Skip to main content

1

นันกับฝน เรียนอยู่มหาวิทยาลัยอีกไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาแล้ว เขาทั้งสองเป็นเด็กต่างอำเภอที่ได้ย้ายมาเรียนในตัวเมืองของจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ

ทั้งสองคนพบกันครั้งแรกตอนเข้า ม.4 ตอนนั้นเป็นจุดตั้งตนให้เขาและเธอได้รู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์เรื่อยมาจนเป็นแฟนกัน และจากนั้นนันกับฝนจึงตัดสินใจย้ายหอมาอยู่ด้วยกัน อาศัยห้องเดียวกัน ตอนเรียน ม.5

ตอนที่มีอะไรกันครั้งแรก นันใช้ถุงยางอนามัย เพียงเพราะยังไม่อยากรับผิดชอบผลกระทบที่จะตามมาจากการมีอะไรโดยไม่ได้ป้องกัน เขาไม่ได้ให้ฝนคุมกำเนิดด้วยการทานยาคุมกำเนิดเพราะกลัวผลข้างเคียง ที่จะเกิดขึ้น แต่เลือกใช้ถุงยางอนามัยทุกๆ ครั้ง

พอเรียนจบ ม.6 ทั้งสองสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน นันเรียนด้านสังคมศาสตร์ ส่วนฝนเรียนวิทยาศาสตร์ ทั้งสองคนบอกกับพ่อแม่ของตัวเองว่าอยู่หอกับเพื่อน เวลาที่พ่อแม่ของใครมาหาที่หอ อีกคนจะไปนอนหอเพื่อน เพื่อไม่ให้พ่อแม่ทราบว่าอยู่ด้วยกัน

ตามปกติแล้ว นันจะเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายค่าห้อง ส่วนฝนดูแลเรื่องอาหารการกินและเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งสองคบกันมาหลายปี นันและฝน รู้ดีว่า ทั้งสองต่างสนใจใคร่สวาทในตัวของกันและกัน ตอนที่พบกันครานั้น เรื่องราวบนเตียงนอนเกิดขึ้นหลายหน แต่ทว่าในความสนุก ความสุขจากการมีเซ็กส์ ก็เป็นไปด้วยความปลอดภัยทุกครั้ง

ผมเจอทั้งสองคนเมื่อไม่นานมานี้ เพราะฝนรู้จักกับเพื่อนของผม ซึ่งเขาได้ปรึกษาผมว่า เขาจะไม่ใช้ถุงยางอนามัยแล้ว เพราะคิดว่าอยากจะลองมีอะไรกันแบบไม่ใช้ถุงยางอนามัยและอยากให้ฝนทานยาคุมเพื่อคุมกำเนิด แต่ทั้งสองกลัวผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น จึงได้มาถามไถ่ ปรึกษา

ผมให้ข้อมูลไปตามที่ตนรู้ แต่ก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลที่รอบด้าน มากที่สุด แต่สุดท้ายก็ให้เป็นการตัดสินใจร่วมกันของทั้งสองเองว่าจะเอายังไง

นันบอกว่า ตอนที่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อตอนเรียนมัธยมเพราะกลัวพลาด กลัวฝนจะท้อง แต่ตอนนี้ทั้งสองใกล้จะจบแล้ว และคิดว่างานการที่ทำอยู่ก็สามารถจะรับผิดชอบตัวเองได้ จึงอยากเปลี่ยนวิธีการ และคิดว่าหากจะท้องก็ไม่กลัว เพราะทั้งสองก็พร้อมที่จะมีลูก หากมันเกิดการผิดพลาดมา

ผมบอกเขาทั้งสองว่า แม้ว่ายาคุมกำเนิดจะป้องกันการท้องได้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการรับเชื้อเอชไอวี หรือแม้แต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

 

2

ฟ้ากับแป้ง เพิ่งเรียนอยู่ ม. 6 ฟ้ากับแป้งเป็นแฟนกัน คบกันมา 2 ปี ฟ้ากับแป้งอยู่หอคนละที่ ไม่ได้พักด้วยกัน เพราะหอแป้งเป็นหอหญิงล้วน ส่วนของฟ้าเป็นหอรวม

ฟ้าไม่กล้ามีอะไรกับแป้ง เพราะกลัวว่าแป้งจะไม่รัก เขาทำได้อย่างมากก็เพียงจับมือและจูบ ทุกครั้งที่แป้งมาหาฟ้าที่ห้อง ท้องสองนอนกอดกัน จูบกันนัวเนียบนเตียงนานหลายชั่วโมง

ผมแปลกใจไม่ได้ที่จะถามว่าทำไมถึงทำได้ เมื่อผมเจอฟ้า ตอนวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาบอกว่า เขาไม่อยากมีอะไร เพราะมีไปก็แค่นั้น เขาอยากจะมีอะไรกับแป้งตอนที่แต่งงานกัน ตอนนี้ ทำได้แค่จูบและกอดก็เพียงพอ

แล้วอารมณ์ไม่พาไปเหรอ? – ผมถาม

ฟ้าบอกว่า พาไปเหมือนกัน บางครั้งก็อยากจะมีอะไรแบบสอดใส่ แต่ก็หยุดไว้ได้เมื่อคิดถึงผลที่จะตามมา

ตอนนี้ทั้งสองยังคบคบกัน พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

3

ลุงคนหนึ่ง อายุ 50 กว่าแล้ว แกมีเซ็กส์ครั้งแรก ตอนอายุ 16 ตอนนั้นเป็นช่วงที่แกทำมาหากินด้วยการเลี้ยงวัวและควาย แกเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อก่อนตอนอยากมีอะไร มันหาที่จะไปมีอะไรกันยาก เพราะบ้านเรือนเมื่อก่อนมีน้อย จะทำอะไรก็ต้องไปที่ลับตาคน

ตอนนั้นแกกับผู้หญิงแฟนกัน ก็ไปเลี้ยงวัวควายตามประสา แล้วจังหวะอะไรก็ดลใจ ทั้งคู่เลยมีอะไรกัน ที่ทุ่งนา และนับตั้งแต่นั้นมาทั้งสองก็แอบซ่อนผู้ใหญ่มามีอะไรกัน จน 3 ปี ให้หลัง มีคนมาเห็นข้างกองฟาง จึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และทั้งสองก็ต้องแต่งงานกันตามประเพณี

ทุกวันนี้แกยังคงเล่าเรื่องกองฟางของแกให้ฟังอยู่เสมอ คุยไป ยิ้มไป...

4

นันกับฝน บอกกับผมว่า สมัยนี้ถ้าไม่มีหอ วัยรุ่นก็สามารถมีอะไรกันได้ ทุกที่ หากเขาอยากจะมีอะไรจริงๆ มันจึงทำให้ผมคิดถึงเพื่อนบางคนที่ชอบมีอะไรในห้องน้ำ, สวนสาธารณะ, บนรถ, ห้องเรียน เป็นต้นด้วย

ฟ้ากับแป้ง บ่นเสมอว่า คนมักคิดว่าทั้งคู่มีอะไรกัน ทั้งที่ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพียงเพราะเห็นสองคนเดินจับมือกันอยู่บ่อยๆ

มีเพื่อนหลายคนเคยตั้งคำถามที่สำคัญต่อผู้ใหญ่คือ ผู้ใหญ่กลัวเด็กมีเพศสัมพันธ์ไปทำไม ยิ่งสมัยที่มีโรงเรียนแล้วเอาคนต่างเพศ คือ ชายกับหญิง (ในเชิงสรีระนะครับ) มาอยู่ด้วยกัน ในช่วงวัยอยากรู้ อยากเห็น โดยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่มีข้อมูล ความรู้เรื่องเพศศึกษามาสอน ยิ่งไม่ต้องคิดอะไรครับว่าจะห้ามให้เด็กมีอะไรกันได้ ก็เพราะยิ่งไม่มีข้อมูลเรื่องเพศที่รอบด้านเท่าใด วัยรุ่นคงไม่สามารถประเมินพฤติกรรมเสี่ยงของตนได้เท่านั้น พฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย การท้อง แท้ง การไม่สามารถจัดการอารมณ์ของตนได้ จึงเกิดปรากฏขึ้น

ยิ่งมีข่าวว่าจะมีการจัดระเบียบหอพักแล้ว ยิ่งทำให้ชวนคิดว่าจะแก้ไข ไม่ให้วัยรุ่นมีอะไรกันได้หรือไม่ เพราะถึงไม่มีที่ห้องพักหรือหอ หากเขาต้องการที่จะมีอะไรกันแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเขาสามารถหาที่ทางให้กับตัวเองได้อยู่แล้ว

และแม้ว่าเขาจะอยู่ด้วยกันฉันท์สามี ภรรยา ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร หากเขาสามารถที่จะรับผิดชอบต่อเรื่องต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และมีความปลอดภัยและรับผิดชอบกับชีวิตทางเพศของตน

มาถึงตรงนี้ ข้อเสนอที่น่าจะเป็นไปได้คือ การสร้างการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาให้เกิดขึ้นสังคมอย่างเป็นจริง ให้ทั่วถึงกับวัยรุ่นทุกๆ คน ทั้งที่เรียนและไม่ได้เรียนในโรงเรียน

เมื่อถึงตอนที่วัยรุ่น อยู่หอ อยู่บ้าน อยู่กับแฟน อยู่กับคู่นอน หรืออะไรก็ตาม ข้อมูลที่รอบด้านก็จะอยู่กับตัวเขา เพื่อให้เขาได้เลือกที่จะกำหนดชีวิตของตัวเอง ...

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
จากที่ข้อเขียนเรื่องเพศวิถีมีชีวิตทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การวางความคิด เรื่องการเปิดใจคุยเรื่องเพศของตนเอง เรื่องความหลากหลายในรักและความสัมพันธ์ ความรักต่างเพศนิยม เรื่องกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความพยายามที่จะมาสรุปในตอนท้ายของบทความนี้ว่า หากเราจะคุยเรื่องเพศวิถีจากมุมมองภายในจากชีวิตของเรานั้น เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง อะไรที่เป็นความท้าทายที่จะนำไปสู่การจุดประกายให้แต่ละคนได้กลับมาสำรวจ ตั้งคำถาม และสร้างการเรียนรู้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้โดยอาศัยทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของแต่ละคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ความสัมพันธ์ทางเพศของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในสังคมสมัยก่อน เช่น ในภาคเหนือ การจีบสาวของคนล้านนาจะมีการค่าว (คล้ายลำตัดของภาคกลาง) ตอบโต้กันไปมา การจีบกันต้องให้เกียรติผู้หญิงเป็นคนเลือกคู่ หรือหากจะแต่งงานก็ต้องมีการใส่ผี คือการวางเงินสินสอดจากฝ่ายชายเพื่อบอกกับผีปู่ผีย่าของฝ่ายหญิงให้ทราบว่าจะคบกันแบบสามีภรรยา
กิตติพันธ์ กันจินะ
ความคิด ความเชื่อเรื่องเพศที่หล่อหลอมเรามาว่า ควรมีชายกับหญิงเท่านั้นที่คู่กัน สิ่งนี้เป็นความคิด ความเชื่อที่ฝังหัวเรามาตลอดจนเราไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าทำไมเราจึงต้องรักเพศตรงข้าม และการที่เรารักเพศเดียวกันนั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
กิตติพันธ์ กันจินะ
สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่และพี่ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิง เห็นการทำงานของผู้หญิงที่ “ศูนย์เพื่อน้องหญิง” จ.เชียงราย เห็นความเข้มแข็งในการทำงานของแม่ของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ทำให้ผมเห็นว่าความเป็นหญิง ความเป็นชาย แท้จริงแล้ว ทุกคนก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน แต่ทว่าการเลี้ยงดูหล่อหลอมของสังคมกลับบอกว่าแบบนี้ผู้หญิงควรทำ แบบนี้ผู้ชายควรทำ
กิตติพันธ์ กันจินะ
เปิดใจเรียนรู้ประสบการณ์ภายในตน ผมเริ่มต้นทำงานในประเด็นเรื่องเพศ ตอนอายุน้อยๆ จากวันนั้นมาวันนี้ ระยะเวลาหลายปี ที่อยู่บนเส้นทางนี้ได้เจออะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ประสบการณ์ทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทหน้าที่ใด ความรับผิดชอบแบบไหน องค์กรระดับชุมชนหรือเครือข่ายก็ตาม งานต่างๆ เหล่านี้ทำให้ได้ทำประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นไปพร้อมๆ กัน ผมไม่อาจเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าเป็นคนทำงานเพศวิถี เพราะเข้าใจว่าเรื่องเพศวิถีนี้มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองเป็นนักพัฒนาสังคม เพราะบ่อยครั้งก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับตัวเองว่าที่ว่าเป็นนักพัฒนาสังคมนั้น…
กิตติพันธ์ กันจินะ
หายไปเสียนานกับบ้าน “หนุ่มสาวสมัยนี้” เพราะต้องทำงานโครงการป้องกันเอดส์ และเพศศึกษากับเพื่อนๆ เยาวชนในหลายๆ ภาค ทำให้เวลาในการเขียนขีดมีน้อยกว่าเมื่อก่อน ทว่าตอนนี้ก็สามารถจัดการเวลากับตัวเองได้ลงตัวมากขึ้นทำให้ชีวิตมีความสมดุลมากขึ้นทีเดียว
กิตติพันธ์ กันจินะ
อุ่นใจ บัว เขาเสยผมที่ยาวประ่บ่าแล้วรวบไว้ด้านหลังเบาๆ พลางเอื้อมมือดันเพื่อปิดประตูห้องหมายเลข 415 วันนี้เป็นวันที่เขาต้องขนย้ายข้าวของและสัมภาระต่างๆ กลับบ้านที่ต่างจังหวัด หลังจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาเดินทางออกจากบ้านเพื่อย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มตัว สี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เขากำลังนึกถึงภาพของความหลังครั้งอดีต โดยเฉพาะความหลังที่เกิดขึ้นภายในห้องพักที่อยู่เบื้องหน้า หนึ่งในเรื่องราวที่ผุดขึ้นมาในม่านความคิดของเขาก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวห้าคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
  กิตติพันธ์ กันจินะ -1-วันอาทิตย์สัปดาห์นี้ผมน้อมนำกายไว้ที่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะกลับเชียงรายเลย และอยากให้วันอาทิตย์นี้เป็นของขวัญแก่ตัวเองในการพักผ่อน หยุดขยับเรื่องงาน และเอาใจมาคิดถึงเรื่องด้านในของตัวเองด้วย เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นี้ ผมตื่นนอนตามปกติ ไม่สายและไม่เช้าจนเกินไป และอยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้โทร.กลับหนึ่งสาย นั้นคือ พี่จ๋อน แห่งมะขามป้อมนี้เอง สำหรับพี่จ๋อนและพี่ๆ มะขามป้อมแล้ว ผมถือว่ารู้จักมักคุ้นกับพี่ๆ มานานหลายปี โดยผมเริ่มรู้จักกับมะขามป้อม เมื่อตอนยังเด็กเลยแหละ จนถึงทุกวันนี้ก็นานพอควร พี่บางคนพอจำกันได้…
กิตติพันธ์ กันจินะ
  มาริยา มหาประลัย1เมื่อเดือนก่อน คุณพี่เอก บก. (อันย่อมาจากบรรณาธิการ ไม่ใช่บ้ากาม) นิตยสารผู้ชายฉบับหนึ่งที่ฉันเคยอาศัยเงินเดือนเขายาไส้ แถมยังเป็นเจ้านายที่น่ารักที่สุดตั้งแต่ฉันเคยร่วมงานด้วย โทรศัพท์ตรงดิ่งวิ่งปรี่มาหาฉัน บอกว่ามีงานเขียนให้ฉันทำ คุณพี่เอกยังหยอดคำหวานปานพระเอกลิเก(ย์)อ้อนแม่ยกอีกว่า พอได้รับโจทย์ปุ๊บ หน้าฉันก็โผล่พรวดเด้งดึ๋งขึ้นมาปั๊บ เห็นทีจะเป็นลิขิตจากนรก เอ้ย! สวรรค์ชั้นเจ็ดที่ส่งให้ฉันมาเขียนเรื่องนี้ อู้ย! อยากรู้จริงเชียวว่าเรื่องอะไรหนอ..."คุณพี่อยากให้คุณน้องเขียนเรื่อง Safe Sex ของเกย์ให้เกย์อ่าน"อ๊ายส์! อ๊ายยยส์!!อ๊ายยยยยยส์!!!…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย (หมายเหตุ – อะแฮ่ม! ขอออกตัวว่าฉันเป็นคนรู้เรื่องศาสนาเพียงน้อยนิด ข้อเขียนต่อไปนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตตามภูมิความรู้ที่มี ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ เพียงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ใครจะกรุณาแลกเปลี่ยนทัศนะเพื่อช่วยให้แตกกิ่งก้านสาขาเซลส์สมองของฉัน ก็ขอกราบแทบแนบตักขอบพระคุณงามๆ มา ณ ที่นี้ด้วย...ชะเอิงเอย) วันที่ 9 เดือน 9 ปีนี้ ฉันและผองเพื่อนมีวาระแห่งชาติในการปฏิบัติภารกิจสำคัญอันยิ่งใหญ่ แต่จุดหมายปลายทางของเราไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือสะพานมัฆวานฯ ใครจะกู้ชาติ กู้โลก หรือกู้เจ้าโลกก็ขอเว้นวรรคความใส่ใจสักวันเถอะ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย สาบานได้ว่า พิธีเปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่งซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไปสร้างความตะลึงพรึงเพริศ และสามารถตรึงขนทุกเส้นของฉันให้ลุกชันได้ยิ่งกว่าตอนนั่งดูกระโดดน้ำชายเสียอีก (เพราะกระโดดน้ำชายทำให้อย่างอื่นลุกและคันมากกว่า นั่นแน่! คิดอะไร! นั่งดูทีวีนานๆ ยุงมันกัดเลยต้องลุกขึ้นมาเกาเฟ้ย! อ๊ายส์!)  “แม่เจ้าโว้ย! อะไรมันจะ %$#@*&+ ขนาดนั้นฟะเนี่ย!!!” ฉันไม่รู้จะหาคำวิเศษณ์คำไหนมาบรรยายความวิเศษของภาพตรงหน้าได้ ตลอด 3 ชั่วโมงนั้นฉันเผลออ้าปากค้าง ทำตาโต ตบอกผางไปไม่รู้กี่ครั้ง และหลายครั้งเล่นเอาความตื้นตันมาชื้นอยู่ตรงขอบตาเชียวล่ะคุณ อะไรจะขนาดนั้น!
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย    เวลาได้ยินคำว่า “สวยเลือกได้” (แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงฉัน) ฉันอดคิดไม่ได้ว่า “สวย” ในที่นี้เรา “เลือก” กันได้จริงเหรอ เพราะเอาเข้าจริง ความขาว สวย หมวย อึ๋ม ตี๋ ล่ำ หำใหญ่ จมูกโด่ง ฯลฯ ที่เราเรียกคุณลักษณะเหล่านี้ว่า “ความสวย-หล่อ” นั้น ชาติมหาอำนาจเป็นคนกำหนดรูปแบบขึ้นมาและใช้มันเป็นอาวุธในการล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม ความสวยจึงไม่ใช่เรื่อง “สวยๆ” อย่างเดียว แต่มันยังแฝงเรื่องอำนาจและชนชั้นทางสังคมมาอย่างแยบคายภายใต้เปลือกอันน่ามอง