4 1 5

อุ่นใจ บัว


เขาเสยผมที่ยาวประ่บ่าแล้วรวบไว้ด้านหลังเบาๆ พลางเอื้อมมือดันเพื่อปิดประตูห้องหมายเลข
415

วันนี้เป็นวันที่เขาต้องขนย้ายข้าวของและสัมภาระต่างๆ กลับบ้านที่ต่างจังหวัด หลังจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาเดินทางออกจากบ้านเพื่อย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มตัว

สี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เขากำลังนึกถึงภาพของความหลังครั้งอดีต โดยเฉพาะความหลังที่เกิดขึ้นภายในห้องพักที่อยู่เบื้องหน้า หนึ่งในเรื่องราวที่ผุดขึ้นมาในม่านความคิดของเขาก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวห้าคน

เขาจำได้ว่า ห้องพักที่เขาย้ายมาอยู่นี้ เป็นห้องพักลำดับที่สี่ ที่เขาทำการย้ายข้าวของมาอยู่อย่างเป็นกิจจะลักษณะ

ก่อนหน้านั้นหลายปี เขาอยู่คนเดียวมาตลอด จนกระทั้งครั้งที่สาม ที่ย้ายห้อง เขาย้ายมาอยู่กับแฟนสาว เธอเป็นรุ่นพี่ที่เขามีความรู้สึกรักและผูกพันอย่างมาก ทั้งสองอาศัยอยู่ห้องเดียวกันประมาณเจ็ดเดือน จนเดือนที่แปด ทั้งคู่ต้องแยกกันอยู่ เหตุเพราะต้องเลิกกัน

เหตุผลที่ทั้งคู่เลิกกันนั้น เป็นเหตุผลง่ายๆ นั่นคือ เธอบอกกับเขาว่า “เธอมีอะไรกับผู้ชาย” ณ ห้วงเวลานั้นเอง ที่เขาพยายามใช้ความคิดอยู่หลายวันว่าควรเลิกหรือควรให้อภัยเธอดี จนสุดท้ายเขาจึงได้ตัดสินใจเลิกกับเธอ เพราะคิดว่าเธอต้องการคบกับชายคนนั้นมากกว่า ดังนั้นการตัดสินใจเลิกกันจึงเกิดขึ้นบนเงื่อนไขที่ว่า เราเลิกกันวันนี้ แต่วันหนึ่งเราอาจกลับมาคบกันเหมือนเดิมก็ได้ หากเวลานั้นเราทั้งคู่ยังคงคิดถึงและรักกันอยู่ และภายหลังจากนั้นเรื่องราวของเธอก็อยู่ในความทรงจำของเขาเสมอมา เพื่อนๆ หลายคนที่รู้จักเขาจะรู้ดีว่าเขารักเธอมาก ตอนที่ทั้งสองคบกัน เขาไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นเลย เขาปิดตัวเอง ไม่ยอมเผลอใจสร้างเงื่อนไขในรักใหม่ เขาเลือกที่จะคบกับเธอเพียงคนเดียว แต่เมื่อทั้งสองเลิกกัน จุดหักเหในชีวิตเขาจึงเกิดขึ้น

หลังจากนั้น เขาจึงได้ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องพักแห่งใหม่ และตอนนี้เอง เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จักครั้งที่ไปเที่ยวผับยามราตรีเมื่อหลายเดือนก่อน มาเยี่ยมเยียนเขาถึงที่ห้อง – ในคืนนั้น ที่ริมระเบียงเขาและเธอได้พูดคุยกัน ชื่นชมพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า ที่มีเมฆหนาทึบลอยไปมา ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ไม่นานนัก ก็ดูเหมือนว่ามือไม้ของเขาจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว

และในคืนนี้เองที่เขาและเพื่อนสาวมีอะไรกัน ถึงแม้จะไม่มีการสอดใส่ก็ตาม แต่เธอก็ได้ใช้ปากอันอ่อนนุ่มช่วยให้เขาไปถึงจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ เขาครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่จะมีอะไรกับเธอ เพราะในตอนแรก ก่อนที่ร่างของทั้งเขาและเพื่อนสาวจะไปอยู่บนเตียง ทั้งสองได้พูดคุยกันว่าจะสามารถมีอะไรกันได้มากแค่ไหน และเธอเองก็บอกเขาว่ายังไม่พร้อม เขาพยักหน้ารับ เพราะเขาเองก็ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบอะไรมากนัก จนในที่สุดทั้งสองก็ทำได้แค่เพียงกอดจูบและใช้ปากสื่ออารมณ์ของตนเท่านั้น

เพียงแค่สองวันที่เขาย้ายมาอยู่ที่ห้องพักแห่งนี้ ดูเหมือนว่าวิถีชีวิตทางเพศจะเลื่อนไหลมากขึ้น การอยู่คนเดียวครั้งนี้กับครั้งก่อนต่างกันมาก ครั้งก่อนเป็นช่วงที่เขายังไม่มีประสบการณ์อะไรมากนัก แต่ครั้งนี้ดูเหมือนประสบการณ์ทางเพศ ท่วงท่า จังหวะ ถ้อยทีถ้อยอาศัย เริ่มมีลวดลายมากขึ้น การอยู่คนเดียวในครานี้จึงต่างจากเมื่อก่อนมาก

เขาจำได้ดีว่า ผู้หญิงคนที่สามที่มีอะไรกับเขาในห้องนี้ มีที่มาจากการที่เขาและเพื่อนชายไปเที่ยวกัน และในค่ำคืนนั้นเอง เขาก็ได้พบกับรุ่นพี่คนหนึ่ง เธออายุมากกว่าเขาหลายปี ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอในผับ ด้วยฤทธิ์ของน้ำเมาทำเอามือไม้ของเขาไม่อยู่กับที่ หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาสิเน่หาและเย้ายวน เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไร หากแต่เขาก็คิดเพียงว่าคืนนี้มีเฮแน่เรา!

และคืนนั้นเองที่เขาตัดสินใจ ขอให้หญิงสาวรุ่นพี่ช่วยไปส่งเขากลับห้องพัก รุ่นพี่ใจดียิ้มรับและอาสาพาเขาไปส่งยังห้องพัก...เมื่อไปถึงยังห้องพักแล้ว พี่สาวที่เพิ่งได้พบกันในค่ำคืนนี้ก็ขอตัวลากลับ เขารู้สึกเสียดาย ที่ระหว่างเขาและสาวรุ่นพี่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นดั่งที่เขาหวังไว้

ไม่กี่วันต่อมาหลังจากนั้น พี่สาวคนเดิมก็โทรศัพท์มาชวนเขาไปเที่ยว และทั้งสองคนได้ไปเที่ยวด้วยกัน เขาค่อนข้างจะชอบและรู้สึกดีที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆ กับรุ่นพี่สาว คืนนี้อาการเมาของเขามีไม่มากนัก แม้ว่าปริมาณเหล้าจะหมดไปมากกว่าที่คิดไว้ ทว่าสุดท้ายฤทธิ์ของน้ำเมาและความหลงใหลในสาวรุ่นพี่คงผสมกัน จนทำให้ค่ำคืนนี้จบลงด้วยการมีอะไรกันของเขาและสาวรุ่นพี่ ที่ห้องนอนของเขา...

ภายหลังจากคืนนั้น ทั้งสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องเพื่อวาดรูป ทำโปสการ์ด ทำกับข้าวร่วมกัน จนหนึ่งเดือนให้หลัง รุ่นพี่สาวได้บอกกับเขาว่าเธอมีแฟนแล้วและบอกให้เขาทำใจ อย่าคิดมาก เป็นพี่น้องกันจะดีกว่า....จากนั้นมาเขาและเธอก็ไม่ได้เจอกันอีก แต่ทั้งสองก็ยังคงติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์อยู่บ้างนานๆ ครั้ง

ต่อมาไม่กี่เดือนจากนั้น เขาก็ได้ไปเที่ยวอีกครั้ง และครั้งนี้เอง เขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรกันมากนัก ก็กลับมาค้างคืนที่ห้องพักของเขาด้วยกัน เขารู้สึกหดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น และสิ่งที่ร้ายกว่านั้น ก็คือ เขาอ้างกับเธอว่าเขามีแฟนแล้วและกลัวว่าแฟนจะรู้ แต่แล้วหญิงสาวก็กลับบอกเขาว่า เธอก็มีแฟนอยู่แล้วเช่นกัน แต่สุดท้ายทั้งสองต่างก็ตกลงที่จะมีอะไรกัน และต่างก็จากกันด้วยดี

ช่วงหลังเหตุการณ์ดังกล่าว.....เขาเริ่มโทรศัพท์ไปหาแฟนคนแรกอีกครั้ง ทั้งคู่เริ่มพูดคุยกันด้วยดีอีกหน แม้ว่าเธอจะกำลังคบกับแฟนคนใหม่อยู่ก็ตาม แต่เขาก็พยายามที่จะหาโอกาสที่จะได้พบกับเธออยู่เสมอ ทั้งกินข้าว ดูหนัง หรือแม้แต่ไปเที่ยวด้วยกันก็ตาม ดูเหมือนว่าเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง หรือเวลาที่ได้สบตาและสัมผัสเนื้อตัวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดำเนินไปเหมือนอย่างที่ทั้งคู่เคยเป็น เคยทำด้วยกัน เพียงแต่ว่าการกระทำในครั้งนี้ เป็นเวลาที่เธอมีแฟนใหม่แล้ว และเขาก็ไม่ต่างอะไรกับมือที่สาม

เมื่อคิดได้ว่าสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ไม่ดี เขาจึงหยุดการกระทำทุกอย่าง ไม่พูด ไม่คุย ไม่ติดต่อกับแฟนคนแรกอีกเลย....

ไม่นานนักเขาก็ปิดกั้นตัวเองอีกครั้ง...ไม่คบ ไม่คุย กับผู้หญิงคนไหนอยู่นานหลายเดือน จนผู้หญิงอีกคนที่เขารู้จักในผับ นั่นคือ รุ่นพี่สาว ซึ่งเธอคนนี้ก็ได้เข้ามาทักทายและพูดคุย เลี้ยงเหล้าให้กับเขาตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ทั้งสองมีอะไรกัน และหลังจากนั้น รุ่นพี่สาวก็บอกเขาเสมอว่า เขากับเธอเป็นแฟนกันแล้ว หากแต่สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นเพียงพี่สาวคนหนึ่ง ที่เคยมีอะไรกัน และเป็นที่พึ่งเมื่อยามที่อีกฝ่ายมีปัญหา

ช่วงหลังๆ มานี้ เขาสับสนกับตัวเองมาก เหมือนว่าเขากำลังอยู่ในวังวนของความลุ่มหลงอะไรบางอย่าง แม้ว่าเขาจะมีความสุขที่ได้คบหาและมีเซ็กส์กับผู้หญิงหลายคน แต่สุดท้ายเขาและเธอก็เหมือนเป็นเพียงแค่ทางผ่านของกันและกันเท่านั้น มีผู้หญิงหลายคนที่เขาคบและไม่ได้มีเซ็กส์ด้วย พวกเธอเหล่านั้นมีความแตกต่างกันไปตามความคิด มุมมอง และท่าที

หลายคนที่เคยมีอะไรกันหรือเคยคบกันกับเขา เมื่อสิ้นสุดความสัมพันธ์ เขาและเธอก็ยังคงติดต่อ พูดคุย รู้จักกันอยู่ ไม่ได้เลิกราห่างเหินกันเลย เพียงแต่ว่าแต่ละคนต้องรักษาระดับความสัมพันธ์ไว้ไม่ให้อารมณ์ความรู้สึกเดิมๆ มันหวนคืนให้จุดติดเหมือนน้ำมันกับไฟ

แน่นอนว่า มันมีอะไรซับซ้อนมากมายกว่าที่เราคิดเสียอีก สำหรับเรื่องของคนสองคน ซึ่งจริงๆ แล้วมันเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ เสมอ ทุกครั้งที่เขามีอะไรกับคู่สัมพันธ์ ความรู้สึกแรกที่คิดถึงเสมอคือ “ความปลอดภัย” และ “ความยินยอม” ของแต่ละคน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มันช่วยทำให้ชีวิตทางเพศของแต่ละคนมีความสุขและพอใจร่วมกันๆ กัน และได้ทำให้ความปลอดภัยและยินยอมยังอยู่ในความคิดของแต่ละคนด้วย

เมื่อเรื่องเหล่านี้ฝังอยู่ในใจ ก็จะเกิดเป็นสำนึกให้ตระหนักอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีอะไรกับใคร สำหรับเขาแล้ว เขาไม่อายเลยที่จะพูดคุยเรื่องการป้องกันกับแต่ละคน ไม่ว่าหญิงคนแรกหรือคนต่อมาก็ตาม ทั้งที่มีอะไรกันข้างในหรือนอกห้อง 415 ก็ตาม

วันนี้, วันที่เขาเก็บข้าวของออกจากห้อง 415 จึงเป็นวันที่เขานึกย้อนถึงอดีตด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เกิดจากความสุข รอยยิ้มที่เกิดจากการพูดคุยเรื่องเพศอย่างเปิดเผยกับคู่แต่ละคน รอยยิ้มที่เกิดจากความปลอดภัยและยินยอมในความสัมพันธ์

เป็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นหน้าห้องที่เขายืนมองด้านในด้วยแววตาปีติ

ด้านหน้าห้องที่เขายืนอยู่, เขาค่อยๆ เอื้อมมือขวาไปปิดประตูห้องอย่างเบาๆ หมายเลขห้อง 415 ติดตรงประตู บอกให้เขารู้ว่าเรื่องราวตลอดระยะเวลาสี่ปีของเขากับหญิงสาวห้าคนกำลังจะผ่านไปและเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขาคิดว่ามันเป็นบทเรียนที่มีค่ามากๆ สำหรับชีวิตที่เขาเลือก แม้ว่าสังคมจะยังไม่ค่อยยอมรับในความรักระหว่างเขากับหญิงคนอื่นๆ ก็ตาม แต่เขาก็เชื่อมั่นเสมอมาว่า “รักเพศเดียวกันคือทางเลือกของความรัก”

ชีวิตหญิงรักหญิงที่เลือกแล้ว ของ “แนน” ย่อมมีมากกว่าเรื่องในห้อง 415 อย่างแน่นอน....

 

 

 

เพศวิถีมีชีวิต : การเปลี่ยนแปลงจากภายใน อะไรที่ท้าทายเรา?

จากที่ข้อเขียนเรื่องเพศวิถีมีชีวิตทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การวางความคิด เรื่องการเปิดใจคุยเรื่องเพศของตนเอง เรื่องความหลากหลายในรักและความสัมพันธ์ ความรักต่างเพศนิยม เรื่องกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความพยายามที่จะมาสรุปในตอนท้ายของบทความนี้ว่า หากเราจะคุยเรื่องเพศวิถีจากมุมมองภายในจากชีวิตของเรานั้น เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง อะไรที่เป็นความท้าทายที่จะนำไปสู่การจุดประกายให้แต่ละคนได้กลับมาสำรวจ ตั้งคำถาม และสร้างการเรียนรู้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้โดยอาศัยทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของแต่ละคน

เพศวิถีมีชีวิต : เพศวิถีของวัยรุ่นในวันที่โลกหมุนเปลี่ยน

โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ความสัมพันธ์ทางเพศของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในสังคมสมัยก่อน เช่น ในภาคเหนือ การจีบสาวของคนล้านนาจะมีการค่าว (คล้ายลำตัดของภาคกลาง) ตอบโต้กันไปมา การจีบกันต้องให้เกียรติผู้หญิงเป็นคนเลือกคู่ หรือหากจะแต่งงานก็ต้องมีการใส่ผี คือการวางเงินสินสอดจากฝ่ายชายเพื่อบอกกับผีปู่ผีย่าของฝ่ายหญิงให้ทราบว่าจะคบกันแบบสามีภรรยา

เพศวิถีมีชีวิต: เคารพในความหลากหลาย รักเลือกได้อย่างมีศักดิ์ศรี

ความคิด ความเชื่อเรื่องเพศที่หล่อหลอมเรามาว่า ควรมีชายกับหญิงเท่านั้นที่คู่กัน สิ่งนี้เป็นความคิด ความเชื่อที่ฝังหัวเรามาตลอดจนเราไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าทำไมเราจึงต้องรักเพศตรงข้าม และการที่เรารักเพศเดียวกันนั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ

เพศวิถีมีชีวิต: ชีวิตทางเพศ เริ่มคุยจากตัวเอง

สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่และพี่ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิง เห็นการทำงานของผู้หญิงที่ “ศูนย์เพื่อน้องหญิง” จ.เชียงราย เห็นความเข้มแข็งในการทำงานของแม่ของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ทำให้ผมเห็นว่าความเป็นหญิง ความเป็นชาย แท้จริงแล้ว ทุกคนก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน แต่ทว่าการเลี้ยงดูหล่อหลอมของสังคมกลับบอกว่าแบบนี้ผู้หญิงควรทำ แบบนี้ผู้ชายควรทำ

เพศวิถีมีชีวิต: การเปลี่ยนแปลงจากภายใน

เปิดใจเรียนรู้ประสบการณ์ภายในตน

ผมเริ่มต้นทำงานในประเด็นเรื่องเพศ ตอนอายุน้อยๆ จากวันนั้นมาวันนี้ ระยะเวลาหลายปี ที่อยู่บนเส้นทางนี้ได้เจออะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ประสบการณ์ทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทหน้าที่ใด ความรับผิดชอบแบบไหน องค์กรระดับชุมชนหรือเครือข่ายก็ตาม งานต่างๆ เหล่านี้ทำให้ได้ทำประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นไปพร้อมๆ กัน

ผมไม่อาจเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าเป็นคนทำงานเพศวิถี เพราะเข้าใจว่าเรื่องเพศวิถีนี้มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองเป็นนักพัฒนาสังคม เพราะบ่อยครั้งก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับตัวเองว่าที่ว่าเป็นนักพัฒนาสังคมนั้น แน่นอนว่าเราต้องทำประโยชน์เพื่อคนอื่นๆ ที่กำลังเผชิญกับปัญหา เผชิญกับความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า หรือแม้แต่เรื่องสื่อและโลกาภิวัตน์