Skip to main content

 

เวลาได้กะคิดฮอดกัน!
30 / 10 / 55
Too อาจารย์ที  และอาจารย์ที่รักประชาธิปไตยที่เคารพทุกท่าน!

สวัสดีครับ... อาจารย์ ที  และอาจารย์ที่รักประชาธิปไตยทุกท่าน  ผม ‘ต้า’ เด้อ!  จำได้บ่น้อ   ผมขอโทษหลายๆ บ่ได้เขียนจดหมายไปหาอาจารย์ 
ผมบ่ฮู้ที่อยู่!  พ่อใหญ่ศักดิ์กับอาจารย์ดาวเว้าสู้ฟังก็เลยฮู้ครับ  อาจารย์สบายดีบ่ครับ   ผมอยู่ที่นี่ก็คึดฮอดอาจารย์ทุกคนครับ   

แม่มาเยี่ยมกะถามข่าวหาตลอด   อาจารย์ดาวเพิ่นมาเยี่ยมก็ถามข่าวหาอาจารย์ทุกคนอยู่  ส่วนผมกะส่ำบายดี  ส่วนหลายกะส่ำบายตัวละครับ 
ใจกะคิดฮอดบ้านหลายๆ  อยากไปเห็นบ้านเฮาแฮว!  ป่านนี้ข้าวคือสิไกล้ได้เกี่ยวแล้ว อยากเมื่อบ้านไปเกี่ยวสอยแม่เด้   ลมหนาวมากะสีข้าวม่วนหลาย!  

คั่นลมหนาวมาผมละใจสิขาด  คิดฮอดบ้านหลายๆ  ยามได๋สิได้ออก -_-!  กะว่าละน้อล่ะอาจารย์การต่อสู้มันก็ต้องมีผู้เสียสละ  ผมบ่เสียใจดอกอาจารย์ เพราะผมสู้เพื่อพี่น้องเฮาเพื่อความยุติธรรม  หาเอาความยุติธรรมมาให้พี่น้องคนไทย บ่ให้เขามาเหยียบหัวคนจนคนไทย  เพื่อให้มีประชาธิปไตรให้ได้ ติดคุกก็ติดได้แต่โต แต่ใจโบยบินไปได้เรื่อยๆละครับอาจารย์   หาแนวสิเฮ็ดยามออกไป  แต่ก็บ่ฮู้ครับอาจารย์ว่ามื้อได๋เขาสิปล่อย  -_-!    จั๋งไดก็สู้อยู่แล้วอาจารย์ ได้ยินขาวว่าอาจารย์ญี่ปุ่นเพิ่งสิย้าย  เพิ่งย้ายไปไสก็ขอให้โชคดี รักษาสุขภาพ ดูแลตัวเองดีๆ เด้อครับ  ผมกะคิดฮออดอยู่เด้อครับ   :)  !   

แม่เพิ่งมาเยี่ยม  ติโตนเพิ่งแฮง  เดี๋ยวนี้แฮงอยู่ไกล   โอ๊ย!! แม่นมันบาปกรรมหยังของเพิ่น ตอนนี้กะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย  คั่วมาฝากผมโตใหญ่ดี กำลังหาที่ขายเพิ่มอยู่ครับ  ว่าสิเฮ็ดเป็นอาชีพหลัก  ขายให้ได้หลายๆอาจารย์   ผมต้องขอบคุณหลายๆที่ดูแลแม่ให้   บุญคุณอาจารย์ทุกท่านท่วมหัวหลาย  บ่ฮู้ว่าสิทดแทนจั๋งได๋   ออกไปสู้คดีจบก็สิบวชทดแทนบุญคุญพ่อแม่กับทุกคนละครับ

ผู้สาวกะเลิกแล้วครับอาจารย์  มีแต่สิหาเอาใหม่   ย้ายมาอยู่นี่ก็ได้เรียนแล้วครับอาจารย์   เรียนกันทุกคนอาจารย์  พ่อใหญ่ศักดิ์กะเรียน

สุดท้ายฉบับนี้  คิดฮอดอาจารย์ทุกคนเด้อ  บ่ได้เอ่ยชื่อกะขอโทษหลายๆ   ดูแลสุขภาพตัวเอลหลายๆเด้ออาจารย์   หวังว่าเรวๆนี้คือสิได้พ้อกันข้างนอก  
ว่างกะเขียนจดหมายมาเล่นนำกันแน่เด้ออาจารย์   ขอบคุณอาจารย์ทุกคนหลายๆเด้อ  

ขอบคุณครับ

รักและเคารพอย่างยิ่ง

ลงชื่อ

(ธีรวัฒน์ สัจสุวรรณ)
ที่อยู่  89 ก. เรือนจำชั่วคราวหลักสี่
แขวงตลาดบางเขน
เขตหลักสี่
กรุงเทพมหานคร
10210
 

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

 

คนคุก.....

เราต่างมีคุกเป็นสมบัติติดตัว

ข้อหาและโทษระวางแตกต่างกันไป

เราต่างรู้ ว่าเพื่อนมีไว้ให้คบหา
หาใช่พึ่งพาต่อกันไม่

 

ถ้าเพื่อนไม่มา
ระลึกรู้เถอะว่า ยังถูกตรึงตรวนไว้ ที่ไหนสักแห่ง...


ในคุกขังอันใหญ่กว่าที่ครอบเอาไว้ และอาจมีใครบางคนยังมองไม่เห็น

 

หมายเหตุ: บางส่วนของความรู้สึกที่ส่งต่อมาจาก Cronica de un nino solo (Chronicle of a Lonely Child) [1965] 

.......................................

ผมเพิ่งออกมาจากคุกมืดชั่วคราวมาครับ 

เพื่อนคนหนึ่งส่งลิ้งค์หนังเรื่องนี้มาให้นานแล้ว  แต่ผมเพิ่งจะมีเวลาได้ดูหลังจากที่ขลุกอยู่กับงานมาแบบไม่มีวันพักวันหยุดต่อเนื่องมาเดือนกว่าๆ
มันเป็นกิจกรรมทดแทนจากการปฏิเสธที่จะไปเยี่ยมเพื่อนทั้ง 4 คนที่เรือนจำพิเศษหลักสี่  เมื่อวันอังคารที่ 6 ที่ผ่านมา

พงศาวดารความเศร้าของเด็กเปลี่ยวเหงาคนหนึ่งที่คุกสอนดัดให้เขาเรียนรู้และหลาบจำว่าคุกนั้นได้ครอบขังวิญญาณเสรีเขาไปตลอดกาล
ไม่ว่าเขาจะอยู่ ณ ที่แห่งไหนก็ตาม 

ราวกับถูกหนังเรื่องนี้ตบหน้าฉาดใหญ่  และถูกตบซ้ำซากไปมาเมื่อผมนึกถึงคำตัดสินของศาลอาญา อุบลราชธานี
ที่พิพากษาให้เพื่อนผม 4 คนนี้ต้องติดคุกยาวนานถึง 33 ปี  12 เดือน   เมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา

ผมไม่รู้ว่าคุกจริงๆ มันกัดกินชีวิตและวิญญาณเสียที่โหยหาประชาธิปไตยและความยุติธรรมที่ยังอยู่ในห้องมืดแห่งไหนสักแห่งไปแล้วแค่ไหน

จดหมายฉบับแรกของธีรวัฒต์ที่ผมเพิ่งได้เห็นจากอาจารย์ปูซึ่งเพิ่งกลับมาจากการเยี่ยมครั้งล่าสุด  ก็ครั้งที่ผมไม่ว่างพอจะเยี่ยมด้วยนี่แหละครับ
ทำเอาผมสงสัย  ว่าเวลายาวนานที่ทอดเลยออกไปจะทำให้ความหวัง ความสดใสในชีวิตวัยหนุ่มของเขามันหดหายไปได้อีกมากแค่ไหน

คำไทบ้านที่ตั้งใจเขียนลงในกระดาษแผ่นนั้น ตกแต่งไปด้วยความหวัง ความฝัน ที่แสนสวยงาม จนผมไม่กล้าจะคิดว่าความจริงที่โหดร้าย
ที่เป็นคุกใหญ่ที่ครอบขังเราไว้มันจะทำไปลดทอนพลังแห่งการที่จะต้องดำรงชีวิตอยู่ต่อไป
ในนามผู้เสียสละเพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรมนั้นได้อีกนานแค่ไหน???

เมื่อย้อนกลับมามองตัวเอง  ผมว่าผมก็ติดคุกในชีวิตประจำวันไม่ต่างกันกับพวกเขาทั้ง 4 
หากแต่คุกข้างนอกนี้มันดูน่าอภิรมย์และชักชวนให้อยู่ดีอยู่สบายกว่าเพื่อน 4 คนนั้นมากครับ  

ช่วงเมษา-พฤษภา 53 ที่ผ่านมา   ความกลัวได้กักขังผมเอาไว้ระหว่างเรื่องราวในท้องถนนบนสี่แยกราชประสงค์
แต่ด้วยสัญชาติญาณและความอยากรู้อยากเห็นยังคงทำงานอยู่ได้และเฝ้าเกาะติดข่าวคราวของพวกเขาผ่านทางช่องสัญญาณถ่ายทอดสดอินเตอร์เน็ตบ้าง 
ข่าวสารในหน้าเว็บบ้าง  รวมทั้งอีเมลล์ต่างๆ ที่ส่งไหลเวียนเข้ามาจากเพื่อนพ้อง

ตอนนั้นผมยังเพิ่มเริ่มหัดเล่น FB ใหม่ๆ เสียด้วยซ้ำ 

แม้จะอึดอัดขัดเคืองกับเรื่องที่ปรากฏในระหว่างการต่อสู้เพื่อออกมาทวงถามความเป็นประชาธิปไตยและความยุติธรรมที่พรากจากไปนับแต่กันยายน 2549 มากแค่ไหนก็ตาม  กรงขังแห่งการงานและการทำมาหากินก็ยังตอกตรึงแน่นหนาผมเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ไกลมากนัก  การได้ช่วยงานในกลุ่มกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่มีโอกาสซึ่งไม่บ่อยนัก  การลงนามในท้ายจดหมายที่มีข้อเรียกร้องต่างๆ ในช่วงระหว่างการชุมนุม เรื่อยมาจนกระทั่งเราได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากเลือกตั้งปี 2554 แล้ว  หรือรวมไปถึงการลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 และ  ม.112 กับคณะนิติราษฎร์ และอื่นๆ อีกมากมายที่พอจะขยับทำเล็กๆ น้อยๆ ในคุกนั้นได้  แต่มันก็ไม่มีผลอะไรอย่างที่เราๆเพิ่งเห็นหลังจากที่ประธานสภาได้พิสูจน์ทราบออกมาว่าเลือกทางถอยอย่างซ้ำซาก 
   
พอเบื่อหน่ายกับการไม่ขยับขับเคลื่อนอะไรทางการเมืองมากเข้า  ผมก็มักเข้าไปในคุกมืดครับ 

มันมีกิจกรรมนันทนาการสารพัดที่คนคนหนึ่งจะเลือกทำอะไรในคุกนั้นได้ตามความพึ่งพอใจในรสนิยมแห่งตน  อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ท่องเที่ยว  คุกนี้สิ้นเปลืองพอควรแต่มันช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่รอดต่อไปในคุกการงานอันยิ่งใหญ่แห่งนั้น

ซี่กรงของคุกงานนั้นยิ่งใหญ่มากทีเดียว  มันอาจจองจำผมไปอีกนานจนกว่าพอที่จะทำให้ผมมีชีวิตอยู่ในคุกแห่งความมั่นคงของครอบครัว  ดีเสียแต่ว่ามันพอมีเวลาแห่งการเยี่ยมญาติผ่านหน้า FB บ้าง ระหว่างอยู่ในคุกนี้  มันทำให้ผมเผลอนึกบ่อยๆ ว่า  ทั้งการติดคุกงาน และช่วงเยี่ยมญาติ อาจพาผมไปเฉียดสัมผัสกับเรื่องราวที่น่าจะส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยและความยุติธรรมได้บ้าง  

ครับ  ผมมักเผลออยู่บ่อยๆ ครับว่าเราเข้าใกล้ประชาธิปไตยและความยุติธรรมนั้นไปทุกที ทุกที


Adminสำรอง@RedfamFund


8-11-55

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""



ข้อมูลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

ธีระวัฒน์ สัจสุวรรณ อายุ 20 ปี อาชีพ พนักงานร้านอาหาร

ถูกจับ  27 พฤษภาคม 2553 โดยตำรวจนอกเครื่องแบบขอเชิญตัวไปเป็นพยานที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี
เขาไม่เห็นหมายจับและถูกตำรวจใช้แฟ้มฟาดศีรษะและข่มขู่ให้สารภาพ
ในห้องสอบสวน มีด กระบอง ขวดโค้กและปืน ถูกนำมาเพื่อข่มขู่เขา
ตำรวจขังเขาไว้ 2 คืน พยายามบังคับให้เขาแถลงข่าวว่าเป็นผู้เผาศาลากลางจังหวัด
แต่เขานั่งเงียบ เขารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อถูกส่งตัวขึ้นศาล

 

วันเกิดเหตุ เขายืนยันว่า อยู่ที่ร้านเกมส์ใกล้ๆ ทื่ทำงานแถวห้วยวังนอง

ธีระวัฒน์ มีแม่เป็นผู้พิการทางสายตา – หูตึงที่เขาต้องดูแล
พี่ชายของเขา ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกันก็อยู่ระหว่างหลบหนี เนื่อจากหวาดกลัวหวาดกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีความ
ส่วนน้องชายกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.4 ไม่มีใครส่งเสีย แม่ของเขาต้องยืมเงินนอกระบบจำนวน 40,000 บาทมาวิ่งเต้นสู้คดี

ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก ธีรวัฒน์ คดีเผาศาลากลาง จ.อุบล 33 ปี 12เดือน

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
 

บล็อกของ Redfam Fund

Redfam Fund
ไม่ลืม
Redfam Fund
ธี ร์ อันมัย: update ความเคลื่อนไหวประจำเดือนกุมภาพันธ' 57 - See more at: http://blogazine.in.th/blogs/redfam-fund/post/4587#sthash.YZyhBkzE.dpuf 
Redfam Fund
 ...จะต้องใช้เลือด ใช้ชีวิตและอิสรภาพของประชาชนอีกเท่าไรจึงจะพอ
Redfam Fund
อีกหนึ่งชีวิตของนักโทษการเมืองจากอุบลราชธานีที่ได้จากไปในขณะที่ความยุติธรรมยังคงเดินหลงทางและดูเหมือนว่าอาจจะไม่มีวันที่จะไล่ตามทันวันเวลาที่ลดน้อยลงของพวกเขา