Skip to main content

ผมได้แรงบันดาลจากการเขียนเรื่องนี้จากภาพยนตร์เรื่อง “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น” หนังใหม่ ที่กำลังฉายในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่านๆ

ว่ากันด้วยเรื่องของเนื้อหาในหนังนั้น ผมก็ยังไม่ได้ไปชม เพียงแต่ดูเนื้อในจากเว็บไซต์ก็พอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าภาพยนตร์นี้เป็นเรื่องราวของวัยรุ่น 4 วัยในความรัก 4 มุม ทั้ง รักที่ต้องแย่งกัน รักนักร้องดาราคนโปรด รักนอกใจ และรักข้างเดียว ....อืม เอาเป็นว่า ใครอยากรู้เรื่องมากขึ้นลองเข้าเว็บไซต์ www.pidtermyai.com  ดูแล้วกันนะครับ

ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอชีวิตที่เกิดขึ้นของวัยรุ่นจำนวนหนึ่งในช่วงปิดเทอมใหญ่ ซึ่งบางคนก็ใช้เวลาไปแข่งกันขอเบอร์ผู้หญิง บางคนก็เตรียมตัวร้องเพลงนักร้องต่างชาติคนโปรดที่กำลังจะมาเปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทย บางคนก็พยายามพิสูจน์ความรักของตนให้กับคนที่รัก และบางคนก็ออกเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนหญิงคนใหม่

ชีวิตของพวกเขาทั้งหลายในภาพยนตร์ อดทำให้คิดถึงเพื่อนๆ หลายคนที่จะมีเวลาว่างมากมายในช่วงปิดเทอมนี้ช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ หลายคนคงอยากจะหาอะไรทำ ซึ่งส่วนหนึ่งที่ผมอยากเล่าในที่นี่ ก็เนื่องมาจาก “กิจกรรมดีๆ” ที่วัยรุ่นจะได้ทำในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ มีน้อยนัก

หลายวันก่อนผมได้ถามน้องๆ ที่เรียนมัธยมหลายคนว่าปิดเทอมนี้จะไปทำอะไรกัน? คำตอบที่ได้ส่วนใหญ่คือ “ไม่รู้จะทำอะไร” บางคนดีหน่อย บอกว่า “จะไปทำกิจกรรมอาสาสมัคร” ส่วนบางคนก็ขอเลือกที่จะอยู่เฉยๆ “เรื่อยๆ” “อยู่บ้านไปวันๆ” ส่วนคนที่จบม. 6 ปีนี้ก็ต้องรอฟังผลสอบแอดมิดชั่นอย่างใจจดจ่อ

น้องบางคนก็เลือกที่จะไปเข้าคอร์สเรียนภาษาเพิ่มเติม บางคนไปหาสถานที่ฝึกประสบการณ์ หางานทำเสริมทักษะ ความรู้ บางคนไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมตามที่ต่างๆ ฯลฯ

ว่าสำหรับกิจกรรม “อาสาสมัคร” นั้น มีน้องคนหนึ่งขอให้ผมช่วยหากิจกรรมอาสาสมัครให้ ผมก็ลองเข้าไปหาในอินเตอร์เน็ต และก็พบว่า มีกิจกรรมอาสาสมัครที่จะเกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมไม่กี่อย่างเช่น บันทึกเสียงอ่านให้คนตาบอด อาสาช่วยเหลือเด็กพิการ กิจกรรมให้เขียนโครงการเข้ามาทำงานเพื่อชุมชน เป็นต้น

ผมพยายามหากิจกรรมที่อัพเดทล่าสุด เพื่อที่จะส่งต่อข้อมูลให้กับน้องที่สนใจไปทำกิจกรรมตามสถานที่ต่างๆ แต่สุดท้ายก็ได้ข้อมูลเพียงน้อยนิด หากมีใครที่หามาได้ก็เอามาโพสต์ในบล็อกนี้ด้วยนะครับ!?

ยังไงก็ตาม น้องบางคนบางกลุ่มได้รวมตัวกัน และเข้าไปติดต่อสถานที่ต่างๆ เช่น บ้านเด็กกำพร้า บ้านพักฉุกเฉิน บ้านสถานสงเคราะห์ต่างๆ เพื่อเข้าไปทำกิจกรรม เช่น ไปเลี้ยงข้าว ไปจัดกิจกรรมให้ความรู้ เล่นละคร แสดงต่างๆ เพื่อความสุขของผู้ที่อยู่ตามที่นั้นๆ

ทีนี้กล่าวสำหรับชีวิตของผมนั้นไซร้ หากย้อนไปตอนเด็กๆ ช่วงปิดเทอม ถือว่ามี “โอกาส” เหมาะมาก เพราะมีศูนย์ มีกลุ่มเยาวชนให้ทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการวิทยุ ทำละครเร่ จัดค่าย กิจกรรมอาสาสมัคร อบรมเรื่องสิทธิเด็ก เรื่องเพศศึกษา ฯลฯ กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้ผมได้ทำอะไรมากมายในช่วงปิดเทอม

พอมาถึงปัจจุบัน ก็ค่อนข้างหนักใจเหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้ แม้ว่าจะมีกลุ่มเยาวชนหรือศูนย์กิจกรรมเยาวชนมากมาย แต่ก็ยังมีเพียงไม่กี่แห่ง ที่จะมีกิจกรรมตลอด เพราะบางกลุ่มก็ไม่มีงบทำกิจกรรม บางกลุ่มก็ไม่มีแกนนำทำกิจกรรมต่อ หรือบางพื้นที่ ที่ไม่มีกลุ่มเยาวชนในชุมชน เด็กๆ เขาจะทำกิจกรรมอะไรกันล่ะ

ยิ่งเป็นเด็กๆ ที่อยู่ในชุมชน ยิ่งต้องคิดลึกขึ้นอีก เพราะโดยทั่วไปท่าที่ได้พบเจอ นอกจากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับการดูโทรทัศน์แล้ว ตอนกลางวันก็ไม่รู้จะไปทำอะไร ยังดีที่ตอนเย็น อาจไปเล่นกีฬาที่สนามกีฬาประจำหมู่บ้าน ส่วนเด็กที่อยู่ในเมืองก็ไม่ต่างกัน คงจะไม่มีที่ๆ จะให้ไปทำกิจกรรมอะไรนักในช่วงตอนกลางวัน นอกจากห้างสรรพสินค้า ร้านอินเตอร์เน็ต แอร์เย็นช่ำ ร่ำรื่นชื่นใจ

กลับมาคิดก็ยิ่งปวดหัว เพราะไม่รู้ว่าจะหาอะไรทำดี ยิ่งมาคิดถึงวัยรุ่นบางคนที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตยิ่งดูเหมือนพ่อแม่จะหนักใจกว่าใครนัก เพราะใครต่อใครต่างบอกว่าสื่ออินเตอร์เน็ตไม่ดี ไม่เหมาะที่จะให้เด็กๆ เข้าไปใช้ มีเว็บไซต์ลามก อนาจาร มีช่องทางที่เด็กๆ จะถูกล่อลวงไปละเมิดได้ ฯลฯ

พ่อแม่ผู้ปกครองก็คงจะปวดหัวไปตามๆ กัน แถมยังต้องคิดหน้าคิดหลังว่าจะทำยังไงดีให้ลูกหลานของตนพ้นช่วงปิดเทอมใหญ่อันยาวนานนี้ไปได้ ( เพราะตอนเปิดเทอม ไม่ต้องกังวลใจอะไร แค่ให้ลูกหลานไปเรียนหนังสือก็มีครูคอยดูแลอยู่แล้ว อิอิ)

ปิดเทอมใหญ่ เพื่อนวัยรุ่นหลายคนคงได้หยุดพักและมีเวลาที่จะทำอะไรได้มากมาย ส่วนคุณพ่อ คุณแม่ ก็ทำการ ทำงานเหมือนเดิม เพราะไม่ได้ปิดเทอมเหมือนลูกๆ หลานๆ

เอาเป็นว่า ท้ายนี้ใครมีกิจกรรมอะไรดีๆ ในช่วงปิดเทอมก็ส่งข่าวคราวด้วยนะครับ


------  
ข้อมูลเพิ่มเติม

ห้องสมุดคนตาบอด
นอกจากที่ห้องสมุดคนตาบอด ยังไปอ่านหนังสือเสียงที่อื่นได้อีก เช่น ที่ B2S สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะมีห้องอัดเสียงไว้บริการฟรี อ่านหนังสือเสียงให้คนตาบอด เพื่อเข้าห้องสมุดคนตาบอดแห่งชาติ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย
B2S ชั้น3 สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ (Central World) สี่แยกราชประสงค์
อ่านได้ทุกวัน เวลา 11.00-15.00 น. และ 17.00-20.00 น.
ติดต่อเจ้าหน้าที่ จุดบริการลูกค้าชั้น 3 บีทูเอส ฝั่งทางเข้าออกลานจอดรถ
หรือไปอ่านที่ ห้องสมุดคนตาบอดของโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (คนละที่กันกับ ห้องสมุดคนตาบอดแห่งชาติ ของ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เปิดทำการ 09.00 – 17.00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันหยุดราชการ

เวบไซต์อาสาสมัครต่างๆ
- http://www.deksiam.com
- http://www.thaingo.org
- http://jitrsa.blogspot.com
- http://volunteers.in.th/blog/student
- http://www.konjaidee.com/view/activity

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
จากที่ข้อเขียนเรื่องเพศวิถีมีชีวิตทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การวางความคิด เรื่องการเปิดใจคุยเรื่องเพศของตนเอง เรื่องความหลากหลายในรักและความสัมพันธ์ ความรักต่างเพศนิยม เรื่องกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความพยายามที่จะมาสรุปในตอนท้ายของบทความนี้ว่า หากเราจะคุยเรื่องเพศวิถีจากมุมมองภายในจากชีวิตของเรานั้น เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง อะไรที่เป็นความท้าทายที่จะนำไปสู่การจุดประกายให้แต่ละคนได้กลับมาสำรวจ ตั้งคำถาม และสร้างการเรียนรู้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้โดยอาศัยทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของแต่ละคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ความสัมพันธ์ทางเพศของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในสังคมสมัยก่อน เช่น ในภาคเหนือ การจีบสาวของคนล้านนาจะมีการค่าว (คล้ายลำตัดของภาคกลาง) ตอบโต้กันไปมา การจีบกันต้องให้เกียรติผู้หญิงเป็นคนเลือกคู่ หรือหากจะแต่งงานก็ต้องมีการใส่ผี คือการวางเงินสินสอดจากฝ่ายชายเพื่อบอกกับผีปู่ผีย่าของฝ่ายหญิงให้ทราบว่าจะคบกันแบบสามีภรรยา
กิตติพันธ์ กันจินะ
ความคิด ความเชื่อเรื่องเพศที่หล่อหลอมเรามาว่า ควรมีชายกับหญิงเท่านั้นที่คู่กัน สิ่งนี้เป็นความคิด ความเชื่อที่ฝังหัวเรามาตลอดจนเราไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าทำไมเราจึงต้องรักเพศตรงข้าม และการที่เรารักเพศเดียวกันนั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
กิตติพันธ์ กันจินะ
สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่และพี่ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิง เห็นการทำงานของผู้หญิงที่ “ศูนย์เพื่อน้องหญิง” จ.เชียงราย เห็นความเข้มแข็งในการทำงานของแม่ของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ทำให้ผมเห็นว่าความเป็นหญิง ความเป็นชาย แท้จริงแล้ว ทุกคนก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน แต่ทว่าการเลี้ยงดูหล่อหลอมของสังคมกลับบอกว่าแบบนี้ผู้หญิงควรทำ แบบนี้ผู้ชายควรทำ
กิตติพันธ์ กันจินะ
เปิดใจเรียนรู้ประสบการณ์ภายในตน ผมเริ่มต้นทำงานในประเด็นเรื่องเพศ ตอนอายุน้อยๆ จากวันนั้นมาวันนี้ ระยะเวลาหลายปี ที่อยู่บนเส้นทางนี้ได้เจออะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ประสบการณ์ทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทหน้าที่ใด ความรับผิดชอบแบบไหน องค์กรระดับชุมชนหรือเครือข่ายก็ตาม งานต่างๆ เหล่านี้ทำให้ได้ทำประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นไปพร้อมๆ กัน ผมไม่อาจเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าเป็นคนทำงานเพศวิถี เพราะเข้าใจว่าเรื่องเพศวิถีนี้มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองเป็นนักพัฒนาสังคม เพราะบ่อยครั้งก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับตัวเองว่าที่ว่าเป็นนักพัฒนาสังคมนั้น…
กิตติพันธ์ กันจินะ
หายไปเสียนานกับบ้าน “หนุ่มสาวสมัยนี้” เพราะต้องทำงานโครงการป้องกันเอดส์ และเพศศึกษากับเพื่อนๆ เยาวชนในหลายๆ ภาค ทำให้เวลาในการเขียนขีดมีน้อยกว่าเมื่อก่อน ทว่าตอนนี้ก็สามารถจัดการเวลากับตัวเองได้ลงตัวมากขึ้นทำให้ชีวิตมีความสมดุลมากขึ้นทีเดียว
กิตติพันธ์ กันจินะ
อุ่นใจ บัว เขาเสยผมที่ยาวประ่บ่าแล้วรวบไว้ด้านหลังเบาๆ พลางเอื้อมมือดันเพื่อปิดประตูห้องหมายเลข 415 วันนี้เป็นวันที่เขาต้องขนย้ายข้าวของและสัมภาระต่างๆ กลับบ้านที่ต่างจังหวัด หลังจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาเดินทางออกจากบ้านเพื่อย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มตัว สี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เขากำลังนึกถึงภาพของความหลังครั้งอดีต โดยเฉพาะความหลังที่เกิดขึ้นภายในห้องพักที่อยู่เบื้องหน้า หนึ่งในเรื่องราวที่ผุดขึ้นมาในม่านความคิดของเขาก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวห้าคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
  กิตติพันธ์ กันจินะ -1-วันอาทิตย์สัปดาห์นี้ผมน้อมนำกายไว้ที่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะกลับเชียงรายเลย และอยากให้วันอาทิตย์นี้เป็นของขวัญแก่ตัวเองในการพักผ่อน หยุดขยับเรื่องงาน และเอาใจมาคิดถึงเรื่องด้านในของตัวเองด้วย เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นี้ ผมตื่นนอนตามปกติ ไม่สายและไม่เช้าจนเกินไป และอยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้โทร.กลับหนึ่งสาย นั้นคือ พี่จ๋อน แห่งมะขามป้อมนี้เอง สำหรับพี่จ๋อนและพี่ๆ มะขามป้อมแล้ว ผมถือว่ารู้จักมักคุ้นกับพี่ๆ มานานหลายปี โดยผมเริ่มรู้จักกับมะขามป้อม เมื่อตอนยังเด็กเลยแหละ จนถึงทุกวันนี้ก็นานพอควร พี่บางคนพอจำกันได้…
กิตติพันธ์ กันจินะ
  มาริยา มหาประลัย1เมื่อเดือนก่อน คุณพี่เอก บก. (อันย่อมาจากบรรณาธิการ ไม่ใช่บ้ากาม) นิตยสารผู้ชายฉบับหนึ่งที่ฉันเคยอาศัยเงินเดือนเขายาไส้ แถมยังเป็นเจ้านายที่น่ารักที่สุดตั้งแต่ฉันเคยร่วมงานด้วย โทรศัพท์ตรงดิ่งวิ่งปรี่มาหาฉัน บอกว่ามีงานเขียนให้ฉันทำ คุณพี่เอกยังหยอดคำหวานปานพระเอกลิเก(ย์)อ้อนแม่ยกอีกว่า พอได้รับโจทย์ปุ๊บ หน้าฉันก็โผล่พรวดเด้งดึ๋งขึ้นมาปั๊บ เห็นทีจะเป็นลิขิตจากนรก เอ้ย! สวรรค์ชั้นเจ็ดที่ส่งให้ฉันมาเขียนเรื่องนี้ อู้ย! อยากรู้จริงเชียวว่าเรื่องอะไรหนอ..."คุณพี่อยากให้คุณน้องเขียนเรื่อง Safe Sex ของเกย์ให้เกย์อ่าน"อ๊ายส์! อ๊ายยยส์!!อ๊ายยยยยยส์!!!…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย (หมายเหตุ – อะแฮ่ม! ขอออกตัวว่าฉันเป็นคนรู้เรื่องศาสนาเพียงน้อยนิด ข้อเขียนต่อไปนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตตามภูมิความรู้ที่มี ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ เพียงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ใครจะกรุณาแลกเปลี่ยนทัศนะเพื่อช่วยให้แตกกิ่งก้านสาขาเซลส์สมองของฉัน ก็ขอกราบแทบแนบตักขอบพระคุณงามๆ มา ณ ที่นี้ด้วย...ชะเอิงเอย) วันที่ 9 เดือน 9 ปีนี้ ฉันและผองเพื่อนมีวาระแห่งชาติในการปฏิบัติภารกิจสำคัญอันยิ่งใหญ่ แต่จุดหมายปลายทางของเราไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือสะพานมัฆวานฯ ใครจะกู้ชาติ กู้โลก หรือกู้เจ้าโลกก็ขอเว้นวรรคความใส่ใจสักวันเถอะ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย สาบานได้ว่า พิธีเปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่งซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไปสร้างความตะลึงพรึงเพริศ และสามารถตรึงขนทุกเส้นของฉันให้ลุกชันได้ยิ่งกว่าตอนนั่งดูกระโดดน้ำชายเสียอีก (เพราะกระโดดน้ำชายทำให้อย่างอื่นลุกและคันมากกว่า นั่นแน่! คิดอะไร! นั่งดูทีวีนานๆ ยุงมันกัดเลยต้องลุกขึ้นมาเกาเฟ้ย! อ๊ายส์!)  “แม่เจ้าโว้ย! อะไรมันจะ %$#@*&+ ขนาดนั้นฟะเนี่ย!!!” ฉันไม่รู้จะหาคำวิเศษณ์คำไหนมาบรรยายความวิเศษของภาพตรงหน้าได้ ตลอด 3 ชั่วโมงนั้นฉันเผลออ้าปากค้าง ทำตาโต ตบอกผางไปไม่รู้กี่ครั้ง และหลายครั้งเล่นเอาความตื้นตันมาชื้นอยู่ตรงขอบตาเชียวล่ะคุณ อะไรจะขนาดนั้น!
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย    เวลาได้ยินคำว่า “สวยเลือกได้” (แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงฉัน) ฉันอดคิดไม่ได้ว่า “สวย” ในที่นี้เรา “เลือก” กันได้จริงเหรอ เพราะเอาเข้าจริง ความขาว สวย หมวย อึ๋ม ตี๋ ล่ำ หำใหญ่ จมูกโด่ง ฯลฯ ที่เราเรียกคุณลักษณะเหล่านี้ว่า “ความสวย-หล่อ” นั้น ชาติมหาอำนาจเป็นคนกำหนดรูปแบบขึ้นมาและใช้มันเป็นอาวุธในการล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม ความสวยจึงไม่ใช่เรื่อง “สวยๆ” อย่างเดียว แต่มันยังแฝงเรื่องอำนาจและชนชั้นทางสังคมมาอย่างแยบคายภายใต้เปลือกอันน่ามอง