Skip to main content

ภาพเบื้องหน้า....นาข้าวเป็นสีทอง ทั้งรวงข้าว ต้นข้าวล้วนเป็นสีทอง นอกจากภาพนั้น ทุ่งก็เจอกลิ่นหอมของข้าวใหม่ลอยมาจางๆ ต้นข้าวบางส่วนยังยืนต้น บางส่วนก็ล้มลงไป ทั้งที่เพราะต้นงามสูงเกินไปจึงล้ม บ้างล้มเพราะพายุฝนปลายฤดู

ความทรงจำแรกที่โผล่ปรากฏ เรื่องเล่าของคณะคนเมืองที่ไปเดินป่าศึกษาวิถีชีวิตคนปกาเกอะญอบนดอยสูงของเทือกเขาเมืองเชียงใหม่ ระหว่างที่เดินไป ชายหนุ่มคนหนึ่งมองไปที่เชิงเขาเบื้องหน้า แล้วก็อุทานว่า "โอ้โห...ทุ่งหญ้าสวยมากเลย" เจ้าบ้าน และผู้ที่พอรู้จักทุ่งนั้นกล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า "นั่นไม่ใช่ทั่งหญ้า แต่มันคือทุ่งข้าว" ทันใดนั้นชายหนุ่มคนดังกล่าวก็ถลาวิ่งไปเบื้องหน้าเต็มกำลัง ด้วยความตกใจหลายคนวิ่งตามออกไป พบว่าเขานั่งอยู่ริมทุ่งนั้นเพ่งมองต้นข้าวอย่างตั้งใจด้วยท่าทีที่น่าประหลาดใจ เขากล่าวออกมาว่า "นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นต้นข้าว"

 

ความทรงจำที่สองที่โผล่ปรากฏ เรื่องเล่าของนักเรียนชั้นประถมในโรงเรียนกลางเมืองบางกอก บทเรียนที่จะพูดถึงทุ่งนา การทำนา ชาวนา ครูถามนักเรียนเป็นการนำเข้าสู่บทเรียนว่า "ใครรู้บ้างว่า ข้าวมาจากไหน" นักเรียนทั้งห้องเงียบกริบ สักครู่ จึงมีเด็กคนหนึ่งกล้าหาญชาญชัย ยกมือด้วยความมั่นอกมั่นใจ และตอบไปว่า "ข้าวมาจากมาบุญครองครับ"

ความทรงจำที่สามที่โผล่ปรากฏ คำสอนในโรงเรียนที่บอกกล่าวเรื่องการกินข้าวว่า เป็นคำที่ก้องอยู่ในทรงจำของผู้คนทั่วไป "กินข้าวให้หมดจาน"

 

ความทรงจำที่สี่ที่โผล่ปรากฏ ในเวทีการแสดงดนตรีครั้งหนึ่ง ศิลปินหญิงแห่งล้านนากล่าวว่า "เมื่อก่อนเขายกย่องชาวนาว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ บัดนี้มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นต่อไปแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้เขาเรียกชาวนาเป็นรากหญ้า"

 

ความทรงจำที่ห้าที่โผล่ปรากฏ ในการสนทนากับผู้เฒ่าปกาเกอะญอแห่งขุนดอยแม่วาง ผู้เฒ่าบอกว่า "ข้าวในนาที่ร่วงหล่นไปในยามเก็บเกี่ยว นกได้กินหนูได้กิน ตอนนวดตอนขน บางส่วนก็ร่วงหล่นลงไป นกได้กินหนูได้กิน เอามาตาก เอามาตำ เป็นรำหมูได้กิน บางส่วนปลิวไปกับลมเวลาฝัดไก่ได้กิน เอามาหุงน้ำข้าวหมาได้กิน หุงเสร็จแล้วคนได้กิน บางครั้งญาติพี่น้องแขกไปใครมาได้กิน กินเหลือกินหก หมูได้กิน หมาได้กิน ไก่ได้กิน ไม่มีส่วนไหนเลยที่เสียหาย สุดท้ายบางส่วนที่เหลือเศษเล็กเศษน้อยก็กลายไปเป็นอาหารของมดปลวก"

 

ภาพเบื้องหน้า...ชาวนากำลังเกี่ยวข้าว ก้มๆ เงยๆ นกบางตัวบินวนอยู่เหนือทุ่ง เมฆสีขาวลอยอยู่ไกลๆ ตรงขอบฟ้าสีฟ้า

 

ความรู้สึก สุขๆ เหงาๆ อย่างไรไม่รู้แล้ว

บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
จะเขียนทุ่งเขียนทางเขียนช้างม้า                  เขียนความคิดขานค่าจังหวะวิถี
นาโก๊ะลี
ทนายจำเลย ชูรถเมล์จำลอง แล้วถามพยานโจทย์ ซึ่งก็คือ Jacky ตำรวจที่จับกุมจำเลยนั้นได้นั่นเอง  ทนายจำเลยถามว่า รู้ได้ไงว่า จำเลยคือคนกระทำผิด Jacky บอกว่า ก็เขาเป็นคนไล่จับจำเลยมา แล้วจำเลยก็หนีขึ้นรถเมล์  ทนายชูรถจำลองนั้นแล้วถามว่า เมื่อคุณมองดูรถเมล์ คุณเห็นมันทั้งคันหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า อีกข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น  ทลายจำเลยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่อาจบอกได้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของรถเมล์เกิดอะไรขึ้น  การโต้เถียงประเด็นนี้ ทำให้ศาลพิพากษา ยกฟ้อง  แต่นี่เป็นเพียงเรื่องราวในหนังครับ วิ่งสู้ฟัดภาคแรก ของเฉินหลง  แต่เรื่องนี้ มันมีเรื่องน่าสนใจ....
นาโก๊ะลี
หากว่า ผืนแผ่นดินที่งดงาม สร้างคนให้งดงาม  แล้วผืนแผ่นดินที่ยากแค้นลำเค็ญเล่า จะสร้างคนมาแบบใด...ความจริงนี่ก็อาจเป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากนัก  แต่ ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่...นี่ก็อาจต้องมองเข้าไปในรายละเอียดมากขึ้น...กระมัง  การเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต  ในซากปรักหักพัง ของภัยธรรมชาติอันได้คร่าชีวิตคนไปมากมาย  ในกลิ่นของความตายและความเศร้าโศก เราได้เห็นหน่ออ่อนของต้นหญ้าที่ผุดขึ้นมา ในความชื้น ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น
นาโก๊ะลี
การสูญเสีย ดูจะเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่ทำให้คนเราตกไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “เสียศูนย์”  มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสามีตาย ภรรยาตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์ถึงยี่สิบปี ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม  นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ก็ไม่อาจรู้ได้  แต่ความจริงที่เห็นโดยส่วนใหญ่ ความสูญเสียก็มักเป็นเรื่องที่กระทบกับหัวใจคนอย่างรุนแรง  เช่น อกหัก  หรือ คนที่เรารักตายไป  หรือความพ่ายแพ้  ซึ่งความพ่ายแพ้นี่ก็คือการเสียฟอร์ม มันก็คือการเสียศูนย์ความเป็นตัวตนนั่นเอง
นาโก๊ะลี
ชีวิตหลุดลอยไปในบางวาระ           ซึ่งในสถานะแห่งมนุษย์ กับการเดินทางอันไม่สิ้นสุด            บางคราวนั้นจึงสะดุด จึงทรุดโทรม พลาดหวังพังพ่ายสลายสิ้น             ทั่วผืนแผ่นดินทุกข์ท่วมถั่งโถม เสพย์สิ่งใดได้บ้างพอปลอบประโลม เมามายโง่โงมระทมร้าว ภาวะเช่นไรเหนี่ยวนำพา                เมื่อความปรารถนาที่บอกกล่าว ล้มเหลวไปในทางที่ทอดยาว     …
นาโก๊ะลี
คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์
นาโก๊ะลี
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต  ที่เราต้องทำงานบางอย่าง  บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่  ไม่ใช่งานของเรา  เพียงแต่ว่า  นั่นคืองานที่มันเกี่ยวข้องกับเรา งานที่ต้องเกื้อหนุนงานของเรา  และเราก็มักจะไม่พอใจที่คนที่เขามีหน้าที่นั้น เขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ 
นาโก๊ะลี
ยามที่บางคนกล่าวคำว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” มันฟังดูคล้ายเขาจะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่านี้ไปอีกแล้ว.... และหลายครั้งที่เราจะพบว่า คนๆ เดียวกันนี้ก็กล่าวถึงสิ่งอื่นๆ ในเรื่องอื่นๆ ในวาระอื่นๆ ว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” และด้วยท่าทีที่คล้ายว่า สิ่งนั้นเป็นที่สุดแห่งความสำคัญดั่งเดียวกับทุกๆ ครั้ง ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
นาโก๊ะลี
ถ้อยคำที่ประทับใจ แม่ทับเหวินไท่ บอกกับแม่ทัพ ฮัวมู่หลานว่า “เมื่อเจ้าสวมเกราะแม่ทัพ ชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าคนเดียว” ในสมรภูมิหนึ่ง เมื่อกองทัพของฮัวมู่หลานถูกหักหลัง น้องชายลูกพี่ลูกน้องของฮัวมู่หลาน และทหารจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นเชลย และถูกเอามาล่อให้ทหารออกไปช่วย ในสภาวะที่ไม่อาจทำอย่างไรได้ มีทหารคนหนึ่งบอกกับแม่ทัพว่า เราต้องออกไปช่วยพวกเขา “นั่นเสี่ยวหู่นะ เขาเป็นน้องชายท่านนะ” แม่ทัพบอกว่า “พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องของข้าเช่นเดียวกัน”
นาโก๊ะลี
วัดเซนแห่งหนึ่ง พระเซนต่างก็ปฏิบัติภาวนาในวิถีแห่งเซน คราวหนึ่งในวัดเกิดเรื่องขึ้น มีของหายในวัด หลายครั้งหลายหน เกิดความเดือดร้อนไปทั้งวัด เมื่อทำการสืบสวน สอบสวนในที่สุดก็พบขโมย ซึ่งก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวัด มีการเรียกประชุมสมาชิกทั้งวัด เหล่าพระเซนทั้งหลายต่างก็เรียกร้องให้ขับขโมยออกจากวัด ทั้งมีเสียงสนับสนุนมากมายต่อการลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการขับออกจากวัดนั้น ในที่สุดเจ้าอาวาสก็กล่าวต่อคณะสงฆ์ และสมาชิกวัดทั้งหมดว่า “พวกเธอทั้งหลายผู้ได้เรียนรู้แล้วถึงความถูกต้องดีงาม พวกเธอสามารถใช้ชีวิตอย่างรู้ผิดชอบชั่วดี พวกเธอทั้งหลายจึงสมควรเป็นผู้ออกจากวัด แต่ผู้ที่เป็นขโมยนั้น…
นาโก๊ะลี
คนสวน ปลูกพืชผักธัญญาหาร เฝ้าดูกี่เติบโต จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต คนสวนบอกว่า เมื่อต้นไม้เริ่มงอกออกมา มันต้องการอาหาร ต้องการการบำรุงรักษา จนกว่ามันจะโตเต็มที่ เริ่มให้ดอกผล บางอย่างเก็บดอก บางอย่างเก็บใบ บางอย่างเก็บผล ก็ว่ากันไป แต่เมื่อมันให้ผลนั่นแล้ว มันก็จะค่อยๆ แห้งเหี่ยว ตายไป ระหว่างนี้มันไม่ต้องการอาหารมาก มันไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก.......
นาโก๊ะลี
ในชีวิตของเรา มีความพยายามมากมายนัก พยายามที่จะทำบางสิ่ง พยายามที่จะไม่ทำบางสิ่ง พยายามที่จะรัก พยายามที่จะไม่รัก ดูเหมือนโลกไม่ได้จัดวางชีวิตเราให้เป็นไปตามความปรารถนา และหลายครั้งเราก็เชื่อได้ว่า ความสมบูรณ์พร้อมนั้น ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แม้แต่คนที่เขาแสดงออกว่า ชีวิตเขาช่างพรั่งพร้อม ได้ทุกอย่างตามที่ตนปรารถนา นั่นก็เป็นเพียงการโม้โป้ปดเท่านั้นเองกระมัง เพราะที่สุดแล้วเขาอาจซ่อนบางสิ่งเอาไว้ บางสิ่งที่เขามิได้ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด