Skip to main content

เรื่องราวของเด็กคนที่หนึ่ง
ครูสั่งให้เด็กทำงานฝีมือ เป็นงานพวกเย็บปักถักร้อย  เด็กหญิงคนนี้ก็เย็บตุ๊กตา ด้วยฝีมือที่ปรานีต ด้วยความตั้งใจอย่างที่สุด  และเธอก็ได้ตุ๊กตาที่สวยสมใจ  และเป็นความภาคภูมิใจที่เธอทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง   และเมื่อถึงเวลาส่งงาน ครูก็กล่าวหาว่าเธอให้แม่ทำให้  และคาดคั้นให้เธอยอมรับว่า งานนี้แม่เธอทำให้ เธอไม่ได้ทำด้วยตัวเอง  เด็กหญิงยืนยันว่าเธอทำมันเองด้วยความตั้งใจ  แต่ครูก็ไม่เชื่อ  แล้วก็ยังคาดคั้นให้เธอยอมรับให้ได้อยู่นั่นเอง ทั้งขู่ว่า ถ้าไม่ยอมรับ จะเรียกผู้ปกครองมาพบ  ไม่ว่าเด็กหญิงจะพูดอย่างไร ครูก็ไม่มีทางเชื่อ  ในที่สุดครูก็เชิญผู้ปกครองมาพบ  แต่กระนั้น  ไม่ว่าอย่างไร ครูก็ยังเชื่ออยู่นั่นเองว่า งานชิ้นนี้หาใช่ฝีมือเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบไม่  แต่หลายวันต่อมา เมื่อมีงานแสดงผลงานของเด็ก ครูก็ยังมาขอตุ๊กตาตัวที่แกไม่เชื่อว่านี่เป็นผลงานของเด็กอายุสิบขวบ ไปแสดงร่วมกับงานชิ้นอื่นๆ  โดยมิได้ละอายใจ

เรื่องราวของเด็กคนที่สอง
ที่วัดป่าอันเป็นที่สงัดวิเวกที่มีผู้คนรุ่นใหม่เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมเป็นที่น่าสรรเสริญ น่ายินดี  คราวหนึ่งด้วยความที่ในวัด มีคนรุ่นใหม่ นักกิจกรรมมาอยู่ร่วมกันมากหน้าหลายตา จึงมีการคิดกันว่าน่าทำจุลสารเล็กๆ ของวัด เพื่อแบ่งปันเรื่องราว ประสบการณ์ แจกจ่ายแกญาติธรรมที่มาที่วัด หรือให้กับคนทั่วไป  จุลสารเล็มน้อยก็เชื้อเชิญให้ผู้คนในวัดทั้งพระทั้งฆราวาส รวมถึงสามเณร ที่มีอยู่รูปเดียวในวัด เณรน้อยอายุสิบสองขวบ  เมื่อทุกคนส่งงานเขียน  พระที่ทำหน้าที่บรรณาธิการก็มาพูดกับเณรน้อยว่า งานของเณรไม่เอาลงนะ เพราะเณรไปลอกเขามา  ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร พระก็หาเชื่อไม่  ด้วยเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่า เด็กอายุสิบสองที่ไหนจะมีปัญญาเขียนงานได้ขนาดนี้

ภาพยนตร์คลาสสิกเรื่องหนึ่งของฮอลลีวูด Dead Poet Society ครูคิตติงอธิบายความตอนหนึ่งให้อาจารย์ใหญ่ฟังว่า ทำไมถึงพาเด็กออกไปเดินที่สนาม ว่า เพื่อให้เด็กได้เห็นอันตรายของการทำอะไรตามกัน  เพื่อให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง   อาจารย์ใหญ่พูดสวนออกมาว่า เด็กอายุสิบเจ็ดเนี่ยนะ...

บ่อยครั้งที่คนก็จำไม่ได้เสียแล้วว่าตัวเองเคยเป็นเด็ก.......  
เรื่องเล่าที่หนึ่ง เหตุที่ครูไม่เชื่อ นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อวัยเด็ก หรือกระทั่งโตขึ้น เขาไม่เคยทำอะไรได้เช่นนั้น  เขาก็จึงคิดว่าไม่มีใครในหล้าที่จะทำได้เช่นกัน  เรื่องเล่าที่สอง พระบรรณาธิการ ก็เป็นนักเขียนที่ไม่ประสบผลสำเร็จนักหรือเปล่า ท่านจึงไม่เชื่อว่าเด็กอายุสิบสองจะทำได้  ด้วยเมื่อท่านอายุสิบสอง หรือโตว่านั้น ท่านยังทำไม่ได้เลย  ดูเหมือนครูจากเรื่องเล่าที่หนึ่ง และบรรณาธิการในเรื่องเล่าที่สอง ก็ไม่ได้เชื่อสิ่งที่ตัวเองจะทำ ครูไม่เชื่อเด็ก พระก็ไม่เชื่อเด็ก เขาสอนเด็กได้อย่างไรกัน

ในโลกปัจจุบัน ดูเหมือนมีคนมากมายที่ไม่ได้เชื่อสิ่งที่ตัวเองทำ  หลายครั้งผู้คนพูดถึงสิ่งที่ตัวเองทำ คล้ายเชื่อมัน  แต่แล้ววันหนึ่งหลายคนก็แสดงออกให้เห็นว่า สิ่งที่เขาทำ สิ่งที่เขาพูดในระยะเวลาหนึ่งนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การหาเลี้ยงชีพเท่านั้นเอง    คำพูดที่งดงามคำหนึ่งจากหนึ่งเรื่องสิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด  “เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด”  เพียงแค่นี้มนุษย์ก็คงได้ซื้อสัตว์ต่อจิตวิญญาณของตัวเอง......

บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
จะเขียนทุ่งเขียนทางเขียนช้างม้า                  เขียนความคิดขานค่าจังหวะวิถี
นาโก๊ะลี
ทนายจำเลย ชูรถเมล์จำลอง แล้วถามพยานโจทย์ ซึ่งก็คือ Jacky ตำรวจที่จับกุมจำเลยนั้นได้นั่นเอง  ทนายจำเลยถามว่า รู้ได้ไงว่า จำเลยคือคนกระทำผิด Jacky บอกว่า ก็เขาเป็นคนไล่จับจำเลยมา แล้วจำเลยก็หนีขึ้นรถเมล์  ทนายชูรถจำลองนั้นแล้วถามว่า เมื่อคุณมองดูรถเมล์ คุณเห็นมันทั้งคันหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า อีกข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น  ทลายจำเลยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่อาจบอกได้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของรถเมล์เกิดอะไรขึ้น  การโต้เถียงประเด็นนี้ ทำให้ศาลพิพากษา ยกฟ้อง  แต่นี่เป็นเพียงเรื่องราวในหนังครับ วิ่งสู้ฟัดภาคแรก ของเฉินหลง  แต่เรื่องนี้ มันมีเรื่องน่าสนใจ....
นาโก๊ะลี
หากว่า ผืนแผ่นดินที่งดงาม สร้างคนให้งดงาม  แล้วผืนแผ่นดินที่ยากแค้นลำเค็ญเล่า จะสร้างคนมาแบบใด...ความจริงนี่ก็อาจเป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากนัก  แต่ ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่...นี่ก็อาจต้องมองเข้าไปในรายละเอียดมากขึ้น...กระมัง  การเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต  ในซากปรักหักพัง ของภัยธรรมชาติอันได้คร่าชีวิตคนไปมากมาย  ในกลิ่นของความตายและความเศร้าโศก เราได้เห็นหน่ออ่อนของต้นหญ้าที่ผุดขึ้นมา ในความชื้น ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น
นาโก๊ะลี
การสูญเสีย ดูจะเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่ทำให้คนเราตกไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “เสียศูนย์”  มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสามีตาย ภรรยาตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์ถึงยี่สิบปี ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม  นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ก็ไม่อาจรู้ได้  แต่ความจริงที่เห็นโดยส่วนใหญ่ ความสูญเสียก็มักเป็นเรื่องที่กระทบกับหัวใจคนอย่างรุนแรง  เช่น อกหัก  หรือ คนที่เรารักตายไป  หรือความพ่ายแพ้  ซึ่งความพ่ายแพ้นี่ก็คือการเสียฟอร์ม มันก็คือการเสียศูนย์ความเป็นตัวตนนั่นเอง
นาโก๊ะลี
ชีวิตหลุดลอยไปในบางวาระ           ซึ่งในสถานะแห่งมนุษย์ กับการเดินทางอันไม่สิ้นสุด            บางคราวนั้นจึงสะดุด จึงทรุดโทรม พลาดหวังพังพ่ายสลายสิ้น             ทั่วผืนแผ่นดินทุกข์ท่วมถั่งโถม เสพย์สิ่งใดได้บ้างพอปลอบประโลม เมามายโง่โงมระทมร้าว ภาวะเช่นไรเหนี่ยวนำพา                เมื่อความปรารถนาที่บอกกล่าว ล้มเหลวไปในทางที่ทอดยาว     …
นาโก๊ะลี
คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์
นาโก๊ะลี
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต  ที่เราต้องทำงานบางอย่าง  บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่  ไม่ใช่งานของเรา  เพียงแต่ว่า  นั่นคืองานที่มันเกี่ยวข้องกับเรา งานที่ต้องเกื้อหนุนงานของเรา  และเราก็มักจะไม่พอใจที่คนที่เขามีหน้าที่นั้น เขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ 
นาโก๊ะลี
ยามที่บางคนกล่าวคำว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” มันฟังดูคล้ายเขาจะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่านี้ไปอีกแล้ว.... และหลายครั้งที่เราจะพบว่า คนๆ เดียวกันนี้ก็กล่าวถึงสิ่งอื่นๆ ในเรื่องอื่นๆ ในวาระอื่นๆ ว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” และด้วยท่าทีที่คล้ายว่า สิ่งนั้นเป็นที่สุดแห่งความสำคัญดั่งเดียวกับทุกๆ ครั้ง ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
นาโก๊ะลี
ถ้อยคำที่ประทับใจ แม่ทับเหวินไท่ บอกกับแม่ทัพ ฮัวมู่หลานว่า “เมื่อเจ้าสวมเกราะแม่ทัพ ชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าคนเดียว” ในสมรภูมิหนึ่ง เมื่อกองทัพของฮัวมู่หลานถูกหักหลัง น้องชายลูกพี่ลูกน้องของฮัวมู่หลาน และทหารจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นเชลย และถูกเอามาล่อให้ทหารออกไปช่วย ในสภาวะที่ไม่อาจทำอย่างไรได้ มีทหารคนหนึ่งบอกกับแม่ทัพว่า เราต้องออกไปช่วยพวกเขา “นั่นเสี่ยวหู่นะ เขาเป็นน้องชายท่านนะ” แม่ทัพบอกว่า “พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องของข้าเช่นเดียวกัน”
นาโก๊ะลี
วัดเซนแห่งหนึ่ง พระเซนต่างก็ปฏิบัติภาวนาในวิถีแห่งเซน คราวหนึ่งในวัดเกิดเรื่องขึ้น มีของหายในวัด หลายครั้งหลายหน เกิดความเดือดร้อนไปทั้งวัด เมื่อทำการสืบสวน สอบสวนในที่สุดก็พบขโมย ซึ่งก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวัด มีการเรียกประชุมสมาชิกทั้งวัด เหล่าพระเซนทั้งหลายต่างก็เรียกร้องให้ขับขโมยออกจากวัด ทั้งมีเสียงสนับสนุนมากมายต่อการลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการขับออกจากวัดนั้น ในที่สุดเจ้าอาวาสก็กล่าวต่อคณะสงฆ์ และสมาชิกวัดทั้งหมดว่า “พวกเธอทั้งหลายผู้ได้เรียนรู้แล้วถึงความถูกต้องดีงาม พวกเธอสามารถใช้ชีวิตอย่างรู้ผิดชอบชั่วดี พวกเธอทั้งหลายจึงสมควรเป็นผู้ออกจากวัด แต่ผู้ที่เป็นขโมยนั้น…
นาโก๊ะลี
คนสวน ปลูกพืชผักธัญญาหาร เฝ้าดูกี่เติบโต จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต คนสวนบอกว่า เมื่อต้นไม้เริ่มงอกออกมา มันต้องการอาหาร ต้องการการบำรุงรักษา จนกว่ามันจะโตเต็มที่ เริ่มให้ดอกผล บางอย่างเก็บดอก บางอย่างเก็บใบ บางอย่างเก็บผล ก็ว่ากันไป แต่เมื่อมันให้ผลนั่นแล้ว มันก็จะค่อยๆ แห้งเหี่ยว ตายไป ระหว่างนี้มันไม่ต้องการอาหารมาก มันไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก.......
นาโก๊ะลี
ในชีวิตของเรา มีความพยายามมากมายนัก พยายามที่จะทำบางสิ่ง พยายามที่จะไม่ทำบางสิ่ง พยายามที่จะรัก พยายามที่จะไม่รัก ดูเหมือนโลกไม่ได้จัดวางชีวิตเราให้เป็นไปตามความปรารถนา และหลายครั้งเราก็เชื่อได้ว่า ความสมบูรณ์พร้อมนั้น ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แม้แต่คนที่เขาแสดงออกว่า ชีวิตเขาช่างพรั่งพร้อม ได้ทุกอย่างตามที่ตนปรารถนา นั่นก็เป็นเพียงการโม้โป้ปดเท่านั้นเองกระมัง เพราะที่สุดแล้วเขาอาจซ่อนบางสิ่งเอาไว้ บางสิ่งที่เขามิได้ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด