Shot - Shot Story ใช่ - เงินมิใช่อุดมคติ โดย 'รงค์ วงษ์สวรรค์

14 January, 2010 - 11:38 -- thanorm





 

มาดามสนิทใจมีความสุขมาก เมื่อวันที่พ้องกลับจากทำงานพร้อมด้วยข่าวดี

คณะกรรมการบริษัทเห็นต้องกัน เลือกบทละครเรื่องยาวของผม” เขาบอกหล่อน “เห็นไหมหนิท นี่เช็คเงินสดห้าพันบาท ค่าล่วงหน้ายี่สิบห้าเปอร์เซ็น”
พ้องชูแผ่นกระดาษที่มีความหมายนั้นขึ้นให้หล่อนดู กวัดแกว่งมันอย่างร่าเริง และส่งให้เมีย

ดิฉันดีใจด้วยค่ะ เงินจำนวนนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเรามากทีเดียว”
นั่นแล้วแต่หนิทจะจัดการอย่างไร”
\<\/--break--\>
พ้องโอบกอดหล่อน มองหล่อนด้วยนัยน์ตาแสดงความรักเต็มเปี่ยม เขาวางใจในหล่อนทุกอย่าง และไม่มีความปรารถนาอื่นใด มากกว่าให้หล่อนได้มีความสุข แล้วพูดขึ้นอีก

ไม่เกินเดือนนี้ เราจะได้เงินส่วนที่เหลือทั้งหมด พรุ่งนี้ผมจะลงมือเขียนละครเรื่องใหม่...”

พ้องรู้สึกเหมือนผัวทุกคนที่การเงินฝืดเคือง เขาทั้งเกรงใจและขอบใจที่หล่อนทนอยู่ในภาวะเหล่านั้นตลอดมาโดยไม่ปริปากบ่น ชื่อเสียงที่มีไม่มากนักกับอาชีพเขียนบทละครโทรทัศน์ไม่ทำเงินให้มากเท่าที่ควรจะได้ เวลาที่สิ้นเปลืองไปกับการคร่ำเคร่งอยู่กับโต๊ะเขียนหนังสือ ดูจะได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่านัก แต่พ้องก็ตั้งใจว่าเขาจะหาความสำเร็จในอาชีพนี้ให้ได้ และมาดามสนิทใจสนับสนุนเสมอ หล่อนไม่ทะเยอทะยานที่จะมีเครื่องเพชร หรือความฟุ้งเฟ้ออื่น เกินกว่าที่เขาพึงจะให้ได้ เลยอดทนอยู่ด้วยกันอย่างสงบและสุขุม

สามสี่วันมาแล้ว
ที่บ้านกาแฟหมด เหลือชาจีนอยู่บ้างเล็กน้อย สำหรับเป็นอาหารมื้อเช้า แต่มาดามสนิทใจก็ไม่เฝ้าบ่นจนน่ารำคาญ หล่อนรอว่าแล้ววันหนึ่งจะมี...

ตอนค่ำหลังจากกินข้าว (ข้าวผัดกากหมูกับไข่เจียว)
หล่อนบอกว่า “พรุ่งนี้ดิฉันจะไปจ่ายตลาด ซื้อมาให้หมดทุกอย่าง กาแฟ ไส้กรอก แยม เนื้อดีๆ สักกิโลด้วย อยากจะแกงเขียวหวานเนื้อที่คุณชอบ
...”
เสียงเหล่านี้ไพเราะเหมือนเสียงดนตรี หล่อนพูดต่อไปอีกว่า จะซื้อเครื่องกินเครื่องใช้ต่างๆมาเก็บตุนไว้ให้พอใช้นานๆ เป็นความรอบคอบอย่างหนึ่งของหล่อนทุกครั้งที่พ้องได้เงินมา มาดามสนิทใจมีความสุข ถ้าหล่อนได้ชงกาแฟให้เขาในตอนเช้า ทำข้าวผัดแบบแปลกๆให้เขาในตอนกลางวัน พ้องชอบกินข้าวผัด และบางครั้งเขาออกแบบข้าวผัดได้ประหลาดน่ากิน และมื้อเย็นเขาชอบกับแกล้มเหล้าที่รสไม่เผ็ดจัดนักระหว่างดื่ม พลางพูดคุยถึงเค้าโครงละครที่จะเขียนขึ้นใหม่ให้หล่อนฟัง หรือถามความคิดเห็นบ้าง

 

อย่าลืมเหลือเป็นค่าซ่อมพิมพ์ดีดให้ผมด้วยล่ะ?” เขาบอกยิ้มๆ
นั่นเป็นสิ่งแรกที่ดิฉันจะทำ” หล่อนบอกเขา

 

พ้องหลับตา อยากจะขับไล่ภาพที่เดินกลับบ้านมือเปล่าทุกเย็นมาเกือบสองเดือน ดูมันแห้งแล้งและขาดชีวิต เงินไม่ใช่อุดมคติ แต่มันก็คือความจำเป็นที่ร้ายกาจชนิดหนึ่ง เขาบอกตัวเองและลืมตาขึ้น มองเห็นความแจ่มใสในบ้าน.


หมายเหตุ ; เนื่องในห้วงวาระแห่งงานมกรา อำลาอาลัย ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 - 30 มกราคม 2553 ดังรายละเอียดที่ผมเขียนเอาไว้ในพฤหัสบดีที่แล้ว

นอกเหนือจากงานที่จัดกันอย่างใหญ่โต
โดยส่วนตัวผม ผมขอใช้หน้าคอลัมน์นี้ในเดือนนี้ ทุกวันพฤหัสที่เหลืออยู่ในเดือนนี้เป็นพื้นที่รำลึกถึง ’รงค์ วงษ์สวรรค์ นักเขียนที่เป็นฮีโร่ของผมและใครต่อใครอีกมากมายหลายคน และหลายรุ่น อีกพื้นที่หนึ่ง เพื่อรำลึกถึง ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่จากเราไปเหมือน เชน คาวบอยตะวันตก เก็บปืนใส่ซอง สวมหมวกปีกกว้าง ขี่ม้าหายลับไปกับเส้นขอบฟ้าในยามค่ำ หลังจากปราบเสี้ยนหนามของแผ่นดินให้แก่ผู้คนที่รักความเป็นธรรมเรียบร้อยแล้ว โดยไม่นำพาต่อเสียงตะโกนเรียกที่ดังกึกก้องไปทั้งท้องทุ่งและหุบเขาของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่เฝ้ามองดูความสง่างามของเขา ความกล้าหาญของเขา และฝีมือการชกต่อยและยิงปืนอันยอดเยี่ยมของเขา ที่เป่าพวกเหล่าร้ายจนด่าวดิ้นสิ้นซาก เยี่ยงวีรบุรุษ ตั้งแต่วันแรกที่เชนขี่ม้าเข้ามาพักพิงอยู่ในครอบครัวของเขา และจากไป ด้วยรักและชื่นชมคาวบอยคนนี้อย่างท่วมท้นว่า

เชน คัมแบค”
แต่เชนก็หาได้ยอมหันหลังไม่ เพราะคนอย่างเชนรู้ดีว่า เมื่อสิ้นสุดภาระหน้าที่ของเขาแล้ว เขาจะต้องขี่ม้าจากไป เพื่อให้ภาพที่งดงามของเขาคงอยู่ในความทรงจำของเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งและดีงาม ตราบชั่วนิรันดร์

โดยนำงานเขียนและเรื่องราวของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ มาลง นอกเหนือจากข่าวงานรำลึกถึงเขาในพฤหัสแรกของเดือนที่ผ่านมา

และนี่เป็นเรื่องสั้นๆเรื่องหนึ่งของเขา ที่ผมเลือกมาจากรวมเล่มเล็กๆของเขาที่ชื่อว่า “หนามดอกไม้” ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดยสำนักพิมพ์สายคำ ธันวาคม 2530 เรื่องสั้นๆเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ประทับใจผมมาก โดยเฉพาะตอนจบที่เขาสรุปให้เห็นความเป็นจริงของชีวิตที่ว่า “เงินมิใช่อุดมคติ แต่มันคือความจำเป็นอย่างร้ายกาจชนิดหนึ่ง”

ใช่
มันยังเป็นความจริงของชีวิตที่ทันสมัยและเจ็บปวดอยู่เสมอ วันหนึ่ง ถ้าเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า แล้วพบตัวเองขาด เงิน เงิน เงิน สิ่งสมมุติ ซึ่งเดิมที...มนุษย์สร้างคุณค่ามันขึ้นมา เพื่อเป็นตัวแทนคุณค่าที่แท้จริงในการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเท่านั้น แต่ต่อมามันได้กลายค่ามามีอำนาจเหนือมนุษย์ ครอบงำมนุษย์ และเป็นนายของมนุษย์ยิ่งกว่าสิ่งใดๆในโลก

โดยเฉพาะกับคนอย่างเราๆท่านๆที่ต้องอยู่ในสังคมที่ต้องใช้เงินซื้อทุกอย่างที่เป็นความจำเป็น และไม่จำเป็นสำหรับชีวิต พวกเราล้วนแล้วแต่ต้องตกเป็นทาสของอำนาจเงิน (และยอมรับมัน...จนเป็นปกติเรื่องธรรมดา) ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะรักมันยิ่งกว่าชีวิต หรือว่าเกลียดมันยิ่งกว่าแมลงสาบ แต่เราก็ขาดมันเหมือนเราขาดลมหายใจไม่ได้ มิหนำซ้ำมันยังบีบบังคับให้เราต้องหามันมาใช้ให้จงได้ ถ้าหากเราขาดมัน

บัดซบ!
โลกที่โหดร้ายนี้
(
แน่นอน คือโลกที่เรายังเสือกมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่โลกหน้า ที่เราเบื่อจะเชื่อ...และฝันถึง)
ไม่มีอำนาจใดๆทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นในโลกนี้อีกแล้ว
ที่เลวร้ายที่สุดในโลก
(ในยามที่เราขาดมัน)
และดีงามสุดในโลก
(ในยามที่เรามีมัน)
มีอำนาจเหนือเราเท่ากับอำนาจของ เงิน เงิน เงิน
เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน เงิน
...

ใช่
ความจริงบัดซบนี้ของชีวิต
ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ “พ่อมดแห่งภาษากวีมาดวิไลจากบ้านสวนทูนอิน”
HA HA HA.

13 มกราคม 2533
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

ปล. ท่านที่ต้องการหนังสือ สวนนักเขียน ’รงค์ วงษ์ สวรรค์ เขียนโดย แพร จารุ และ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว สั่งจองได้ที่นี่ หรือที่ chaiwongkal@mail.com ราคา 130 บาท ไม่คิดค่าส่ง
ขอบคุณครับ
.

 

 

 

ความเห็น

Submitted by น้ำลัด on

เงินมันไม่เคยมีความเป็นธรรมกับผู้ใด
บางคนทำแทบตายได้เงินเพียงน้อยนิด หรือไม่ได้เลย
บางคนไม่ต้องทำอะไร เงินมันก็วิ่งเข้าหา เงินมันดูดเงิน

บางครั้งเงินมันนำพามาซึ่งเหตุร้ายถูกช่วงชิง
บางครั้งเงินมันนำพามาซึ่งเหตุดีมีผู้คนต้อนรับ
บางครั้งเงินไหลเชี่ยวยิ่งกว่าลำน้ำสายใด
บางครั้งเงินทำให้คนตายมากมายก่ายกอง
บางครั้งเงินทำให้ผู้คนแซ่ซ้องสรรเสริญ
บางครั้งเงินทำให้ผู้คนด่ากันว่าเห็นแก่เงิน

บางคนอาจจะปฏิเสธเงิน
แต่เราไม่อาจปฏิเสธอำนาจแห่งเงิน

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

ประโยคที่ว่า เพื่อให้ภาำพที่งดงามที่สุด ให้ห้วงเวลา

ช่วยตัดคำว่า ให้ห้วงเวลาออกครับ

อยู่ในย่อหน้าที่สิบ

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

น้ำลัด ขอบคุณ คุณนำ้ลัด ขอบคุณที่ช่วยนิยามอำนาจเงินเพิ่มเติมอย่างละเอียดลออ เสียดายที่ผมใ้นเน็ทในร้านกาแฟ ไม่มีหนังสืออยู่ใกล้มือ จึงไม่สามารถ เอาเรื่องเงินในทัศนะที่ทรงพลังของมาร์กซ์มามาให้คุณอ่าน เขาพูดประมาณว่าอำนาจเงินนั้น สามารถทำให้คนที่ขี้ริ้วขี้เหร่เป็นคนที่งดงาม คนที่สารเลวเป็นคนดีได้ นั่นแหละครับ ขอบคุณ

Submitted by น้ำลัด on

อาจจะรู้สึกว่าอำนาจเงินมันลดลงบ้าง
ถ้าฟังเพลง "บ้านบนดอย" ของ "จรัล มโนเพชร"

แต่ดอยเดี๋ยวนี้มันก็เกลื่อนไปด้วยจานดาวเทียม

Submitted by Basenji on

The Power of Money....

That which is for me through the medium of money – that for which I can pay (i.e., which money can buy) – that am I myself, the possessor of the money. The extent of the power of money is the extent of my power. Money’s properties are my – the possessor’s – properties and essential powers. Thus, what I am and am capable of is by no means determined by my individuality. I am ugly, but I can buy for myself the most beautiful of women. Therefore I am not ugly, for the effect of ugliness – its deterrent power – is nullified by money. I, according to my individual characteristics, am lame, but money furnishes me with twenty-four feet. Therefore I am not lame. I am bad, dishonest, unscrupulous, stupid; but money is honoured, and hence its possessor. Money is the supreme good, therefore its possessor is good. Money, besides, saves me the trouble of being dishonest...

(http://www.marxists.org/archive/marx/works/1844/m

Submitted by น้ำลัด on

เมื่อเรามองไปที่ลำน้ำ เราเห็นสายน้ำไหล
เรามองเห็นว่าน้ำนั้นมีสีใด ขุ่นหรือใส
ไม่ยากนักที่จะรู้ว่าปลายทางของน้ำนั้นอยู่ที่ใด
และก็ไม่ยากนักที่จะรู้ว่าต้นน้ำนั้นอยู่ที่ใด

แต่การไหลของเงินนั้นยากยิ่งที่จะตรวจสอบ
เงินมันอาจจะปกปิดและแปรเปลี่ยนเส้นทางตามต้องการ
ใครจะตรวจสอบได้ไหม ? เงินรายได้จากหวยใต้ดินไหลไปที่ใด ?
ใครจะตรวจสอบได้ไหม ? เงินรายได้จากส่วนต่างราคาล็อตเตอรี่
จากราคา80 กลายเป็น 110-120 มันไหลไปที่ใด ?

มันมากมายแค่ไหน ?
มันจะสามารถปกปิดปลายทางของมันไปได้นานแค่ไหน ?

มันเชี่ยวแค่ไหน ?
ใครขวางทางมันก็คงถูกมันพัดทำลายไม่ว่าหน้าไหน
มันสยบได้แม้แต่วิธีการจำหน่าย
มันต้องถูกจำหน่ายในแนวทางของมันเท่านั้น

นี่แหละของจริง..."Power of Money" (in Thailand)

Submitted by อ้ายคำ on

เราต้องการน้ำ!! เราไม่ต้องการเงิน!!!

เสียงตะโกน ล่าสุดของผู้เหลือรอด ยามมัจจุราชคร่าชีวิตเรือนแสน จาก แผ่นดินไหว เฮติ

ได้ยินบ้างหรือไม่ ท่านผู้มั่งมี

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

น้ำลัด จริงของคุณ ถึงแม้ดงดอยยังไม่สาบสูญแต่ก็ถูกรุกรานทางวัฒนธรรม ที่เงินคือพระเจ้าไปทุกหย่อมหญ้าเสียแล้ว

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

Basenji ขอบคุณอย่างสุดซึ้งครับ สำหรับ the powor of money จากมาร์กซ์

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

อ้ายคำ ได้ยินและตกใจมากครับ เพราะไม่นึกว่าโลกจะเกิดโศกนาฏกรรมกับมนุษย์ น่าสพรึงกลัวถึงขนาดนี้ แต่ก็ดีใจและตื้นตันใจที่นาๆประเทศต่างพากันหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือ

Submitted by เดินไปตามสายลม on

คิดถึงเตาอังโล คิดถึงถ่านก้อนสีดำๆ กับไม้ขีดไฟสารพัดยี่ห้อเจ้า
คิดถึงชีวิตสมัยบรรพกาลโตย อ้ายถนอม อดีต อันสงบ มีไร่นาสาโท
แต่มันก่ะยังมิวาย มีคำว่า เงินผูกติดเนาะ แม้จะเป็นแค่คำว่า สตางค์
แต่มันบะจำเป็นมากมายแบบสังคมยุคนี้เลย

“เงินมิใช่อุดมคติ แต่มันคือความจำเป็นอย่างร้ายกาจชนิดหนึ่ง”

โดนใจ มากมาย

Submitted by แมงก๋ำปุ๊งคำ...... on

ส่วนผม...เรื่อง " เงิน " เป็นเรื่องเล็ก...สำหรับผม
แต่...ถ้าวันนี้...เรื่องเล็กๆ ยังทำไม่ได้...ก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องใหญ่ๆ...เน๊าะ/ฮ่ะๆๆๆๆ

แมงก๋ำปุ๊งคำ...ลุ่มน้ำแม่ระมิงค์/

Submitted by น้ำลัด on

พักนี้ไม่เห็นอ้ายแสงดาว...ไม่รู้ว่าสุขภาพของโน้ตบุ๊คท่านเป๋นจะได ?
อาการดีขึ้นหรือยัง ? ออกจากคลีนิคคอมฯหรือยัง ? หรือว่าฌาปณกิจไปแล้ว ?

ส่วนสุขภาพของอ้ายแสงดาวนั้นคงไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก
ท่านบำรุงด้วยน้ำสกัดจากพืชพิเศษของพระแม่โพสพอยู่อย่างสม่ำเสมอ

กำลังคิดอยู่ว่า สมมุติถ้าล้านนาเป็น "รัฐอิสระ" มีอ้ายแสงดาวเป็นประธานาธิบดี
คำศัพท์ต่างๆที่ใช้ในการปกครองต้องเปลี่ยนไป ให้ถูกต้องตามระบอบการปกครอง
ไม่ใช่การใช้ศัพท์แบบบิดเบือนทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด เหมือนบางประเทศ

"ราษฎร" "พลเมือง" "ประชาชน" คงไว้เหมือนเดิม คือสมาชิกของรัฐ
"รัฐบาล" คงไว้เหมือนเดิม คือผู้บริหารปกครองรัฐ
"ราชการ" ต้องเปลี่ยนเป็น "รัฐการ" หรือ "รัฐกิจ" แปลว่า กิจของรัฐ
"ข้าราชการ" ต้องเปลี่ยนเป็น "เจ้าหน้าที่รัฐ", "พนักงานรัฐ" หรือ "รัฐกร"
มีหน้าที่กระทำการ ตามนโยบายของรัฐบาล
ไม่ใช่กระทำการตามใครก็ไม่รู้ แถมยังมองไม่เห็น
แล้วอีกอย่างรัฐเราจะไม่มี "ขี้ข้า" เราจึงไม่ใช้คำว่า "ข้ารัฐการ"

นี่เป็นตัวอย่างเจตน์จำนง ของท่านประธานาธิบดีอ้ายแสงดาวแห่งรัฐล้านนา

Submitted by มิ้ม on

แวะมาเยี่ยมจ้าอ้ายหนอม .. แต่ บ่อมีความคิดเห็นใดๆ ในเรื่อง เงินๆ ทองๆ ฮิ ฮิ ..อ่านอย่างเดียวก็ปอแย้วววววว ฮิ ฮิ ..ฮักษาสุขภาพโตยจ้าอ้าย

Submitted by แสงเดือน on

เมื่อสมัยเราเป็นเด็กๆ วันๆหนึ่งเราแทบจะไม่ได้จับเงินแต่เราก็มีความสุขดี เราเล่นกับธรรมชาติรอบตัว ทำของเล่นเอง หาของกินเล่นที่อยู่รอบๆตัว (ผลไม้) ฤดูน้ำ (ก่อนการสร้างเขื่อนใหญ่) เราจะมีความสุขมาก ปลามีให้จับกินมากเหลือเกิน เล่นน้ำพายเรือทั้งวัน นั้นคือความสุขของผมเมื่อยามเด็ก เป็นความสุขที่ไม่ต้องใช้เงิน เป็นความสุขกับธรรมชาติก่อนที่เราจะถูกครอบงำให้เป็นส่วนหนึ่งของมหาอำนาจที่ใช้เงินครอบครองโลกแล้วบังคับให้เราบูชาเงิน ขอบคุณครับอ้ายถนอม.

Submitted by แสงดาว ศรัทธ... on

ขอใช้พื้นที่นี้ตอบ อ้ายน้ำลัด.... note book ของอ้ายบ่ได้พยศดอกคับ(แต่เจ้าของมันพยศ มากกว่า ... Ha H a )

ถ้าล้านนาเป็นอิสระจากกรุงรัตนโกสินทร์ (หรือศรีวิชัย ,อิสาน ฯลฯ เป็นอิสระ) บ่ต้องมีใครมาปกครองเป็นประธานาธิบ่ดีดอก คับ นี่พูดจริงๆ ... ประชาชน ชุมชนเราจะปกครองตนเอง แต่อาจจะเลือกตั้งใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ประสานงาน โอ๊ย อ้ายบ่อเอาดอก คับ ประธานาธิบ่ดีแบบนั้น อ้ายขอเป็นประชาชนชาวบ้านธรรมดาดีฝ่า (อ้ายอาจจะเสนอ อ้าย น้ำลัด เป็นก็ได้ ... ha ha ) อยู่กินกะธรรมชาติ แค่นั้นเอง แต่อย่าให้ใครมารุกรานวิถีชัวิตของเรา ของประชาชน ของชุมชน ฯลฯ ขอบคุณที่คิดเติงหา ... ไม่มีน้ำลัด, คนชอบตาก, คนชอบฝาก หรือ Homo electus ฯลฯ ... blog ประชาไทก้อจักง่วงเหงาหาวนอนมากมาก สวัสดี เจ๊า.... อ้อ วันนี้อ้ายจักส่งต้นฉบับไปให้กอง บก. แย้ว