Skip to main content


ชื่อชั้น
(2)


รึจะเป็น ใต้ถุนป่าคอนกรีต สนิมกรุงเทพฯ หรือ? สำมะหาอะไรกับความทรงจำของเด็ก ข้าพเจ้าพยายามเดาจากรายชื่อหนังสือที่พิมพ์ก่อนปีเกิด แต่ก็หมดปัญญา
\\/--break--\>
มาอีกหลายปีให้หลังจึงรู้ว่า นักประพันธ์ผู้สร้างความกังขาท่านนั้นคือใคร บนเส้นทางการอ่านอันหิวโหยตะกละตะกราม ข้าพเจ้าอ่าน เจ้าชายน้อย ตอนประถมด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย อ่าน คนเหมือง ของเอมิล โซลา ด้วยความรู้สึกหนืดเหนื่อยของเด็กม.ต้น อ่านคีตาญชลี ตอนอายุ 15 และแน่ล่ะ ไม่รู้เรื่อง! จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย อ่านเฮสเสและติช นัท ฮันห์ จากการแนะนำของเพื่อน อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง อ่านพจนา จันทรสันติ ที่กิ่งดาวส่งมาให้ทางไปรษณีย์ ยืม 6 ตุลาฯ เราคือผู้บริสุทธิ์ จากดาวดล สุวรรณสิทธิ์ (ขอขอบคุณมิตรผู้มีอุปการคุณมา ณ ที่นี้)

แล้วข้าพเจ้าไชโยโห่ร้องให้กับการเข้าเรียนอุดมศึกษารอบใหม่ที่ธรรมศาสตร์  เพื่อนหนุ่มสาวทั้งหลายดูเหมือนจะรู้ดีกว่าเด็กบ้านนอกอย่างข้าพเจ้า เขาให้แนวทางเสาะแสวงหนังสือมาอ่าน รวมนักเขียนปริศนาเจ้าเก่า ‘อ่านนวนิยายเอ็กซิสต์ฯของนักเขียนไทยดูสิ’  หมายถึง แดง รวี ของ’รงค์ วงษ์สวรรค์  ‘หลังจากอุษณา เพลิงธรรมแล้ว ต้องต่อด้วยวิจิตรกามา คืนรัก และอีกหลายเล่มของนักเขียนคนเดียวกันนะ’ บา...สำนวนภาษาอะไรอย่างนั้น ระริกพลิกไหวในแบบชวนอึ้ง ทึ่งและแหวก แต่สวย  ชายหญิงในโลกที่นักเขียนผู้นี้เนรมิตพาข้าพเจ้าเปิดเปิงไปยังดินแดนประหลาด โดยมากมักเป็นยามกลางคืน ใต้แสงสีพรายฟองแอลกอฮอล์ หรือซอกมุมห้องเช่าราคาถูก เตียงสกปรกในโรงแรมจิ้งหรีด ภัตตาคารแพงหูฉี่ หรือโรงแรมมีระดับ ไต่ลงไปถึงโคนไม้ชายคลอง หลายคราส่องไปถึงหม้อข้าวหม้อแกง ที่พาดพิงการบ้านการเมืองก็แสนสะบัดสะบิ้งฉีกกัด  โลกอย่างนี้ คนพรรค์อย่างนี้ สาวบ้านนอกอย่างข้าพเจ้า(ในตอนนั้น)ไม่เคยพบเจอ อย่าว่าแม้แต่จะฝันถึง  ข้าพเจ้าพบว่าเขาเป็นนักเขียนมีอายุแล้ว (เขาจะลุกขึ้นประท้วงไหมหนอ ก็เขาหยุดอายุไว้ที่ 28 )แต่ลีลา ภาษา เรื่องราว เหตุใดจึงร่วมสมัย ผิดแผกกับนักเขียนรุ่นก่อน ไม่อยากจะเชื่อ แดง รวี เขียนปีที่ข้าพเจ้าเกิด

เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เป็นนักเขียนต้องปรนปรือผู้มีพระคุณคือคนอ่าน  ต้องให้ทั้งสาระและความบันเทิง  แต่ข้าพเจ้าและแฟนๆนับร้อยนับพันของเขารู้ดี  ใช่แค่สองสิ่งนี้เท่านั้น มากกว่าสาระหรือความเพลิดเพลินธรรมดา เรารื่นรสล่องไหลไปในถ้อยวจีและกลวิธีวรรณศิลป์ เขาเป็นศิลปินต่างหากเล่า ข้าพเจ้าว่า เขาปั้นแต่งถ้อยคำให้มีชีวิต แถมเป็นชีวิตที่ไม่ซ้ำแบบใคร เขาผลิตคำใหม่ กิริยา วลีใหม่ๆ และพอใจที่จะบัญญัติศัพท์ใช้เอง ตลอดจนคำทับศัพท์ที่ราชบัณฑิตไม่ควรข้องเกี่ยว  ทอดสายตาดูแล้ว ดูท่าเขาจะเป็นดังที่ อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนอาวุโสว่าไว้ ‘100 ปีมีคนเดียว’  *     

บางท่านกล่าวว่า ผิดหลักภาษาไทยแน่นอน ‘เขาเดินออกมาจากกางเกง'  บางสตรีพาดพิงกระทบรูหู ‘ไม่ชอบนักเขียนคนนี้เลย ไร้สาระ เขียนแต่เรื่องรักๆใคร่ๆ’ บางคนบอก ‘รับไม่ได้ ลอกพล็อตฝรั่งมา’  ไม่รู้ล่ะ ข้าพเจ้าว่า ไม่วายกล่าวค้าน เครื่องมือที่นักเขียนใช้นั้น นักกฎหมาย ครูอาจารย์ พระ หรือคนธรรมดาก็ใช้ แต่อย่างไม่เหมือนกัน นักประพันธ์ที่ดีข้ามพ้นข้อจำกัดถ้อยคำ ด้วยการเขียนอย่างชนิดที่เรียกดิ้นได้  ส่วนนักอ่านหญิงผู้ไม่เห็นสาระในความใคร่ ความจน เหล้า หรือวิถีชายขอบแบบต่างๆ  อย่างประชากรในหนังสือของรงค์ ขี้เมา โสเภณี แมงบาร์แล้วละก็ ข้าพเจ้าจะไม่พูดกับเขาล่ะ   

จำได้ ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกแม้แต่แว่บถึง ตอร์ตีญาแฟล็ต ขณะอ่าน เสเพลบอยชาวไร่  ไม่มีกลิ่นแป้งหรือเครื่องเทศเม็กซิกันลอยปะปน  นอกจากภาพแจ่มชัดของอ้ายหนุ่มชาวไร่ ขี้เมา รักอิสระ บ้าบอ เพ้อฝันอย่างฮิปปี้ และบางทีก็โง่เขลาแต่มักรวมตัวกันกินดื่มอยู่เนืองนิจ  อา..เหล่าเสเพลบอยผู้น่ารัก  ผู้รู้จักการใช้ชีวิตเยี่ยงคนเกียจคร้านอันทรงเกียรติ ขอประกาศจากใจจริง ข้าพเจ้ารักหนังสือสองเล่มนี้พอๆกัน

รวมเรื่องสั้นคนมีรักและสัตย์ซื่อต่อความใคร่ในหัวใจ โดยเฉพาะชุดที่วาดโดย ช่วง มูลพินิจ กลายเป็นหนังสือคลาสสิกที่หลายคนเสาะหา สำหรับข้าพเจ้า ที่ติดใจ (แม้จะอ่านน้อย หากนับหนังสือทั้งหมด 65 หรือกว่านั้นเล่มของรงค์ วงษ์สวรรค์)ไม่ทราบอีกแล้วว่าเป็นเรื่องใด ซึ่งมีฉากดวลแบบคาวบอยไทยๆบนภูหินแล้ง แหล่งแร่  (โปรดอภัยในความขี้ลืม) ช่างมันหยดสะระตี่ ชวนให้ลุ้นอยู่ทุกวินาที และเป็นอย่างที่พบในงานของเขาทุกเล่ม รวมทั้ง นาทีสุดท้าย ทับทิมดง เล่มล่าสุดที่ได้อ่าน  ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ ปฏิบัติตามกฎอันเคร่งครัดของนักประพันธ์  ศึกษาข้อมูลอย่างเข้าถึง รู้ลึกและรู้จริง ผู้คนในหนังสือของเขาจึงลุกขึ้นมาโลดแล่นมีชีวิตและวิญญาณ ชื่อชั้นเช่นนี้เองละมังที่ใครๆเรียก พญาอินทรี หรือ พ่อมดแห่งตัวอักษร...

* นิรันศักดิ์ บุญจันทร์ ,กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ,17 มี.ค 2552

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
บ่อน้ำ... คำนี้ช่างชุ่มเย็นหวานฉ่ำ ซุกซ่อนอยู่ในร่มเงาไม้ ที่ละอองไอชื้นแผ่มาจากบ่ออิฐตะไคร่คร่ำ เมื่อลัดจากทุ่งร้อนเปรี้ยงหรือผ่านมาตามถนนสีแดง คนเดินทางถูกดึงดูดสู่ร่มเงา ถอยจากเปลวแดดเต้นยิบ ความกระหายเผารมลำคอ เขาก้มมองลงไป มืด ชื้นฉ่ำ ได้ยินเสียงน้ำเย็นเสนาะใสอยู่เบื้องใต้ หันซ้ายแลขวา พบหลักไม้ กิ่งไม้ หรืออาจวางเค้เก้อยู่บนดิน ครุ กระชุชันยา หรือถังน้ำพร้อมเชือก...
รวิวาร
ก่อนหนาวคลาย เขามีงานมหกรรมดนตรีชนเผ่าที่ค่ายเยาวชนใกล้ๆน้ำพุร้อน ปะทะกับแคมป์ดนตรี ชีวิต วิญญาณของชาวญี่ปุ่น  หนึ่งในสามสี่คืน บนเวทีใหญ่ พี่น้องหลากเผ่าทั่วเชียงดาว ไต ลีซู ลาหู่ ดาระอั้งฯลฯ ส่งตัวแทนขึ้นแสดงนาฏการบนเวที แจมด้วยดนตรีโฟล์คซองจากหนุ่มญี่ปุ่น  คืนอื่นๆที่เหลือล้วนเป็นของชาวแจแปน  มีอยู่คืนเหมือนว่าเป็นคืนของเรา เรียก’เรา’ นั่นล่ะ ด้วยว่าพรรคพวกหมู่เฮามากันหลาย  สุดสะแนนปิดร้านยกวงมา พี่ตุ๊ก บราสเซอรี่กีตาร์เทพก็มา รวมทั้งน้าหงา น้าหว่องและวงคาราวาน  คืนนั้นมากหน้าหลายตา แต่ก็คนกันเอง รู้จักคุ้นหน้า บ้างมาร่วมงานเฉยๆบ่ได้แจมดนตรี …
รวิวาร
* แต หรือเขียง สิ่งก่อสร้างสำหรับแบ่งน้ำในลำเหมือง มี ต๊าง บากเป็นช่องสำหรับให้น้ำผ่านตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะปันให้นาแต่ละเจ้าเท่าใด * อ่าน จุดจบแห่งจินตนาการ  อรุณธตี รอย
รวิวาร
คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น แต่กลับอาศัยงาน ภารกิจเล็กๆที่รับมอบพาไหลเลื่อนไปสู่ประตูที่เปิดกว้าง  บ้าน หญิงสูงวัย รั้วไม้ไผ่ที่เถาถั่วสีเขียวอมม่วงเลื้อยอิง กระจุกดอกเล็กๆกลีบอ่อนนุ่มและฝักสีม่วงชุ่มชูทาบท้องฟ้า ฟ้าสีฟ้าแจ่มแห่งฤดูหนาวเท่านั้น คุณมีสมุด ปากกา กล้องถ่ายรูปมาด้วย จริงอยู่ ปากขยับ ไถ่ถาม แนะนำตัว บอกที่มา คุณมาทำไม มาขอข้อมูลถั่วที่ออกดอกใหม่เอี่ยมนั่นไง  เหมือนมีตัวเองอยู่สองชั้น พูด ยิ้ม ถาม หัวเราะและหยุด สัตว์สังคมที่ฝึกมากับภายในซึ่งไร้ภาษา ซึมซับสิ่งที่ดวงตาดูดดื่ม สีหน้าของหญิงทั้งสอง  สำเนียงยองดอยสะเก็ดจากใบหน้า เหนือคิ้ว…
รวิวาร
ฉันมองโลกจากตัวฉัน เฝ้าดู เพ่งพินิจพิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รอบตัวด้วยดวงตาของผู้หญิงคนหนึ่ง ดักจับภูมิภาพตามลักษณะอารมณ์ความคิดแห่งเพศของเธอ  มักไม่ใคร่เห็น ตื่นเต้นเลยไกลถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ขับดันโลก ไม่สนิทสนมคุ้นเคยเกี่ยวแก่การบ้านการเมือง จดจำตัวเลข สถิติ หรือข้อมูลทางวิชาการไม่ใคร่ได้ เพียงคิด ดู และพรรณนาไปตามความรู้สึก หญิงอื่นอาจรอบรู้เก่งกาจแตกต่าง แหละความเป็นหญิงอาจไม่ใช่ข้ออ้าง ฉันเพียงบอกเล่าจากมุมของตน
รวิวาร
  ตัวเป็นๆ   ‘อาว์’ อยู่บนรถเข็น มองมาด้วยดวงตาลึกงัน รอบข้างคือความเคลื่อนไหว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การพูดคุยโบกไม้โบกมือ สตริงควอเท็ตมือสมัครเล่นจบไปแล้วค่ำนั้น งานหนังสือในสวน  ข้าพเจ้าเดินผ่านสายตากราดปะทะ แต่มิได้เข้าไปหา  เหมือนโลกหยุดนิ่งชั่วขณะ ช่วงเวลาอันควรมาถึง แต่ข้าพเจ้ากลับปล่อยผ่าน ลูกและสามีเร่งยิกๆ ให้กลับ เฉกเช่นด้านบัดซบของความจนปล่อยลอยผ่าน รวมเรื่องสั้นรอซื้อสำหรับส่งไปบูชาครู รดน้ำดำหัวที่โป่งแยงคราวสงกรานต์ ข้าพเจ้าให้เผอิญอยู่ไกล ไม่ได้ข่าว ขาดงบประมาณบ้าง มิได้กราบอาว์จริงๆ สักครั้ง
รวิวาร
ชื่อชั้น (2) รึจะเป็น ใต้ถุนป่าคอนกรีต สนิมกรุงเทพฯ หรือ? สำมะหาอะไรกับความทรงจำของเด็ก ข้าพเจ้าพยายามเดาจากรายชื่อหนังสือที่พิมพ์ก่อนปีเกิด แต่ก็หมดปัญญา
รวิวาร
อ่านแรก (1)   ข้าพเจ้าจำได้ ตู้ไม้กรุกระจกใบย่อมใต้หิ้งพระบ้านยาย นอกจากข้าพเจ้ากับน้องจะยึดประตูของมันคนละบาน ใช้ปลายเท้าจิกลงบนกรอบไม้ชิ้นบางที่ยึดแผ่นกระจกด้านล่าง ขณะสองมือเหนี่ยวกรอบบนเท้าข้างหนึ่งถีบพื้นกระดาน แนบร่างกับแผ่นกระจก เหวี่ยงประตูเข้า ๆออกๆ พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ตู้หลังนั้น ใบเดียวกับที่ตั้งอยู่ข้างตัวยามนี้ อัดแน่นด้วยหนังสือ ยัดทะนานความคิดความรู้สึก
รวิวาร
หมุนวนแต่ไม่ได้หมุนรอบ ซ้ำซากอยู่กับที่ หรือทุกข์ทรมานเหนื่อยล้าราวถูกตีตรวน มันคือรอบของเกลียวที่หมุนขึ้นสู่เบื้องบน ส่งสัญญาณชัดแจ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้วในดีเอ็นเอ วงโคจรแห่งดาว กำเนิดจักรวาล ชีวิต วงหมุน สังสารวัฏ รอบซึ่งมีทิศทะยานขึ้น พัดพาเราหนุนเนื่องไหลตามไป ขออย่างเดียว แค่อย่าเขลาไถลลื่นลง ถึงอย่างนั้น การย้อนศรชีวิตก็ไม่น่าง่าย เพราะมันขัดกับตัวชีวิตเอง แม้จะมีความโง่เขลายิ่งใหญ่ในการทำลายตัวเองหนุนโลกอยู่โต้งๆ ...คุณก็รู้ สัตว์ป่าออกครอบครองพื้นที่แถบเชอร์โนบิล พวกมันจับจองเตาไฟ พื้นกระท่อมที่ถูกทิ้งร้าง หลังผู้อาศัยอพยพหนีรังสีนิวเคลียร์ คุณก็เห็น เวทีเล็กเวทีน้อยที่ชาวบ้านไหวตัว…
รวิวาร
  ฉันตื่นมาตอนหกโมง หมอกลงฝอยขาวโพลนจนมองเห็นเพียงใกล้ๆ อากาศหนาวจนตัวสั่นไปหมด  วันนี้เช้าและหนาวเกินกว่าจะไปสวรรค์...
รวิวาร
      มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า…
รวิวาร
เหมือนความเศร้านั้นมีมวล  แผ่จับและหนักอึ้งอยู่จนถึงรุ่งเช้า  ในดวงตาก้มต่ำ ริมฝีปากเงียบงันล่องลอยยังที่ใด ตัวมันเองไม่ต้องการคำถาม ไม่สรรหาคำอธิบายมาบอก ความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องใต้นั้น ภาษาก็อับจนหนทาง