Skip to main content

"ย่ำสวนป่า" เป็นเรื่องเล่าจากชนบทที่มีกังวานเสียงแห่งความภาคภูมิใจกับการที่ได้เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมของสวนป่าที่มีสิ่งให้เรียนรู้ได้ไม่รู้จบ และมีรูปแบบชีวิตที่สัมพันธ์เกี่ยวโยงอยู่กับความเป็นไปของธรรมชาติ

ผู้เล่าเรื่องบอกไว้ในตอนท้าย หลังจากที่ปลดปล่อยความทรงจำวัยเด็กให้ออกมามีชีวิตวิ่งเต้นบนหน้ากระดาษเสร็จแล้วว่า

"มันไม่ใช่ความอาลัยอาวรณ์อีกต่อไป แต่เป็นความทรงจำแสนสนุกที่ผมไม่คิดจะลืมเลือน ผมจะจดจำไว้ว่าที่นี่... คือบ้านเก่าของผม..." (หน้า 118)


เช่นเดียวกับเรื่องเล่าหลายเรื่องที่เราได้ยินได้อ่าน คือเป็นเรื่องเล่าย้อนอดีตในวัยเด็กที่สนุกสนานน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นการไปจับหมูป่าที่ดักจับเอาง่าย ๆ คือรอให้หมูป่าข้ามลำธาร หมูป่าว่ายน้ำไม่เก่งปล่อยให้จับได้ไม่ยาก การตีผึ้งที่ใช้วิธีการรมควันให้ผึ้งมึนเมา การไปเก็บมะม่วงป่าที่ต้องแย่งกันไปเก็บตั้งแต่เช้ามืด การไปส่องกบตอนกลางคืน


เหล่านี้เป็นเรื่องราวในวัยเด็กซึ่งครอบคลุมกิจกรรมแห่งชีวิตไว้ทั้งหมดของเด็กบ้านป่าหรือเด็กบ้านสวน เป็นเหมือนดั่งขุมทรัพย์แห่งความทรงจำที่สามารถหวนกลับไปตักตวงดื่มกินได้อย่างไม่มีวันหมด


ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ "รัศมี เบื่อขุนทด" แม้จะไม่คุ้นชื่อมากนักแต่ลีลาการเขียนนั้นชวนอ่านและน่าติดตามไม่น้อย


"มะขามต้นนี้อยู่ใกล้รั้วบ้าน เปรี้ยวมาก ใครเผลอกินแทบจะถอนฟันทิ้งเพราะเปรี้ยวได้เข็ดฟันชะงัดนัก ช่วงสงกรานต์เวลามีการละเล่นแล้วคนแพ้ต้องกินน้ำ กินของเค็มหรือของเปรี้ยว อันสุดท้ายมะขามบ้านผมนี่ละเป็นพระเอก ใครที่รู้ว่าจะได้กินมะขามต้นนี้เป็นต้องโอดครวญขอเป็นอมเกลือทั้งถุงแทนดีกว่า" (หน้า 16)


"ย่ำสวนป่า" จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ "มติชน" ที่นอกเหนือไปจากจะจัดพิมพ์เรื่องสั้นและนวนิยายเพื่อส่งเข้าประกวดรางวัลต่าง ๆ โดยตรงแล้ว นาน ๆ ทีที่สำนักพิมพ์ "มติชน" จะเข็นวรรณกรรมเยาวชนออกมาให้เห็น


หากเปรียบเทียบกับสำนักพิมพ์กับสำนักพิมพ์ใหญ่ ๆ ด้วยกันอย่าง "นานมีบุ๊ค" หรือ สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์ แล้วพบว่าปริมาณวรรณกรรมเยาวชนของสำนักพิมพ์มติชนจะปรากฏออกมาน้อยกว่ากันมากพอสมควร

 

ว่าที่จริง เรื่องเล่าเกี่ยวกับชนบทบ้านป่านั้นมีอยู่ไม่น้อยในแวดวงวรรณกรรมเยาวชนของไทยแต่มีไม่มากเลยที่เล่าได้อย่างสนุกและเพลิดเพลินแบบหนังสือเล่มนี้ ผู้เล่ามีข้อมูลเนื้อหามากมายที่จะเล่า จนน่าเชื่อได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงที่สัมผัสด้วยตนเองไม่ใช่ได้ยินได้ฟังหรือได้อ่านมาแล้วนำมาเล่าต่ออีกที


ที่สำคัญคือเล่าได้อย่างสนุก มีชีวิตชีวามากโดยเฉพาะเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ไอ้แดง" ไก่งวงตัวฉกาจ


"การเข้าออกบ้านผมไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เฉพาะกับชาวบ้าน ผมก็ด้วย สาเหตุมาจากตัวร้ายหนึ่งเดียวของบ้าน ไอ้แดง ไก่งวงสีแดงเดือด มีคนเพียงสองคนที่มันไม่ตีคือพ่อกับแม่ผม บ้านผมเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนเตี้ย มีบันไดสี่ห้าขั้น เวลาจะลงจากบ้านต้องมองให้แน่ใจก่อนว่าไอ้แดงไม่อยู่แถวนั้น จึงวิ่งปร๋อลงมาแล้วก็โกยอ้าวออกไป ขาออกง่ายกว่าขาเข้า" (หน้า 21)


หรือตอนที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องวุ่น ๆ ของไก่และเป็ด อันเกิดจากแม่ไก่ไปฟักไข่เป็ดจนออกมาเป็นลูกเป็ดปะปนกับลูกไก่


"อยู่ ๆ ไป แม่ไก่พาลูกไปหากินข้างบ่อ ด้วยสัญชาตญาณของเป็ด ลูกเป็ดถลาลงไปเล่นน้ำ แม่ไก่ตกใจ ! ... วิ่งตามลงไปในน้ำ ! ด้วยความห่วงลูก กลัวลูกจะจมน้ำ แต่พอเห็นลูกน้อยลอยฟ่องอยู่บนผิวน้ำ แม่ไก่ก็ตาลีตาเหลือกตะกายกลับขึ้นมาบนฝั่ง ยืนเปียกโชกด้วยความภาคภูมิใจที่เห็นลูกเป็นอภิชาตบุตร เก่งกว่าพ่อแม่ พ่อแม่ว่ายน้ำไม่เป็น ลูกว่ายได้... นับแต่นั้น แม่ไก่ก็จะคุ้ยเขี่ยหาอาหารริมบ่อ ลูกเป็ดของแม่ไก่ก็จะว่ายไซ้จอกแหนหากินอยู่ในบ่อ" (หน้า 32)


ในตอนท้าย ๆ จะเห็นได้ว่า "ความเจริญ" ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จากที่เป็นป่าเป็นสวนก็กลายเป็นอิฐเป็นปูน ผู้เล่าเรื่องต้องย้ายบ้านออกจากบ้านสวนเพราะมีท่อน้ำประปาเข้ามาในหมู่บ้าน


หลังจากย้ายไปอยู่บ้านใหม่แล้ว ผู้เล่าเรื่องพบว่า "บ้านใหม่" ไม่ใช่ "บ้าน" ในความหมายเดิมอีกต่อไปเพราะ "บ้าน" ไม่ใช่แค่ตัวอาคารวัตถุแต่มันคือความรู้สึกผูกพันทางใจต่อสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ด้วยซึ่งต้องใช้เวลานานในการสร้างความรู้สึกที่ว่านี้ขึ้นมาใหม่


แม้ว่า "ย่ำสวนป่า" จะเหมือนกับเรื่องเล่าอื่น ๆ คือเป็นการมองย้อนกลับไปในอดีตเพื่อดื่มด่ำกำซาบกับความทรงจำแต่ต่างออกไปตรงที่ "ย่ำสวนป่า" ไม่ถึงกับโหยหาอดีตที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่ใช่เรื่องเล่าที่คร่ำครวญถึงอดีตอันงดงาม โรแมนติก เพราะผู้เล่าเรื่องรู้ว่าอดีตไม่ได้หายไปหากแต่เป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่อยู่ในความทรงจำรอคอยให้กลับไปดื่มกิน.

 

 

บล็อกของ นาลกะ

นาลกะ
วรรณกรรมที่นำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ หลายครั้งมักถูกวิจารณ์ว่าทำไม่ได้ดีเท่าตอนเป็นหนังสือ แต่ “ผีเสื้อและดอกไม้” ต่างออกไป สวยงามในคราที่เป็นหนังสือและสมบูรณ์แบบแทบไร้ที่ติเมื่อเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายประมาณปี 2528 ด้วยผลงานการกำกับของยุทธนา มุกดาสนิท และรับบทนำโดย สุริยา เยาวสังข์ ซึ่งเคยมีชื่อเสียงเปรี้ยงปร้างอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป ผมเคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ตั้งแต่เรียนมัธยม เพราะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่อาจารย์ภาษาไทยบังคับให้อ่านโดยให้เลือกเอาระหว่าง “ข้างหลังภาพ” กับ “ผีเสื้อและดอกไม้” ผมเลือกอ่าน “ผีเสื้อและดอกไม้” ด้วยเหตุผลที่ว่า “ข้างหลังภาพ” เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัก ๆ ใคร่ ๆ…
นาลกะ
  "ผีน้อยโลกมายา" คือวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทานแว่นแก้ว โดยได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดประจำปี 2544 เขียนโดย วันทนีย์ วิบูลกีรติ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค "ผีน้อยโลกมายา" เล่าถึงเรื่องราวของผีน้อยขี้สงสัยที่อาศัยอยู่ในดินแดนมายาอันเป็นดินแดนของผีที่ความทุกข์ไม่อาจกล้ำกราย ผีน้อยมีพ่อเป็นพระจันทร์และแม่คือดวงดาว มีพี่สาวใจดีชื่อพี่ดารา แม้ว่าในดินแดนมายาจะมีความสงบสุขและเสียงหัวเราะ แต่ความช่างสงสัยใคร่รู้ทำให้ผีน้อยยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
นาลกะ
เรียวรุ้งเหนือทุ่งกว้าง เป็นวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยนำงานที่ชนะการประกวดใน โครงการพัฒนาทักษะด้านการเขียนวรรณกรรมสำหรับเยาวชน มารวมเล่ม โครงการนี้เกิดจากการร่วมมือของกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ กับบริษัทนานมี บุ๊ค จำกัด โดยได้อัญเชิญวรรณกรรมเยาวชนในพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพเรื่อง แก้วจอมซน และ แก้วจอมแก่น มาจุดประกาย
นาลกะ
"ย่ำสวนป่า" เป็นเรื่องเล่าจากชนบทที่มีกังวานเสียงแห่งความภาคภูมิใจกับการที่ได้เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมของสวนป่าที่มีสิ่งให้เรียนรู้ได้ไม่รู้จบ และมีรูปแบบชีวิตที่สัมพันธ์เกี่ยวโยงอยู่กับความเป็นไปของธรรมชาติผู้เล่าเรื่องบอกไว้ในตอนท้าย หลังจากที่ปลดปล่อยความทรงจำวัยเด็กให้ออกมามีชีวิตวิ่งเต้นบนหน้ากระดาษเสร็จแล้วว่า"มันไม่ใช่ความอาลัยอาวรณ์อีกต่อไป แต่เป็นความทรงจำแสนสนุกที่ผมไม่คิดจะลืมเลือน ผมจะจดจำไว้ว่าที่นี่... คือบ้านเก่าของผม..." (หน้า 118)
นาลกะ
ความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวที่ทำให้มียอดคนตายถึง 6 ล้านคนนั้นมีประเด็นและเรื่องราวให้พูดถึงได้ไม่รู้จบกระทั่งปัจจุบัน ศิลปะภาพยนตร์และวรรณกรรมเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่นำเอาการฆาตกรรมหฤโหดมาเสนอในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ถึงความไร้เหตุผลของมนุษย์ที่นำไปสู่การทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งมนุษย์ด้วยกันเอง “ชะตาลิขิต” วรรณกรรมแปลจากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค เป็นอีกเล่มหนึ่งที่พูดถึงเรื่องนี้โดยตรงและพรรณนาสภาพเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นในตอนนั้นไว้อย่างละเอียดลออทั้งนี้เพราะตัวผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มี ประสบการณ์ตรงจากการถูกกวาดต้อนเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันตั้งแต่เด็ก…
นาลกะ
หนังสือเรื่อง “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ” หรือ “Man and Boy” ที่เขียนโดย Tony Parsonsเป็นหนึ่งในหนังสือวรรณกรรมที่อยากแนะนำให้อ่านโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อหม้าย/แม่หม้าย หรือคนที่กำลังจะเป็นพ่อหม้าย/แม่หม้ายหรือคนที่กำลังคิดจะแต่งงาน หรือคนที่กำลังจะมีตัวเลขอายุเข้าสู่ 30 หนังสือเปิดตัวอย่างน่าสนใจในบทที่หนึ่ง โดยบอกถึงสถานการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวตอนอายุสามสิบว่า “มีสัมพันธ์รักข้ามคืนกับเพื่อนร่วมงาน” “ซื้อของฟุ่มเฟือยที่แทบไม่มีปัญญาซื้ออย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง” “ถูกภรรยาทิ้ง” “ตกงาน” “รับภาระเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพังโดยกะทันหัน”…
นาลกะ
ไม่กี่วันก่อน ผมได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง "Lassie Come Home " ทางเคเบิลทีวี ซึ่งน่าสนใจและน่าประทับใจดี จึงหาหนังสือมาอ่านพบว่าหนังสือเล่มนี้ได้แปลเป็นไทยนานแล้ว โดย ร.ท.นิพนธ์ กาบสลับพล และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ "แลสซี่" ถือกำเนิดจากปลายปากกาของนักเขียนเชื้อสายอังกฤษ-อเมริกัน เอริค ไนท์ (Eric Knight) ในรูปแบบเรื่องสั้น ตีพิมพ์ลงใน Saturday Evening Post เมื่อปี 1938 และผู้เขียนขยายเป็นนวนิยายในปี 1940 ซึ่งประสบความเป็นอย่างดี Lassie ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้งหลายหนรวมทั้งเป็นซีรี่ส์ทางจอโทรทัศน์โดยมีดาราฮอลลีวู้ดระดับตำนานนำแสดง ไม่ว่าจะเป็น อลิซาเบธ เทย์เลอร์, มิคกี้ รูนี่ย์,…
นาลกะ
วรรณกรรมเยาวชนส่วนใหญ่ มักมุ่งเน้นให้เยาวชนขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียน เรียนให้จบชั้นสูง ๆ เพื่อที่จะได้มีอาชีพการงานที่ดีในอนาคต หรืออดทนกัดฟันสู้ต่อความยากลำบาก ต่อความด้อยโอกาสกระทั่งเอาชนะได้ในที่สุด กล่าวอีกแบบก็คืออดทนทำดีเข้าไว้เพื่อตัวเองนั่นแหละที่จะได้ดี หรือถ้าไม่เป็นไปตามลักษณะข้างต้น วรรณกรรมเยาวชนที่เขียน ๆ กันก็มักจะเน้นการใช้จินตนาการจนหลุดลอยจากโลกแห่งความเป็นจริง กลายเป็นวรรณกรรมเยาวชนเชิงแฟนตาซีที่อะไร ๆ ก็ดูสวยงามไปหมด เหมือนเป็นการพาเยาวชนคนอ่านหลบหนีไปจากโลกจริงสู่โลกจินตนาการของภาษา แต่วรรณกรรมเรื่อง “กะลาสีเรือผู้กล้าหาญ” ประพันธ์โดย “จังว่าง”…
นาลกะ
น่าดีใจที่สำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊ค” พิมพ์วรรณกรรมเยาวชนออกมาอย่างต่อเนื่องโดยคัดกรองเอาจากการประกวดรางวัล “แว่นแก้ว” แม้ว่าวรรณกรรมที่ผ่านเข้ามาบางเรื่องอาจไม่อยู่ในระดับที่ดีนัก นอกจากจะเป็นการปลุกการอ่านและการเขียนวรรณกรรมเยาวชนให้กระเตื้องขึ้นบ้างแล้วยังถือเป็นการให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ ที่น่ารักน่าชังในอีกโสดหนึ่งด้วย “กระเบนยักษ์คู่อาฆาต” ผลงานของ “เพชร บุตรทองพูน” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผ่านคัดกรองจากรางวัลวรรณกรรมเยาวชนพระราชทาน “แว่นแก้ว” ซึ่งยืนยงและหนักแน่นในการสร้างสรรค์วรรณกรรมเยาวชนมานานหลายปีจนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นรางวัล “แว่นแก้ว” เป็นสถาบันทางวรรณกรรม…
นาลกะ
วรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน “แว่นแก้ว” เรื่อง “คำใส” นี้ได้รับรางวัลชนะเลิศประจำปี 2546 ประเภทนวนิยาย ส่งเข้าประกวดโดย “วีระศักดิ์ สุยะลา” นักเขียนหน้าใหม่จากจังหวัดอุบลราชธานี และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊ค” สำนักพิมพ์ที่เล็งเห็นความสำคัญของวรรณกรรมเยาวชน จุดเด่นของวรรณกรรมเรื่องนี้ คือ การฉายให้เห็นถึงความเป็นไปของชนบทภาคอีสานที่กำลังอยู่ในกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นความเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์อย่างแยกไม่ออกกับโลกภายนอกหมู่บ้าน ดังนั้นเราจึงได้พบว่า เมื่อมีปัญหาทางการเงิน ตัวละครบางตัวจึงตัดใจทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลังเพื่อเข้ามาทำงานขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพ ฯ…
นาลกะ
“รุ่งอรุณ สัมปัชชลิต” แปลเรื่อง จากเถ้าธุลี จากต้นฉบับ Out of the Ashes ที่เขียนโดย “Michael Morpurgo” นักเขียนชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักมากคนหนึ่งในฐานะนักเขียนวรรณกรรมเยาวชน จนถึงปัจจุบัน “Michael Morpurgo” มีผลงานทั้งหมด 95 เรื่อง ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกกว่ายี่สิบภาษาและนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ห้าเรื่องด้วยกัน เขาได้รับรางวัลทางด้านวรรณกรรมเยาวชนมากมาย เช่น รางวัล The Children’s Book Award, The Whitbread Award นอกจากนี้ เขายังได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติสูงสุดด้านวรรณกรรมสำหรับเด็กของประเทศอังกฤษ
นาลกะ
หลังการจากไปของลัทธิจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ประเทศคองโกก็ประสบกับความวุ่นวายเพราะชนชั้นนำแย่งชิงอำนาจกันเอง กระทั่งได้ผู้นำที่เข้มแข็งจนจัดตั้งระบอบ “ปฏิวัติ” ที่วางรากฐานอยู่บนสิ่งที่เรียกว่า “ลัทธิสังคมเชิงวิทยาศาสตร์” ระบอบการปกครองใหม่มาพร้อมกับกติกากฎเกณฑ์และสัญลักษณ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลงชาติ ชื่อประเทศ ธงชาติกลายเป็นสีแดง มีการเพิ่มดาว ค้อน เคียว มีการห้ามสวดมนต์ ร้องเพลง และห้ามคิด จะเดินทางไปไหนมาไหนต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของทางการ ฟังดูคล้ายกับยุคสมัยแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรมในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ทางการเมืองอย่างมโหฬาร…