลจดหมายฉบับนี้เพื่อผู้อ่านค่ะ
ชาน่า
ชาน่าชอบอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้าถ้าหากมีเวลา แต่ถ้าไม่มีเวลามากนักก็เลือกบางเรื่อง ที่สนใจและเกี่ยวข้อง อย่างเรื่องฮา ฮา แม้บางครั้งบอกกับตัวเองว่า “ไร้สาระน่าดู...” แต่ลึก ๆ แล้วเนื้อหาบางส่วนอาจจะให้ความบันเทิงแบบไม่ต้องคิดอะไรมากอย่างเสียไม่ได้ ลองอ่านเรื่องราวที่ชาน่าเรียบเรียงโดยได้พล๊อตเรื่องจาก เมล์ส่งต่อ แต่แต่งเติมเป็นภาษาง่าย ๆ ของชาน่านะฮะ (ดั่งเพื่อนหลายคนตั้งฉายาให้ว่า ชาน่า ปั้นน้ำเป็นตัวจนแข็ง....) ... ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม น้อง ๆ อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่อนุญาตให้อ่านนะคะ เป็นคอลัมน์เรต ฉ. เด็กควรอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองด้วยค่ะ
ชาน่า
  ชีวิตความรักของเกย์น่ะหรือ... หลายคนผลักดัน ยิ่งดันยิ่งดัก ยิ่งผลักเหมือนยิ่งแบกโลก เคยมีเพื่อนของชาน่าหลายคน บอกว่า ... “ฉันเชื่อเรื่องความรักของเกย์ ...ว่าคือรักนิรันดร์” แต่ “ฉัน” กลับขอค้าน ที่ค้านในที่นี้คือ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คนที่เชื่ออย่างนั้นหนึ่งในนั้นคือ “ฉันเอง” ชาน่า