Skip to main content
"อย่าลืมเอาถุงผ้าไปซื้อของ" ฉันเคยบอกใครต่อใครจนเขาเบื่อหน่ายกันแล้ว

"อย่าเอาถุงพลาสติกเข้าบ้านถ้าไม่จำเป็น"

และทุกครั้งที่ฉันเห็นถุงพลาสติกที่ใส่อาหารแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและรีบเก็บแต่ถุงพลาสติกก็ไม่เคยหมดไปจากบ้านฉัน มันวางอยู่ตรงโน้นตรงนี้เสมอ ๆ

ยามไปซื้อของกินฉันก็จะเอากล่องเอาปิ่นโตไปใส่ ก็ร้านขายของกับบ้านอยู่ห่างกันแค่ปั่นจักรยานถึง จะต้องใส่ถุงเพื่อเอาถุงมาทิ้งทำไมกัน เคยซื้อบะหมี่น้ำถุงหนึ่ง นับถุงได้ 8 ใบ มีถุงใส่เส้นบะหมี่ ถุงใส่น้ำซุป ถุงใส่ผักสด ถุงใส่น้ำปลา ถุงใส่น้ำส้ม ถุงใส่พริกขี้หนูป่น ถุงใส่น้ำตาล และถุงใหญ่ที่ใส่ทั้งหมดกันเป็นถุงเดียวกัน

 

ทุกครั้งที่ไปตลาดฉันมีปัญหากับแม่ค้าอยู่บ้าง แม่ค้าบางคนพยายามเอาของใส่ถุงให้ฉัน แม้ฉันจะบอกว่าฉันเอาถุงผ้ามาแล้ว เธอก็ไม่ยอม บ้างครั้งถึงกับต้องยื่นคำขาดว่า ถ้าใส่ถุงไม่ซื้อ บางคนมองฉันอย่างขำ ๆ และพูดว่า พี่เขาไม่เอาถุง นานทีเดียวกว่าผู้คนในตลาดจะชินและยินยอมให้ฉันเอาของใส่ย่ามมาแต่โดยดี

 

แต่วันนี้ฉันได้ทำผิด ฉันไม่เอาถุงผ้าไป เพราะไม่คิดว่าจะซื้ออะไร แค่ปั่นจักรยานเล่น ๆ ยามเช้าเท่านั้น แต่คิดขึ้นได้ว่า ข้าวสารหมดมาหลายวันแล้ว และไปเอาบ้านน้องมาหุงกินก่อนจนข้าวสารบ้านเขาจะหมดแล้วเหมือนกัน ฉันตัดสินใจไปซื้อข้าวสารที่ร้านขายข้าวสาร

 

แม่ค้าขายข้าวสารหน้าใหม่ นำเสนอข้าวหลายแบบ มีข้าวกล้องมะลิที่ไม่แข็ง และข้าวสามส่วนที่ราคาถูกกว่ากันกิโลหนึ่งตั้ง 8 บาท เหมาะสำหรับทำข้าวต้ม และเป็นที่นิยมมากเพราะราคาถูก

 

ฉันตกลงซื้อข้าวสามส่วนสองลิตร เพื่อไว้ทำข้าวต้ม และข้าวกล้องอีกสองลิตร และข้าวขัดขาวอย่างธรรมดาสำหรับบ้านน้องสองลิตร

 

แม่ค้าเอาข้าวสารทั้งสามถุงใส่ถุงเดียวกัน ฉันจับแขวนห้อยมากับแฮนด์จักรยาน ปั่นจักรยานมาตามฟุตบาท ถึงหน้าธนาคารพอดี ได้ยินเสียงเบา ๆ เหมือนของร่วงลงมา ก้มลงไปดูก้นถุงขาดข้าวสารกระจายเต็มพื้น แม่ค้าขายอาหารตามสั่งที่อยู่ใกล้ ๆ หันมามอง และ เอาถุงใหม่มาให้พร้อมกับบอกว่า

 

".ใส่ถุงต้องซ้อนสองชั้น เดี๋ยวนี้อะไรก็ไม่ดีไม่ทน ของมันปลอมๆ "

 

ฉันหยิบถุงข้าวที่ไม่แตกใส่ถุงใหม่ มองดูถุงเล็กที่แตกกระจายอยู่ถุงหนึ่ง ชั่งใจนิดหนึ่งว่าจะเอาอย่างไรดี ถ้าตกตามพื้นบ้านไก่ก็จะได้กิน แต่ที่นี้ไม่มีไก่แน่ ๆ ทิ้งไว้อย่างนี้ผู้คนก็จะเหยียบไปมา กว่าพนักงานกวาดถนนจะมากวาดก็พรุ่งนี้ ทำอย่างไรดีหรือจะปล่อยไว้อย่างนี้ ใจหนึ่งบอกว่า ไปให้พ้นจากตรงนี้ก็จบเรื่อง ข้างหลังช่างมันเราไม่รู้ไม่เห็น ถ้าพนักงานทำความสะอาดในธนาคารไม่มากวาด ใครที่ผ่านไปมาก็คงจะคุยกันว่า ใครนะทำข้าวสารหกที่นี่ แล้วก็เดินผ่านไป

 

แต่ใจหนึ่งก็บอกว่า ฉันจะทิ้งเมล็ดข้าวเรี่ยราดอย่างนี้ได้อย่างไร ฉันเป็นลูกหลานชาวนา สมัยเมื่อวัยเยาว์ แม่จะบอกพวกเราเสมอว่า อย่าให้ข้าวหกตกพื้น เก็บขึ้นมา การเก็บข้าวเปลือก ข้าวสารทีละเม็ดนั้นพวกเราทำกันอยู่เสมอในทุกครั้งที่ทำข้าวหก แม่ว่าแม่โพสพจะโกรธเอา เม็ดเดียวก็ทิ้งไม่ได้ถ้าตามองเห็น



 

นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้คิดถึงนาข้าวของแม่ ฉันลืมเรื่องแม่โพสพขวัญแห่งข้าวไปนาน ฉันตัดสินใจนั่งลงอีกครั้ง และค่อย ๆ กอบเม็ดข้าวใส่ถุงอีกใบหนึ่ง จากนั่นเริ่มเก็บข้าวทีละเม็ด นั่งเก็บข้าวสารทีละเม็ดอยู่หน้าธนาคาร แม่ค้าขายอาหารตามสั่งเอาไม้กวาดมาให้

 

"เสียเวลาเก็บทีละเม็ดเมื่อไหร่จะเสร็จ เอาไม้กวาดไปกวาดรวมไว้ก่อน แล้วเอาที่ตักขยะไปโกย" เธอว่า

 

ฉันขอโทษแม่โพสพในใจ ก่อนกวาดข้าวสารกองรวมไว้ด้วยไม้กวาด พื้นที่หน้าธนาคารแห่งนี้สกปรกมากจริง ๆ ทั้งที่ในธนาคารสะอาดมากฉันเคยเดินเข้าไป แต่ไม่มีสักครั้งที่จะสนใจพื้นตรงนี้ว่าสะอาดหรือสกปรก

 

ฉันได้ข้าวสารเคลือบเม็ดดำ ฉันต้องเอาข้าวสารนี้กลับบ้าน เอาไปหุงให้หมาหรือให้ไก่กินก็ได้

ฉันเลือกเม็ดข้าวออกจากทรายที่ติดมา ใส่ถาดร่อนให้ทรายอยู่ข้างล่าง

"ไม่เป็นไรหรอก ข้าวมันก็มาจากดิน" สามีฉันว่าและช่วยเก็บข้าวสารออกจากดิน

"ใช่ ...มาจากดินแต่ไม่ใช่ดินที่สกปรกแบบนี้" ฉันบอกเขา

ในระหว่างที่กำลังเก็บข้าวสารออกจากดินอยู่นั้น เสียงดังมาจากข้างหลังว่า "ว่าจะขอยืมเงินสักร้อยบาทพรุ่งนี้จะมาซักผ้าให้" ผู้หญิงลูกสองที่มารับจ้างล้างจานซักผ้าเป็นรายวัน ถ้าในช่วงที่ฉันพอจะมีเงินบ้างฉันก็จะจ้างเธอ ค่าล้างจาน 10 บาท ค่าซักผ้าชิ้นละหนึ่งบาท



"ช่วงนี้ไม่มีเงินเลย" ฉันบอกเธอ

"วันนี้ข้าวก็ยังไม่มี" เธอว่า

"แบ่งข้าวที่เรามีให้เขาไปซิ" สามีของฉันบอก

"ข้าวนี้มันตกดินแล้วนะ"

"เอาข้าวดี ๆ ให้เขาซิ" เขาว่า

"ไม่ต้องหรอก เอาข้าวที่ตกดินก็ได้ เดี๋ยวไปล้างออกหลาย ๆ ครั้ง" เธอว่า พลางเอาข้าวไปเลือกเอง

"อย่าเอาเลย เอาให้หมาดีกว่า" ฉันบอก

"ไม่เป็นไร ล้างหลายครั้งก็กินได้" เธอยืนยัน

"อย่างนี้ดีกว่า" ฉันไปเอาข้าวสารที่เหลืออยู่ไม่มากนักมาแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่งและบอกเธอว่า เกิดลูกสาวพี่ท้องเสียจะว่าไง

เธอหัวเราะและรับข้าวสารไป


เมื่อครั้งวัยเยาว์แม่เคยบอกเสมอว่า ให้ของคนอื่นต้องให้แต่ของดี ๆ เท่านั้น

ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ข้าวสารเคลือบขี้ตีนคนอื่นยังอยู่ที่ฉัน

 

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
บทความที่พยายามนำพาผู้อ่านฝ่าม่านมายาคติว่าด้วยการจัดการทรัพยากรป่าไม้ด้วยการป้องกันไฟป่าสู่รูปแบบการจัดการแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพด้วยการ"ชิงเผา"  
แพร จารุ
บน ฟ้า มี เมฆ ลอย บน ดอย มี เมฆ บัง มี สาว งาม ชื่อ ดัง อยู่ หลัง แดน ดง ป่า     เนื้อเพลงมิดะค่ะ สองบรรทัด....เพราะเหลือเกิน และเข้าไปอยู่ในหัวใจใครต่อใครได้ไม่ยาก บนฟ้ามีเมฆลอยบนดอยมีเมฆบัง ฟังเพียงแค่นี้ก็จินตนาการได้กว้างไกล หัวใจก็ลอยไปถึงไหน ๆ แล้ว  
แพร จารุ
 ฉันเชื่อว่า หากคนเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทุกอย่างก็จะดีได้ไปกว่าครึ่ง บางคนบอกว่า ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน เช่น เรื่องทัศนคติที่มีต่อคนอื่น และตัดสินอย่างช้า ๆ   สามีของฉันบอกว่า จงรวดเร็วในการฟัง แต่จงเชื่องช้าในการตอบ คือให้ความสำคัญในการฟังมากๆ ก่อนจะตอบจึงจะดี จริงของเขาเพราะเดี๋ยวนี้มีแต่คนพูดและพูด แต่ไม่ค่อยฟังคนอื่น ฉันเอาเรื่องนี้มาเขียนเพราะได้แรงบันดาลใจมาจากไปสังเกตการณ์เขาพูดคุยทบทวนประสบการณ์การทำงานกันของโครงการ (CHAMPION/MSM) และสมาคมฟ้าสีรุ้ง    
แพร จารุ
  1   เหมือนเมืองบาป ฉันบอกเพื่อน ๆ จากเมืองกรุงว่า มาเชียงใหม่ อย่าลืมไปกินข้าวที่สุดสะแนนนะ อาหารหลายอย่างอร่อย และพบใครๆ ที่สุดสะแนนได้ไม่ยาก นักเขียน นักข่าว นักดนตรี นักร้อง ศิลปินวาดภาพ งานปั้น และคนที่ยังไม่มีงานทำและไม่อยากทำงานอะไรเลย
แพร จารุ
เก็บดอกไม้สีขาวแล้วไปฟังดนตรีกันค่ะ ใครมาเชียงใหม่ช่วงนี้ มีดอกไม้สีขาวบานรับ เช่น ดอกปีบ มองขึ้นไปออกดอกพราวเต็มต้น สวยงาม หอม ชวนเด็ก ๆ ไปเก็บดอกปีบที่ร่วงอยู่ตามพื้นมาร้อยมาลัยเล่น ปีบเป็นต้นไม้ที่ทนความแห้งแล้งได้ดียิ่ง เรียกว่าแทบไม่ต้องดูแลกันเลยทีเดียว ต้นไม้แกร่งแต่ให้ดอกขาวสวยบอบบางและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เดินไปที่ไหนทั่วเชียงใหม่ก็พบดอกปีบได้ไม่ยากค่ะ คราวนี้ ก็มาถึงฟังดนตรีค่ะ ดนตรีในเมืองเชียงใหม่ก็มีฟังทุกแห่งเหมือนกันค่ะ เรียกว่าหาฟังกันไม่ยาก เพราะนักดนตรีในเมืองเชียงใหม่มีเยอะ ไม่ต้องจ่ายเงินก็ฟังได้ เรียกว่ามีดนตรีฟรีอยู่ทั่วไป…
แพร จารุ
    อย่าเชื่อว่าผู้คนต้องการความร่ำรวยมากกว่าอย่ในบ้านของตัวเองอย่างเป็นสุข แต่ขออภัยก่อนฉันมัวแต่ปลูกต้นไม้ หน้าบ้านของฉันเป็นผืนดินที่มีต้นไม้หนาแน่น เมื่อที่ดินถูกเปลี่ยนมือเป็นของธนาคารกสิกรไทย มันถูกไถจนหมดสิ้นภายในวันเดียว ฉันจึงเริ่มปลูกต้นไม้ใหม่เป็นรั้วแทนกำแพงบ้านอีกชั้นหนึ่ง เพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้คลายร้อนได้บ้าง
แพร จารุ
    เปิดเมล์พบข้อความนี้ถูกส่งเข้ามา *** หนูเป็นคนกรุงเทพฯ เคยมีแฟนเป็นหนุ่มกลายสมัยที่เรียนด้วยกัน เขาเคยชวนไปเที่ยวบ้านกลาย หนูอ่านเรื่องบ้านกลายที่พี่เขียนในประชาไท รู้สึกเดือดร้อนแม้ว่าหนูจะไม่ไปที่นั่นแล้ว เพราะหนุ่มกลาย คนที่หนูรักไม่น่ารัก ไม่ดี แต่ทะเลกลายดีสวยงาม อาหารทะเลมีมาก คนอื่น ๆ ที่กลายที่หนูรู้จักก็ดีค่ะ เขาดีกับหนูมาก คนใจดี หนูจึงอยาจะร่วมปกป้องด้วย หนูอ่านพบเรื่อง SSB และลองเขียนสรุปมาให้พี่ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือในชื่อเต็มว่า การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรมในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard : SSB)…
แพร จารุ
  งานชั้นนี้ “แพรจารุ” ไม่ได้เขียนเองค่ะ เป็นของคุณวิชัย จันทวาโร ถือโอกาสเอามาลงที่นี่ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงเผยแพร่ให้ผู้อ่านรู้จักทะเลกลาย ทะเลไทย ที่กำลังถูกมือร้ายอย่างเซฟรอนบริษัทขุดเจาะน้ำมันข้ามชาติทำลาย ภายใต้นโยบายของรัฐไทย ***************
แพร จารุ
  บ้านกลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 30 สิงหาคม 2553              คุณหญิงที่รัก  
แพร จารุ
โลกนี้คนชั่วมากเหลือเกิน และบรรดาคนชั่ว ๆ ก็ล้วนเป็นผู้มีอำนาจ พวกเขามีอำนาจที่จะอนุมัติโครงการใหญ่ ๆ ทำลายฐานทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งอาหารที่คนพอจะทำมาหากินได้ พวก เขาขุดภูเขา ถมทะเล โดยไม่สนใจว่าเจ้าของเขาอยู่กันอย่างไร ต่อไปกะปิอร่อยๆ ที่ฉันเอามาฝากคุณก็จะไม่มีแล้ว เพราะที่บ้านฉันจะมี เซฟรอน คุณรู้ไหมมันคืออะไร คือบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างชาติ ที่เข้ามาถมทะเลสร้างท่าเรือ เพื่อขุดเจาะหาพลังงานไปขาย โดยไม่สนใจว่าเป็นแหล่งอาหารของชุมชน ป้าของฉัน แกบอกว่า นอนไม่หลับมานานแล้ว แกกังวลว่าจะอยู่อย่างไร แม่ของฉันอายุเก้าสิบปี ฉันไม่กลับบ้านมาสองปี แม่เก็บกระดาษไว้ให้ฉันสามแผ่น…