บันทึกถึงลูกผู้มาจากดวงดาวอื่น (14)

สาละวิน,ลูกรัก

สิ่งที่แม่เป็นกังวลใจมาตลอดในความเข้าใจถึง “ตัวตน” ของลูกเริ่มก่อแววให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ลูกอายุได้เกือบสามขวบแล้ว ซึ่งทุกวันแม่จะได้รับคำถามจากลูกมากมาย เช่น ทำไมแม่ไม่ใส่ห่วงที่คอ ทำไมกระเม (หมายถึงแขกที่มาเที่ยว) มาบ้านเราล่ะแม่ ฯลฯ

เมื่อวานนี้ก็เช่นกัน ลูกได้ใช้คำพูดด่า “มะจ่อ” ซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อ ด้วยคำว่า “พวกกะเหรี่ยงคอยาว” แม้จะเป็นคำพูดที่ดูจะไม่รุนแรงอะไร ในความชาชินของมะจ่อซึ่งใส่ห่วงทองเหลืองไว้ที่คอ  แต่สำหรับแม่แล้ว คำด่าของลูกแสดงถึงความสับสนในตัวตนของลูกเอง

ข้อแรกคือ แม่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าลูกไปเอาคำด่านี้มาจากไหน  ลูกคงไม่ได้คิดเองในเมื่อลูกก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยกระยันที่สวมห่วงทองเหลือง  แต่ลูกคงได้ยินได้ฟังมาจากเพื่อนที่โรงเรียนซึ่งมีหลายชนเผ่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นอนุบาลของลูก

คำด่าของลูกที่ว่า ”พวกกะเหรี่ยงคอยาว” แสดงถึงการแบ่งพรรคแบ่งพวก โดยที่ลูกหารู้ไม่ว่ามันหมายถึงตัวของลูกเองด้วย แม้ว่าแม่จะไม่ได้สวมห่วงทองเหลือง แต่ลูกก็อาศัยและเติบโตที่หมู่บ้านกระยัน และมีพ่อที่เป็นชาวกระยัน

ข้อที่สอง เมื่อแม่ถามว่าลูกรักพือพือ (หมายถึงย่า) ไหม ลูกก็ตอบว่ารัก แม่ถามลูกต่อว่าแล้วพือพือเป็นกะเหรี่ยงคอยาวหรือเปล่า ลูกก็ตอบว่าเป็น แม่จึงถามต่อไปอีกว่าแล้วลูกด่าว่าพือพือเป็นพวกกะเหรี่ยงคอยาวทำไม แม่ก็ได้เพียงความเงียบเป็นคำตอบจากลูก

คำตอบที่อยู่ในใจของแม่ก็คือ ความไร้เดียงสาของลูกนั่นเอง ที่ลูกจดจำคำพูดของคนอื่น แต่ลูกก็ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ผู้หญิงชาวกระยันที่ใส่ห่วง โดยเฉพาะพือพือ ที่ลูกทั้งรักและติดหนึบมากยิ่งขึ้นตามวันและเวลาที่แม่ได้ห่างลูกออกไปทำงานในเมือง

บางครั้งที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมการแสดงเต้นรำของผู้หญิงที่ใส่ห่วง  เสียงกลองเสียงฉิ่งครึกครื้น สนุกสนาน ลูกก็ยังมากระซิบแม่ว่าอยากใส่ห่วงที่คอเหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่แสดงการฟ้อนรำ  เพราะลูกยังไร้เดียงสา เช่นเด็กคนอื่นๆ ที่ร้องขอให้แม่ใส่ห่วงให้เหมือนกับแม่ของตนเอง

สาละวิน,ลูกรัก ในวันหนึ่ง เมื่อเด็กๆ รวมถึงลูกได้เติบโตขึ้น แม่กลัวว่าเพาะพันธุ์แห่งความรังเกียจที่คนอื่นมอบให้จะขยายสู่อาณาเขตของหัวใจลูก เช่น เด็กสาวรุ่นใหม่ที่ทอดทิ้งวัฒนธรรมการใส่ห่วง  ไปนุ่งยืน สวมชุดเกาะอก เมื่อพวกเขารู้ว่าสังคมตั้งข้อรังเกียจในวัฒนธรรมชนเผ่ากระยัน

แม่จึงพูดคุยปลูกฝังลูกเสมอว่า อย่าได้ตั้งข้อรังเกียจในวัฒนธรรมของตนที่มีอยู่ในสายเลือดของลูกครึ่งหนึ่ง แม่หวังว่าเพาะพันธ์แห่งความรังเกียจจะสูญสลายไป  อยากให้ลูกภูมิใจในความเป็นชนเผ่าของตนเอง ซึ่งแม่ต้องคอยเติมภูมิคุ้มกัน เพื่อวันข้างหน้าลูกจะได้ตอบผู้คนได้อย่างมั่นใจว่าลูกคือใคร  ไม่ปิดบัง “ตัวตน” ที่แท้จริงของตนเอง                            

แม่เคยพบเห็นชายหนุ่มหญิงสาวหลายคนที่มาจากชนเผ่าต่างๆ แต่พอได้รับการศึกษา หรือได้ออกมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ก็ลืมรากเหง้าวัฒนธรรมของตนเอง และแยกตัวออกจากชุมชน ปิดบังว่าตัวเองเป็นชนเผ่าอะไร ลืมแม้กระทั่งภาษาที่พ่อแม่เคยปลูกฝัง

แม่ไม่ได้สอนให้ลูกแบ่งแยก แต่ขอให้ลูกยอมรับในความแตกต่าง และอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความภาคภูมิใจในตัวเอง แม้ว่าเพาะพันธุ์แห่งความรังเกียจจะไม่หมดไปจากสังคมโดยง่าย ลูกก็ต้องสร้างการยอมรับจากคนอื่น   ด้วยการยอมรับตัวเองก่อน เพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะใช้ชีวิตได้

รักลูก
แม่

 

 

ความเห็น

Submitted by มิ้ม on

เขียนได้ดีมากเจน เราเชื่อว่า ในหัวในหัวใจดวงน้อยๆของ สาละวิน นั้น มีความรักอันงดงาม ซ่อนเร้นอยู่อย่างมากมาย
มิ้ม

Submitted by ภู on

สัมผัส รับรู้ถึงความรู้สึกเลยครับเจน,
สาละวินจะต้องมีชีวิต
และจิตวิญญาณ

สบายดีนะ...

Submitted by Morning Star on

แม่เคยพบเห็นชายหนุ่มหญิงสาวหลายคนที่มาจากชนเผ่าต่างๆ
แต่พอได้รับการศึกษา หรือได้ออกมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ก็ลืมรากเหง้า
วัฒนธรรมของตนเอง และแยกตัวออกจากชุมชน ปิดบังว่าตัวเองเป็น
ชนเผ่าอะไร ลืมแม้กระทั่งภาษาที่พ่อแม่เคยปลูกฝัง
(ชอบข้อความนี้)

แม้แต่คนเมืองเชียงใหม่ก็เกือบลืมภาษาของตัวเองแล้ว

Submitted by ปลายเจ้าพระยา on

ประเพณีวัฒนธรรม เชื้อชาติ ภาษา ศาสนา ที่ทุกวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายจากแต่ก่อนเพราะเราไปรับวัฒนธรรมตะวันตกมามากเกินไป...

Submitted by วุฒิ on

พือ พือ ในภาษา ปกาเกอะญอ แปลว่า ปู่ หรือตา

แต่กลับกัน ของ กะยัน พือ พือ แปลว่า ยาย หรือ ย่า

กะเหรี่ยงโผล่ง ปู่ / ตา ออกเสียงว่า พุ่ง ย่า/ยาย ออกเสียงว่า พิ้ย

ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นะ

น้านนาน มาเยี่ยมทีหนึ่ง

Submitted by อ้ายแสงดาวฯ on

หนูเจนชอบคำที่รจนาว่า..."คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกจะใช้ชีวิตได้" ชาติเชื้อ ผิวพรรณ พรมแดน ภาษา ฯลฯ มันเป็นเรื่องสมมุติที่สัตว์มนุษย์ขึ้น เท่านั้นเอง มนุษย์ผึงยืนเด่นผงาดในรากเหง้าวิถีชีวิตของตนเอง หากเป็นเช่นนี้ ทุนนิยมเผด็จการสามานย์ และพวกเผด็จการทุกสายพันธุ์ก้มิอาจมารุกรานรุกล้ำวิถีชีวิตของเราได้ ฯลฯ ดีใจที่ไอ่หนูเจนอยู่กะธรรมชาติที่งดงาม ไม่เหมือนที่อยู่ในเมืองอันมีมลพิษสารพัด ฯลฯ ฮักษาสุขภาพทั้งครอบครัวเน้อ อ้ายชอบมากที่ตั้งชื่อลูกว่า "สาละวิน" หรือ"ตาละวิน" แม่น้ำแห่งโลกแห่งชีวิต!

บันทึกถึงลูกผู้มาจากดาวดวงอื่น (19)

สาละวิน,ลูกรัก

เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย

บันทึกถึงลูกผู้มาจากดาวดวงอื่น (18)

สาละวิน,ลูกรัก  

เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน