Skip to main content

สาละวิน,ลูกรัก  


เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน

ลูกเป็นไข้มาหลายวันแล้วแม่จึงให้ลูกผักผ่อนอยู่กับบ้านเกือบตลอดสัปดาห์ แม่คิดว่าเพราะอากาศช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน 

โดยเฉพาะช่วงเช้าซึ่งยังคงหนาวเย็นเหมือนหน้าหนาว แต่เราจำต้องขี่มอเตอร์ไซด์ฝ่าอากาศหนาวจากบ้านใกล้เมืองเพื่อไปถึงโรงเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านห้วยเสือเฒ่าเป็นระยะทางกว่าเจ็ดกิโลเมตร ลูกจะนั่งด้านหน้ามีผ้าห่มแขวนไว้หน้ารถให้ลูกซุกซ่อนตัวป้องกันความหนาวยามรถวิ่ง

 


ถนนสู่หมู่บ้าน

 
พอตกบ่ายแม่รู้สึกว่าอากาศช่างร้อนอบอ้าว รถที่วิ่งแหวกอากาศแทนที่จะเย็นสบายกลับกลายเป็นลมร้อนอ้าว แผดเผาจนลูกต้องซุกซ่อนหน้าเข้ากับผ้าห่มผืนเดิม อาการหวัดของลูกจึงเป็นๆหายๆ อยู่นานเป็นเดือน


เส้นทางเจ็ดกิโลเมตรที่ว่าก็ยังเป็นเส้นทางที่แปลกที่สุดในโลกก็ว่าได้ เราจะตัดผ่านน้ำทุกๆห้าร้อยเมตร นั่นคือมีลำห้วยสายหนึ่งที่คดโค้งไปมาตัดผ่านถนนกว่าสิบสายเลยทีเดียว


แม่ต้องขี่รถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อก่อนแม่เคยล้มอยู่หลายครั้งด้วยความลื่นของถนน  จนเกิดความชำนาญและรู้เทคนิคในการขับ แต่แม่ก็ไม่เคยประมาทที่จะลดความเร็วเวลาขับขี่ผ่านลำน้ำ


ถนนตัดผ่านลำห้วย


ย่างเข้าหน้าร้อนไม่เท่าไร แม่รู้สึกว่าปีนี้คงต้องแล้งกว่าทุกๆ ปี น้ำที่เคยเจิ่งนองบนถนนบางสายมุดหายไหลอยู่ใต้พื้นถนน  แทนที่แม่จะดีใจที่ไม่ต้องคอยระวังถนนลื่น กลับรู้สึกใจหายที่เห็นปรากฏการณ์ความแห้งแล้งเกิดขึ้นในรอบห้าปีได้อย่างชัดเจน

ทั่วโลกเองก็เป็นอย่างนี้ประสบปัญหาภัยแล้งและไฟป่าที่กำลังจะตามมา โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอนที่ป่าส่วนใหญ่จะผลัดใบจนต้นโก๋น ใบไม้แห้งกลายมาเป็นเชื้อเพลิงยามเมื่อไฟป่าถูกจุดขึ้นที่ไหนสักแห่งกลายเป็นมังกรไฟลามไปทั้งป่า 


ว่ากันว่าไฟป่าเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เกิดจากการเผาด้วยมือของมนุษย์มากกว่าไฟป่าตามธรรมชาติที่ต้นไม้เสียดสีกันจนลุกไหม้  รัฐจึงรณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านจุดไฟเผาป่า แต่อีกมุมหนึ่งของชาวบ้าน ไฟกับป่าหนีกันไม่พ้นในหน้าแล้ง


ชาวบ้านจึงต้องผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยการชิงเผาในสวนของตัวเอง เพื่อทำแนวกันไฟไม่ให้ไฟป่าลุกลามกินอาณาเขตกว้าง คือชาวบ้านเป็นผู้จุดไฟก็จริงแต่ก็สามารถควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปทำลายความอุดมสมบูรณ์ของป่าทั้งป่า


แต่สำหรับแม่การกำจัดต้นเพลิงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าการชิงเผาจะจัดการไฟได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่  หรือการห้ามจุดไฟเลยอาจจะนำมาซึ่งการสูญเสียครั้งใหญ่ก็เป็นได้


ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เขตป่าไม้จึงมีโอกาสพลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการเก็บใบตึงมาทำหลังคาใบตองตึง สร้างรายได้และช่วยลดโลกร้อนแบบที่ไม่ต้องทำตามในโฆษณาทีวีก็เห็นผลได้แบบทันตา

คงมีเพียงจังหวัดแม่ฮ่องสอนเท่านั้นที่เราจะเห็นกระท่อมหลังคามุงใบตองตึงมีอยู่ทั่วไปตามชนบท  ด้วยหาง่าย แม้ซื้อหาก็มีราคาถูก คือตับละสองบาทห้าสิบ  กระท่อมหลังย่อมๆใช้ประมาณไม่เกินห้าร้อยตับ แล้วแต่ว่าจะให้มีความหนามากน้อยเพียงใด  



หลังคาครึ่งใบไม้-ครึ่ง สังกะสี


ที่บ้านพือพือ(ย่า)ก็ยังคงใช้ใบตองตึงมุงหลังคา ทุกๆ สองถึงสามปีจึงจะมีการรื้อเปลี่ยนใหม่  เวลารื้อ-มุงหลังคาใหม่ก็จะใช้วิธีลงแขก  โดยที่ชายหนุ่มในหมู่บ้านมาช่วยกันทำให้เสร็จภายในหนึ่งวัน  เจ้าบ้านก็จะเลี้ยงข้าวปลาอาหารจนอิ่มหนำ  เมื่อเพื่อนบ้านประสงค์จะรื้อ-มุงหลังคาก็จะใช้วิธีเวียนกันไปลงแขก

การลงแขกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อชาวบ้านมีความร่วมใจกันสามัคคีเกื้อกูล และมีคนมากพอที่จะช่วยกันทำงานให้เสร็จเร็วขึ้นเหนื่อยน้อยลง แต่เมื่อชุมชนของเราแตกออกเป็นหลายหมู่บ้าน ส่วนหนึ่งกลับเข้าไปอยู่ในศูนย์อพยพบ้านในสอย

 


แม่บ้านเย็บใบไม้ทำ หลังคา


บ้านของพือพือจึงมีหลังคาเป็นสังกะสีครึ่งหนึ่งเป็นใบตองตึงครึ่งหนึ่ง เมื่อลูกชายและลูกสาวอีกสองคนตัดสินใจเดินทางไปประเทศที่สาม(อเมริกา) ตามพี่สาวคนโตและครอบครัวที่ไปอยู่ที่นู่นก่อนแล้ว ด้วยเหตุผลเดียวคือสังกะสีไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆเหมือนใบตองตึง     

แต่บ้านหลังคาสังกะสีร้อนแสนร้อน เวลาฝนตกใส่เสียงดังสนั่น ไม่เพราะหูเหมือนฝนสาดใบตองตึง ที่ทั้งนุ่มและชื้นเย็น จะดีก็แต่หน้าหนาวที่อบอุ่นกว่าบ้านหลังคาใบตองตึงบ้าง


บ้านของเรามุงกระเบื้องแม้ว่าแม่อยากจะมุงใบตองตึงเหมือนกระท่อม  แต่ในระยะยาวเราจะต้องปวดหัวกับการเกณฑ์คนมาช่วยมุงหลังคาทุกๆสามปีเป็นอย่างน้อย


เพื่อนแม่คนหนึ่งมาสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ที่แม่ฮ่องสอน บ้านไม้สักทั้งหลังแต่มุงด้วยใบตองตึง หลายปีผ่านไปพอจะกลับมาพักหลังคาใบตองตึงรั่วจนเป็นรูโบ๋  ไม้สักผุพังเพราะโดยฝนตกใส่อยู่หลายปี


ปีนี้ราคาใบตองตึงแพงขึ้น อาจจะเพิ่มอีกตับละห้าสิบสตางค์ถึงหนึ่งบาทก็เป็นได้ในช่วงท้ายฤดูกาลเก็บใบไม้ใครขยันก็มีรายได้ แค่เดินออกไปไม่กี่ก้าวเก็บใบไม้มาถักร้อยจากหนึ่งเป็นร้อยจากร้อยเป็นพัน เก็บเงินใส่กระเป๋าแบบลดโลกร้อน.


รักลูก

แม่

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก หากมีคำถามจากใครสักคนถามแม่ว่า เดือนไหนของปีที่รู้สึกว่ายาวนานกว่าเดือนอื่นๆ คำตอบของแม่อาจจะแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ เพราะแม่คิดว่าเดือนที่มีจำนวนวันน้อยที่สุดเป็นเดือนที่แม่รู้สึกว่ายาวนานกว่าทุกๆเดือน
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก  นานแล้วที่แม่ไม่ได้หอมกลิ่นดอกเหงื่อ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เราได้ลงทุนครั้งใหญ่เพื่อติดตั้งน้ำประปาหลวง ทำให้บ้านของเราที่เคยแห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดอกเหงื่อที่เกิดจากการจับจอบเสียมเพื่อขึ้นแปลงผักและปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆ ทำให้แม่มีความสุข เจริญอาหาร และอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ในชีวิตอีกบทหนึ่งก็คือ เมื่อมีพบก็ต้องมีการลาจาก และบางครั้งลูกก็อาจจะต้องเจอกับการพลัดพลาดจากบางสิ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก สิ่งที่แม่เป็นกังวลใจมาตลอดในความเข้าใจถึง “ตัวตน” ของลูกเริ่มก่อแววให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ลูกอายุได้เกือบสามขวบแล้ว ซึ่งทุกวันแม่จะได้รับคำถามจากลูกมากมาย เช่น ทำไมแม่ไม่ใส่ห่วงที่คอ ทำไมกระเม (หมายถึงแขกที่มาเที่ยว) มาบ้านเราล่ะแม่ ฯลฯ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก  ในยามเช้าที่สายหมอกยังไม่ทันจาง เราตื่นขึ้นด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง พวกเขาเดินมาพลางร้องเรียกไปพลาง เพื่อจะดูชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาหมายมั่นมาดู
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่แม่อยากจะเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องความรักระหว่างพ่อกับแม่ ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากคนอื่นๆในสังคม
เจนจิรา สุ
เชียงใหม่ยามเช้าที่อาเขต พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาและกำลังจะจากเมืองใหญ่ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางความเจริญในภาคเหนือของประเทศ