Skip to main content

เมื่อมีโอกาสมองเข้าไปในการรับรู้ของผู้คน ในภาวะหรือในประเด็นของความขัดแย้งทั้งหลาย ดูเหมือนว่าโดยธรรมชาติ เราทั้งหลายถูกครอบงำจากวัฒนธรรมของตัวเองบางส่วน มันคล้ายเป็นความทรงจำของชนชาติ ว่าก็น่าจะประมาณนั้น นั่นคือว่า เรามีแนวโน้มที่เกลียดชังบางชนชาติที่ต่างไปจากเรา โดยว่าอันที่จริง เมื่อแรกที่เราเริ่มรู้สึกเกลียดนั้น เราก็อาจจะยังไม่ได้รู้จักกับผู้คนในชนชาตินั้นๆ เลยด้วยซ้ำไป มันมีแต่เพียงข้อมูลที่เราไม่รู้แน่ชัด เป็นแต่เพียงการได้ยินได้ฟังมาเท่านั้นเอง และนั่นเอง เราก็ปักใจ เชื่อ และมันก็กลายเป็นความเชื่อที่ฝังแน่นเหลือเกิน จนเมื่อเติบโตขึ้น เราก็พบว่า ความรู้สึกนั้นมันแน่นหนา จนยากจะคลี่คลาย หรือบางครั้งมันก็เป็นปราการที่ทำให้เราไม่อาจเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมของชนชาติที่เราเกลียดชังนั้น แม้ว่าเราจะมีโอกาสอยู่ก็ตาม

นอกจากความขัดแย้ง หรือความเกลียดชังนั้นแล้ว มันก็ยังมีความเชื่อที่ติดแน่นมาแต่เยาว์วัยว่า บางชนชาตินั้นต่ำต้อยกว่าเรา เช่นนั้นความรู้สึกที่พัฒนาขึ้นก็จะเป็นไปในทางสองทาง คือ การดูถูก หรือไม่ถ้าเป็นไปในทางบวกขึ้นอีกนิด ก็จะเป็นว่า เราเห็นอกเห็นใจ อย่างไรก็ตาม ในสองทางนี้ เราก็กระทำต่อพวกเขาเหล่านั้นแบบเดียวกัน คือยกตัวเองไว้สูงกว่าพวกเขาเหล่านั้น อาจจะทั้งโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม และในทางตรงกันข้าม เราก็พร้อมที่จะสยบยอม หรือเอาอกเอาใจกลุ่มคนที่เราเชื่อว่าเขาสูงส่งกว่าเรา


นั่นก็คือ การตัดสินโดยที่เราไม่ได้ตัดสินจากการศึกษาเรียนรู้ของเราเอง หากแต่ว่า มันเป็นการตัดสินที่มีมานาน และเราก็รับเอาการตัดสินนั้นมา แล้วก็เชื่อว่านั่นเป็นความชอบธรรมอย่างยิ่ง

ตัวอย่างหนึ่งที่เราจะพบเห็นโดยทั่วไปก็คือ คนไทยเกลียดพม่า เพราะในบทเรียนประวัติศาสตร์เมื่อยังเด็กสอนเรามาอย่างนั้นว่า พม่ารุกรานเรามาอย่างไร หนัง ละคร หรือหนังสือนิยายทั้งหลายที่กล่าวถึงเนื้อหาเหล่านี้ ก็ทำให้เห็นว่าพม่าไปในทางเลวร้าย แม้ว่านั่นจะเป็นเทคนิคในการเขียนบทละคร นิยาย เพื่อให้คนไทยที่เป็นฝ่ายเราปรากฏตัวอย่างงดงาม หรือในหนังสือเรียนอีกเหมือนกันที่บอกว่า ชนกลุ่มน้อย ชาวเขา อาศัยอยู่ในป่า ทำไร่เลื่อนลอย และเป็นผู้ทำลายป่าต้นน้ำลำธาร ในเรื่องนี้แม้ในหนัง ละคร พวกเขาอาจจะไม่ได้ดูเลวร้ายนัก แต่ก็ถูกยกมาเป็นเรื่องตลก ล้อเลียนไป แล้วผู้คนส่วนใหญ่ก็เชื่อเสียสนิทใจว่า ชาวเขาทำลายป่า โดยไม่ได้ศึกษา และรับรู้อย่างแท้จริง


นั่นเอง โดยธรรมชาติของการปกป้องตัวเองของมนุษย์ เราจึงมีแนวโน้มที่จะดูถูก และเกลียดชังคนอื่น ชนชาติอื่น ด้วยเราได้ฟังเรื่องราวของพวกเขาในทางที่เลวร้ายมานานนั่นเอง มากไปกว่านั้น เราต่างมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นดีกว่าคนอื่น เข้าข่ายที่ว่าใครฝันคนนั้นก็เป็นพระเอก หรือนางเอก ประมาณนั้น พร้อมกันนั้นสิ่งที่ควบคู่มากับอคติเหล่านี้คือความคิดเหมารวม เช่น เมื่อเราฟังข่าวว่า ชาวเขาค้ายาเสพติด เมื่อเราพบเห็นชาวเขา เราก็มีแนวโน้มที่จะคิดอย่างนั้น หรืออย่างน้อยก็คิดอย่างนั้นไว้ก่อน หรือเราฟังข่าวว่ามุสลิมก่อการร้าย เมื่อเราเจอมุสลิมเราก็มีแนวโน้มที่จะคิดอย่างนั้นไว้ก่อน เป็นต้น


เช่นนั้นแล้ว หากเราจะพัฒนาตัวเองไปสู่ความเข้าใจในเพื่อนมนุษย์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะไปให้พ้นอคติ หรือแนวโน้มที่จะเป็นไปเหล่านี้ นั่นก็อาจไม่ใช่เพื่อพวกเขาเหล่านั้น แต่ก็อาจเพื่อความงดงามในหัวใจของเรานั่นเอง

บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
จะเขียนทุ่งเขียนทางเขียนช้างม้า                  เขียนความคิดขานค่าจังหวะวิถี
นาโก๊ะลี
ทนายจำเลย ชูรถเมล์จำลอง แล้วถามพยานโจทย์ ซึ่งก็คือ Jacky ตำรวจที่จับกุมจำเลยนั้นได้นั่นเอง  ทนายจำเลยถามว่า รู้ได้ไงว่า จำเลยคือคนกระทำผิด Jacky บอกว่า ก็เขาเป็นคนไล่จับจำเลยมา แล้วจำเลยก็หนีขึ้นรถเมล์  ทนายชูรถจำลองนั้นแล้วถามว่า เมื่อคุณมองดูรถเมล์ คุณเห็นมันทั้งคันหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า อีกข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น  ทลายจำเลยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่อาจบอกได้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของรถเมล์เกิดอะไรขึ้น  การโต้เถียงประเด็นนี้ ทำให้ศาลพิพากษา ยกฟ้อง  แต่นี่เป็นเพียงเรื่องราวในหนังครับ วิ่งสู้ฟัดภาคแรก ของเฉินหลง  แต่เรื่องนี้ มันมีเรื่องน่าสนใจ....
นาโก๊ะลี
หากว่า ผืนแผ่นดินที่งดงาม สร้างคนให้งดงาม  แล้วผืนแผ่นดินที่ยากแค้นลำเค็ญเล่า จะสร้างคนมาแบบใด...ความจริงนี่ก็อาจเป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากนัก  แต่ ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่...นี่ก็อาจต้องมองเข้าไปในรายละเอียดมากขึ้น...กระมัง  การเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต  ในซากปรักหักพัง ของภัยธรรมชาติอันได้คร่าชีวิตคนไปมากมาย  ในกลิ่นของความตายและความเศร้าโศก เราได้เห็นหน่ออ่อนของต้นหญ้าที่ผุดขึ้นมา ในความชื้น ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น
นาโก๊ะลี
การสูญเสีย ดูจะเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่ทำให้คนเราตกไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “เสียศูนย์”  มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสามีตาย ภรรยาตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์ถึงยี่สิบปี ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม  นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ก็ไม่อาจรู้ได้  แต่ความจริงที่เห็นโดยส่วนใหญ่ ความสูญเสียก็มักเป็นเรื่องที่กระทบกับหัวใจคนอย่างรุนแรง  เช่น อกหัก  หรือ คนที่เรารักตายไป  หรือความพ่ายแพ้  ซึ่งความพ่ายแพ้นี่ก็คือการเสียฟอร์ม มันก็คือการเสียศูนย์ความเป็นตัวตนนั่นเอง
นาโก๊ะลี
ชีวิตหลุดลอยไปในบางวาระ           ซึ่งในสถานะแห่งมนุษย์ กับการเดินทางอันไม่สิ้นสุด            บางคราวนั้นจึงสะดุด จึงทรุดโทรม พลาดหวังพังพ่ายสลายสิ้น             ทั่วผืนแผ่นดินทุกข์ท่วมถั่งโถม เสพย์สิ่งใดได้บ้างพอปลอบประโลม เมามายโง่โงมระทมร้าว ภาวะเช่นไรเหนี่ยวนำพา                เมื่อความปรารถนาที่บอกกล่าว ล้มเหลวไปในทางที่ทอดยาว     …
นาโก๊ะลี
คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์
นาโก๊ะลี
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต  ที่เราต้องทำงานบางอย่าง  บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่  ไม่ใช่งานของเรา  เพียงแต่ว่า  นั่นคืองานที่มันเกี่ยวข้องกับเรา งานที่ต้องเกื้อหนุนงานของเรา  และเราก็มักจะไม่พอใจที่คนที่เขามีหน้าที่นั้น เขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ 
นาโก๊ะลี
ยามที่บางคนกล่าวคำว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” มันฟังดูคล้ายเขาจะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่านี้ไปอีกแล้ว.... และหลายครั้งที่เราจะพบว่า คนๆ เดียวกันนี้ก็กล่าวถึงสิ่งอื่นๆ ในเรื่องอื่นๆ ในวาระอื่นๆ ว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” และด้วยท่าทีที่คล้ายว่า สิ่งนั้นเป็นที่สุดแห่งความสำคัญดั่งเดียวกับทุกๆ ครั้ง ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
นาโก๊ะลี
ถ้อยคำที่ประทับใจ แม่ทับเหวินไท่ บอกกับแม่ทัพ ฮัวมู่หลานว่า “เมื่อเจ้าสวมเกราะแม่ทัพ ชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าคนเดียว” ในสมรภูมิหนึ่ง เมื่อกองทัพของฮัวมู่หลานถูกหักหลัง น้องชายลูกพี่ลูกน้องของฮัวมู่หลาน และทหารจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นเชลย และถูกเอามาล่อให้ทหารออกไปช่วย ในสภาวะที่ไม่อาจทำอย่างไรได้ มีทหารคนหนึ่งบอกกับแม่ทัพว่า เราต้องออกไปช่วยพวกเขา “นั่นเสี่ยวหู่นะ เขาเป็นน้องชายท่านนะ” แม่ทัพบอกว่า “พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องของข้าเช่นเดียวกัน”
นาโก๊ะลี
วัดเซนแห่งหนึ่ง พระเซนต่างก็ปฏิบัติภาวนาในวิถีแห่งเซน คราวหนึ่งในวัดเกิดเรื่องขึ้น มีของหายในวัด หลายครั้งหลายหน เกิดความเดือดร้อนไปทั้งวัด เมื่อทำการสืบสวน สอบสวนในที่สุดก็พบขโมย ซึ่งก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวัด มีการเรียกประชุมสมาชิกทั้งวัด เหล่าพระเซนทั้งหลายต่างก็เรียกร้องให้ขับขโมยออกจากวัด ทั้งมีเสียงสนับสนุนมากมายต่อการลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการขับออกจากวัดนั้น ในที่สุดเจ้าอาวาสก็กล่าวต่อคณะสงฆ์ และสมาชิกวัดทั้งหมดว่า “พวกเธอทั้งหลายผู้ได้เรียนรู้แล้วถึงความถูกต้องดีงาม พวกเธอสามารถใช้ชีวิตอย่างรู้ผิดชอบชั่วดี พวกเธอทั้งหลายจึงสมควรเป็นผู้ออกจากวัด แต่ผู้ที่เป็นขโมยนั้น…
นาโก๊ะลี
คนสวน ปลูกพืชผักธัญญาหาร เฝ้าดูกี่เติบโต จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต คนสวนบอกว่า เมื่อต้นไม้เริ่มงอกออกมา มันต้องการอาหาร ต้องการการบำรุงรักษา จนกว่ามันจะโตเต็มที่ เริ่มให้ดอกผล บางอย่างเก็บดอก บางอย่างเก็บใบ บางอย่างเก็บผล ก็ว่ากันไป แต่เมื่อมันให้ผลนั่นแล้ว มันก็จะค่อยๆ แห้งเหี่ยว ตายไป ระหว่างนี้มันไม่ต้องการอาหารมาก มันไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก.......
นาโก๊ะลี
ในชีวิตของเรา มีความพยายามมากมายนัก พยายามที่จะทำบางสิ่ง พยายามที่จะไม่ทำบางสิ่ง พยายามที่จะรัก พยายามที่จะไม่รัก ดูเหมือนโลกไม่ได้จัดวางชีวิตเราให้เป็นไปตามความปรารถนา และหลายครั้งเราก็เชื่อได้ว่า ความสมบูรณ์พร้อมนั้น ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แม้แต่คนที่เขาแสดงออกว่า ชีวิตเขาช่างพรั่งพร้อม ได้ทุกอย่างตามที่ตนปรารถนา นั่นก็เป็นเพียงการโม้โป้ปดเท่านั้นเองกระมัง เพราะที่สุดแล้วเขาอาจซ่อนบางสิ่งเอาไว้ บางสิ่งที่เขามิได้ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด