Skip to main content

 

ระหว่างรอพบนักโทษทางความคิดท่านหนึ่ง พี่สื่อมวลชนที่นั่งรออยู่ด้วยกันแนะนำให้ผมคุยกับชายสูงวัยชาวอีสาน บอกว่าลูกชายของแกที่ถูกขังอยู่ภายในเป็น"เสื้อแดง"

เปลี่ยนใจได้ไวเท่าความเร็วแสง เปลี่ยนเป้าหมายไปยังพ่อของผู้ต้องขัง เปลี่ยนโหมดจากภาษากลางเป็นภาษาถิ่น แนะนำตัว ทำความคุ้นเคยแบบเร่งรัด

"ทิ้งไปก่อนนักโทษทางความคิด เดี๋ยวหาเวลามาเยี่ยมใหม่ เสื้อแดงบ้านๆน่าสนใจกว่า ผมสนใจมาตรฐานการปฏิบัติของผู้มีอำนาจกับเสื้อแดงหลายเฉดสีที่มีความต่างกัน ผมสนใจเหตุผลซื่อๆที่ดูไม่น่าสนใจของพวกเขา มันเหมือนกับภาพถ่ายขาว-ดำ ที่เล่นล้อกับแสงเงา"

พ่อผู้ต้องขังเล่าให้ฟังว่าแกพึ่งทราบข่าวก็เลยรีบลงมาเยี่ยม แกอยากให้ย้ายลูกชายของแกไปขังไว้ยังเรือนจำที่บ้านเกิด จะได้แวะเวียนไปเยี่ยมได้ง่าย

ชายหนุ่มวัยพึ่งพ้นเกณฑ์ทหารท่าทางลอยๆ ใส่ยูนิฟอร์มนักโทษสีเหลืองเดินมายืนอยู่ตรงหน้าเรา

เวลามีน้อย ปล่อยให้พ่อลูกคุยกันได้ไม่กี่คำ ผมก็รีบยิงคำถามรัวๆเข้าใส่เขา ถูกจับยังไง ข้อหาอะไร เมื่อไหร่ โดนอะไรมาบ้าง

คำตอบของเขา ทำเอาผมอยากจะเอาหัวโขกแผ่นกระจกที่กั้นระหว่างเขาและผมรัวๆๆ

"ไม่เกี่ยวกับเสื้อแดงครับ ผมโดนคดีชิงทรัพย์"

หน้าแหก! เสียเที่ยว เสียงานไปอีกวัน! เงียบอึ้งไปสามสิบวินาที สื่ออาวุโสช่างทำกับกรูได้ คำถามตามที่เตรียมไว้หล่นหาย เศษกระดาษที่เตรียมไว้จดก็หลุดร่วงลงจากมือเช่นกัน

ตั้งสติได้ พูดคุยซักถามต่อแก้เกี้ยวแก้เขิน

เขาเล่าให้ฟังว่า 28 ธันวาคม 2556 เขาโดยสารTaxi โดยที่ไม่มีเงินจ่ายค่าโดยสาร โชเฟอร์เลยขับรถพาเขาไปแจ้งความ ที่สน.พระราชวัง เรื่องโอละพ่ออย่างไรไม่รู้ เขาโดนเพิ่มข้อหาเป็นชิงทรัพย์ ของกลางคือโทรศัพท์ I Mobile 1 เครื่อง ราคาประมาณพันแปดร้อยบาท เขาสารภาพ เพราะคิดว่าโทษไม่หนัก จะได้จบๆไป ผลคือศาลตัดสินจำคุกเขา 6ปี 14เดือน

ถามเขาว่าจะอุทธรณ์ไหม ท่าทางเขาไม่เข้าใจความหมาย เขาจำรายละเอียดของคำตัดสินไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งวันที่ผู้พิพากษาตัดสินชะตาชีวิตของเขา

"ประมาณเดือนนึงหรือเดือนกว่าๆแล้ว"เขาบอกผมได้เท่านี้
 

ก็ในเมื่อกระบวนการยุติธรรมเป็นแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคุกไทยถึงได้แออัดติดอันดับโลก

ผมปล่อยให้พ่อลูกได้มีโอกาสคุยกัน ได้ยินเขาถามพ่อของเขาว่าผมเป็นใครเมื่อผมคล้อยหลังออกมา

"เพิ่นเป็นทนาย เพิ่นสิมาช่วยเฮาน่ะสู" ผู้พ่อตอบเสียงดังฟังชัด

 

https://www.facebook.com/sarayut.tangprasert/posts/808204815890338?notif_t=like

บล็อกของ gadfly

gadfly
ฟันธง กกต.แค่ปราม หรือให้ลึกกว่านั้นคือรักษาหน้าแสดงอำนาจเหนือชัชชาติแล้วก็จบ 
gadfly
ผมอ่านวรรณกรรมไทยแนวสะท้อนสังคมไม่เยอะนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมันไม่ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผม  ในช่วงวัยแห่งการแสวงหา (ใช้คำว่าแสวงหาแล้วอยากจะอ้วก ถ้าไม่มีเงินค่าอยู่กิน เล่าเรียนจากพ่อและแม่ ก็คงไม่มีโอกาสได้แสวงหาหรอก) มีนักเขียนสองคนที่ผมตามอ่า
gadfly
 ประยุทธ์บอกให้ประชาชนเลี้ยงไก่สองตัวเพื่อกินไข่ แต่สงสัยว่าประยุทธ์เคยเลี้ยงไก่รึเปล่า ไก่ใช่ไก่ทุกตัวที่จะออกไข่ได้ ต้องเป็นไก่แม่สาวที่อายุสี่เดือนขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถออกไข่ และจะออกไปได้จนอายุประมาณสองปีหรือกว่านั้นเล็กน้อย 
gadfly
 โจน จันได ปราชญ์ชาวบ้าน ต้นแบบการรณรงค์ใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียงสุดฮิป ขวัญใจไอดอลของคนชั้นกลาง คนเมืองกลุ่มใหญ่ ถูกพูดถึงอีกครั้งเมื่ออพยพย้ายรกรากลี้ภัยโควิดไปอยู่ศูนย์กลางประเทศทุนนิยมอย่างสหรัฐอเมริกา พูดถึงโจน จันได ก็ต้องพูดถึงบ้านดิน ที่โจนใช้ในการสร้างชื่อใ
gadfly
 พฤษภา 53 เขตอภัยทาน ได้ถูกนักศาสนา นักสันติวิธีผลักดันให้มีขึ้น 4 จุด คือ วัดปทุมฯ บ้านเซเวียร์ สำนักงานกลาง นร.คริสเตียน แล้วก็ รร.
gadfly
เสาร์อาทิตย์ ตั้งใจจะต่อเติมบ้านส่วนที่ทำค้างไว้ให้แล้วเสร็จ ต้องจ้างช่างชาวบ้านและลูกมือเป็น นร ม ปลายมาทำ เพราะงานปูนทำเองไม่ไหวแล้วช่างไม่มา ส่วนลูกมือไปเฝ้าเบ็ดตกปลาที่อ่างเก็บน้ำ เสียเวลารอ เสียหัวสองวันเต็มๆ วันหยุดด้วย
gadfly
กรณีหมุดคณะราษฎรที่ผ่านมาผมโพสต์เฟซบุ๊กเล่นๆ แบบฮาๆ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่ามันอาจเป็นปัญหาได้เหมือนกันในเฟซบุ๊ก หลายคนเปรยว่า ที่ผ่านมาหลักฐานวัตถุทางประวัติศาสตร์ในยุคของคณะราษฎรได้ถูกเคลื่อนย้าย ทุบทำลาย หรือลดทอนความหมายคุณค่าทางประวัติศาสตร์ลงไปหลายสิ่งอย่างแล้ว จะฟูมฟายอะไรนักหนา
gadfly
============================ ปากหมาหาเรื่อง บ่นบ้า (อย่าถือสาหาสาระ) ============================