เส้นทางสู่...กรงขัง ของ รุ่งศิลา ตอนที่ 1

‘อิสรภาพ’ โบยบินไปในฟากฟ้า
แต่ ‘เสรีภาพ’ ถูกจองจำกุมขัง
สองขา ตีตรวน ตีนเปล่า
สองแขน พันธนาการ โซ่ข้อมือ
‘เสรีชน’ โดนกักขังปานสัตว์
หาต่าง ‘ชาติเดรัจฉาน’
กดขี่ จิตวิญญาณ เยี่ยง ‘ทาส’
กดคั้น ‘ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์’ ต่ำฅน

รุ่งศิลา
=============================================

 

“รุ่งศิลา” ถูกจู่โจมควบคุมตัวโดยทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ชุดเคลื่อนที่เร็ว ในคืนวันที่ 25 มิถุนายน 2557 เวลา 22.30 น. ขณะกำลังเดินทางโดยรถยนต์ปิกอัพบนถนนแยกเข้าตัวเมืองกาฬสินธุ์ผ่านทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดอุดรธานี เพื่อติดต่อขอสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองจาก UNHCR “องค์กรข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ”


ช่วงเวลาขณะรถยนต์ที่นั่งชะลอเข้าทางแยก ได้มีรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ขับปาดหน้าจอดพร้อมมีชายฉกรรจ์ 5 คนเปิดประตูวิ่งลงมา ในขณะเดียวกับที่มีรถตู้อีกคันแล่นมาจอดปิดท้าย และมีชายฉกรรจ์อีก 7 คนวิ่งลงมารายล้อม หน้าตาถมึงทึง ทั้งหมดถืออาวุธสงครามพร้อมลั่นไก ตะโกนให้ยอมแพ้ ห้ามทำการต่อสู้ แล้วให้ชูมือออกมาจากรถ บังคับให้ทุกคนนอนหมอบลงกับพื้นถนน ขณะฝนกำลังตกหนัก

ชายฉกรรจ์ทั้งหมด แต่งกายนอกเครื่องแบบทะมัดทะแมงถืออาวุธปืนไรเฟิลจู่โจม ‘ทราโว’ คาดซองปืนพร้อมอาวุธปืนสั้น  พกวิทยุสื่อสารที่หัวไหล่

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 44/2557 ออกประกาศเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2557 เรียกบุคคลให้มารายงานตัวในวันที่ 3 มิถุนายน 2557 ณ สโมสรกองทัพบก เวลา 10.00-12.00 น. มีรายชื่อ “รุ่งศิลา” ลำดับที่ 22

โดยผมได้รับแจ้งข่าวจากคุณแม่และเพื่อน ประมาณ 3 ทุ่มหลังมีประกาศทางโทรทัศน์ เป็นความประหลาดใจระคนสงสัยว่าทำไม “คณะรัฐประหารลักหลับประเทศไทย พ.ศ.2557” ถึงมีรายชื่อของผมซึ่งมีเพียงเพื่อนสนิท 2 คนเท่านั้นที่ทราบว่านามแฝง “รุ่งศิลา” ตัวจริงเป็นใคร ด้วยเหตุเพราะผมไม่เคยออกสมาคม เข้าร่วมชุมนุมเปิดเผยตัวเองเป็นการส่วนตัว...บอกตามตรงคือ ไม่ได้ทำเพราะความอยากเด่นดัง หรือหวังผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ

ประเด็นอยู่ตรงที่มันเกิดความรู้สึกยอมรับไม่ได้กับการออกมายึดอำนาจทำรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 รับไม่ได้จริงๆ กับความอยุติธรรมของคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่กระทำต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ รวมถึงการเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าคนชาติเดียวกันตายนับร้อยศพ บาดเจ็บนับพันคน กลางเมืองหลวงของประเทศ โดยกองทหารเดิมๆ อย่างซ้ำซากมากกว่าครึ่งศตวรรษ

เป็นความซ้ำซาก ย้อนแย้งและล้าหลัง คิดว่าประเทศนี้มีอาการเจ็บป่วยอย่างหนักหนาเหลือเกิน ความรู้สึกอันไม่ยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหารที่กระทำการอุกอาจเป็นการไม่ยอมรับอำนาจที่มิชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำ “อารยะขัดขืน” ไม่เข้ารายงานตัว ตามคำสั่งเรียกของ คสช.

ซึ่งไม่ผิดไปจากความคาดหมาย จากบทความล่าสุดของ “รุ่งศิลา” ก่อนที่จะมีการทำรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนประชาธิปไตยอันอ่อนแอ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นไปตาม “ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด” ที่คณะของเขามีแผนดำเนินการ “จับกุม, คุมขัง, อุ้มฆ่า, ล่าสังหาร” ต่อฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ทั้งหมด ... รายชื่อ “รุ่งศิลา” จึงเป็นเป้าหมายหนึ่งในนั้น ในฐานะ “ผู้ชี้นำทางความคิด”

รู้สึกได้ถึงภัยการเมืองที่กำลังมุ่งมาถึงตัว เช้าตรู่ของวันที่ 2 มิถุนายน 2557 ผมจึงเดินทางออกจากที่พัก ซึ่งเป็น สนง.ควบคุมงาน อาชีพออกแบบ-รับเหมาก่อสร้างในอำเภอหนึ่งของจังหวัดสงขลา ที่พักอาศัยอยู่กับลูกชายอายุ 16 ปี เพียง 2 คน พ่อ-ลูก โดยจำเป็นต้องทิ้งให้ลูกชายดูแลช่างและคนงานทำงานส่งงวดสุดท้ายให้แก่ผู้ว่าจ้าง (เจ้าของบ้าน) ในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านราคา 8 ล้านบาท ซึ่งยังคงเหลืองานเก็บรายละเอียดและทาสีประมาณ 5%

ในการนี้ก็ได้ขอให้ลูกสาวอีก 2 คน คือ คนโตที่เพิ่งจบการศึกษา และคนกลางที่กำลังศึกษาอยู่ปีที่2 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งรีบบินจากกรุงเทพฯ มาอยู่เป็นเพื่อนน้องชายเพื่อความปลอดภัย โดยคาดการล่วงหน้าว่า “จะต้องมีทหารมาตรวจค้นบ้านพักของผมแน่นอน”

(*ผมไม่มีภรรยา ได้แยกทางกับคุณแม่ของเด็กๆ ตั้งแต่ลูกชายคนเล็กอายุ 2 ขวบ แต่ก็ยังคงติดต่อปรึกษาหารือและช่วยกันส่งเสียดูแลลูกๆ ทั้งสาม โดยที่คุณแม่เขาทำงานอยู่ต่างประเทศ)

ผมตระเวนพักหลบหลีกอยู่หลายที่ หลายจังหวัด แต่มิได้ติดต่อญาติพี่น้องและเพื่อน หรือเข้าพักบ้านคุณแม่ในกทม. คงแต่เพียงติดต่อกับลูกๆ ที่สงขลา โดยใช้สมาร์ทโฟน แอพ’ไลน์(LINE) และแท็บเล็ต(TABLET) เพื่อสั่งงานรายวันกับคนงาน ผ่านทางลูกชายคนเล็กเท่านั้นโดยสลับสับเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือใหม่ และซิมโทรศัพท์ตลอดเวลา ทุก 3 วันทั้งสองฝั่ง

ความมุ่งหวังตั้งใจคือ

1.เพื่อให้สัญญางานก่อสร้างแล้วเสร็จ ตามความพอใจของผู้ว่าจ้าง

2.ต้องการขอสถานะ “ผู้ลี้ภัยทางการเมือง” จาก UNHCR “องค์กรข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ” โดยการประสานติดต่อของมิตรสหายที่ช่วยดำเนินการให้ในต่างประเทศซึ่งตัวของผมเองได้คิดล่วงหน้าไว้เสมอ นับแต่ก้าวย่างเข้ามาเขียนบทความ ทั้งร้อยแก้ว-ร้อยกรอง นำเสนอสู่สาธารณะ


เวลา 10.00 น. เช้าวันที่ 24 มิถุนายน 2557 กำลังตำรวจในเครื่องแบบ 8-10 นายจากส่วนกลางบุกเข้าตรวจค้น ณ สถานที่ก่อสร้างที่อยู่จาก สนง.ที่พักประมาณ 1 กม.โดยแจ้งแก่เจ้าของบ้านและคนงานว่า มาตรวจหาแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ไม่พบการกระทำผิดใดๆ จึงกลับไป

เวลา 15.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบ อาวุธสงครามครบมือกว่า 30 นายพร้อมตำรวจและจนท.นอกเครื่องแบบหน่วยต่างๆ กว่า 10 นาย บุกจู่โจมเข้าตรวจค้นบ้านพักของผม ซึ่งมีเพียงลูกสาว 2 คน, ลูกชายคนเล็ก พร้อมหลานชายอายุ 10 เดือน อยู่ในบ้านเพียง 4 ชีวิต .... ลูกสาวทั้งสองอุ้มหลานทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดกันร้องไห้ มีเพียงลูกชายที่ยังพอควบคุมสติได้ หลังกลุ่มคนทั้งหมดพากันตรวจค้นทุกซอกทุกมุมของบ้านจนเป็นที่พอใจ กลับไม่พบอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น จึงทำการยึดสิ่งของในบ้าน มี CPU คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง, external hard disk 1 TB 3 ชุด, โทรศัพท์มือถือ smartphone 5 เครื่องและโทรศัพท์มือถือธรรมดา 1 เครื่อง

จากนั้นได้ควบคุมตัวลูกๆ ของผม 3 คน และหลานอายุ 10 เดือนเศษจับขึ้นรถทหารแล้วนำพาเข้าไปยังค่ายทหารบกแห่งหนึ่งในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 40 กม.

เวลา 18.30 น. ผมไม่สามารถติดต่อเด็กๆ ได้ จึงสอบถามไปยังเจ้าของบ้าน (ผู้ว่าจ้าง) ได้รับคำตอบว่า “ทหารเข้าค้นบ้านเธอแหลกราญ แล้วจับตัวลูกกับหลานเธอไปหมดแล้ว ไม่รู้เอาตัวไปขังที่ไหน กำลังหากันอยู่”

คำตอบที่ได้รับทำให้ผมมึนงงและเครียดไปชั่วขณะ ทำอะไรไม่ถูกในเวลานั้น คงได้แต่พลุ่งพล่านอยู่ข้างในอย่างสุดแสนทรมานใจ คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะต้องรีบติดต่อขอสถานภาพ “การลี้ภัยทางการเมือง” ทั้งของตัวเอง ครอบครัว (เด็กๆ 4 คน) และการคุ้มครองจาก UNHCR อย่างด่วนที่สุด
 

จบตอนที่ 1

 

หมายเหตุ  ‘รุ่งศิลา’ เป็นนามแฝงของชายวัยราว 50 ปี ชื่อ สิรภพ มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง เขาโด่งดังในโลกอินเตอร์เน็ตเพราะงานเขียนด้านกาพย์กลอนการเมือง และบทความเกี่ยวกับการทหาร หลังรัฐประหารปรากฏชื่อเขาในคำสั่งเรียกรายงานตัว และต่อมาเขาถูกทหารจับกุมตัว จ.กาฬสินธุ์ในวันที่ 25 มิถุนายน 2557 และนำตัวไปคุมขังไว้ในค่ายทหาร 7 วัน จากนั้นจึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาจนปัจจุบัน