Skip to main content

ผมเข้าใจว่า
กระแสความขัดแย้งกันในเรื่องมาตรา 112 ที่ถูกจุดประเด็นขึ้นอย่างเข้มข้นตั้งแต่คดี “อากง” ที่ถูกจับดำเนินคดี และผ่านมาจนถึง “ก้านธูป” ที่กลายเป็นแม่มดที่ถูกตามล่าอย่างไม่น่าเชื่อว่าเธอจะโดนจนแทบไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ระหว่างฝ่ายที่ต้องการแก้ไขมาตรานี้ โดยมีคณะนิติราษฎร์เป็นหัวหอก ร่วมกับ ครก.112 ที่เข้ามาสนับสนุน และขัดแย้งกับเครือข่ายอาสาปกป้องแผ่นดิน หรือกลุ่มเสื้อคนหลากสีที่มี นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เป็นแกนนำในการปกป้องกฎหมายนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย คงจะเป็นกระแสที่ดำเนินไปอย่างยืดยาว และยากที่จะคาดหมายว่าจะยุติลงในรูปใด

ยิ่งทางฝ่ายคุณหมอตุลย์ออกมาพูดกันว่า “โทษเพียงแค่นี้ยังน้อยไป” สำหรับคนที่หมิ่นสถาบันฯ ก็ยิ่งกระพือความขัดแย้งให้รุนแรงมากขึ้นจากฝ่ายที่คัดค้านต่อต้าน

เพียงแค่ความขัดแย้งกันเรื่อง 112 ก็เหลือที่จะเพียงพอแล้ว แต่คุณหมอ...ยังไม่ยอมหยุดยั้งเพียงแค่นั้น มาคราวนี้คุณหมอยังลากเอาเรื่องมติครม.จ่ายเงินแก่ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมขึ้นมาเป็นเรื่องขัดแย้งกันอีกเรื่องหนึ่ง - มาเป็นข่าวดังนี้

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2555 คุณหมอตุลย์และกลุ่มผู้สนับสนุน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายสมภาส นิลพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เพื่อคัดค้านการจ่ายเงินให้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2547 - 2553 โดยผู้เสียชีวิตจะได้เงิน 7 ล้านบาท รวมต้องใช้งบประมาณ 2 พันล้านบาท

โดยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ว่า
“ทางเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการนำภาษีของประชาชนไปจ่ายให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาเรียกร้องชุมนุมให้รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรียุบสภา เพื่อให้พรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่การชุมนุมทางประชาธิปไตย อีกทั้งยังมีการเผาบ้านเผาเมือง สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้คดีก่อการ้ายก็ยังอยู่ในขั้นอัยการ ซึ่งคณะรับมนตรีต้องรอกระบวนการขั้นตอนของศาลว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และการเบิกจ่ายเงินชดเชยนั้น จำเป็นต้องมีกฎหมายมารองรับหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่ยุติมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทางเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน จะดำเนินการฟ้องต่อศาลต่อไป

อนึ่ง นพ.ตุลย์ ได้โพสต์ลงเฟชบุ๊คเมื่อเวลา 10.30 น. ด้วยว่า
“รวมพลังกดดัน ครม. ให้ยกเลิกมติอปยศจ่ายเงินให้เสื้อแดงอย่างผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายรองรับ ใครร่วมกดดันรัฐบาลช่วยกันเผยแพร่ด้วย Like กด Share”

อย่างไรก็ตาม
มีผู้สนับสนุนคนเสื้อแดงเดินทางมาคัดค้านการยื่นหนังสือของ นพ.ตุลย์ ด้วย โดยในช่วงที่กลุ่มของ นพ.ตุลย์ ใกล้เลิกชุมนุม ผู้สนับสนุนคนเสื้อแดงได้ประท้วงเชิงสัญลักษณ์บริเวณประตู 4 มีการเดินสลับการหมอบกราบกลุ่มของ นพ.ตุลย์ เป็นระยะทาประมาณ 100 เมตร พร้อมชูป้าย

“ไม่อยากให้จ่ายเยียวยา แล้วยุให้ ‘ฆ่า’ กันทำไม”
“ไม่มีใครสมควรตายเพราะคิดต่างทางการเมือง”

จากนั้น มีการล้มตัวลงนอนราบลงกับพื้น เพื่อแสดงคัดค้านการยื่นหนังสือของกลุ่ม นพ.ตุลย์ ดังกล่าว ทั้งนี้ไม่มีการกระทบกระทั่งเกิดขึ้น มีเพียงการตะโกนจากกลุ่มผู้สนับสนุน นพ.ตุลย์ เช่น

“น่าอนาถ”
“น่าสมเพช”
“พวกเผาบ้านเผาเมือง”
ฯลฯ
โดยใช้เวลาไม่นานทั้งสองฝ่ายจึงยุติการชุมนุม.

ครับ ผมพอจะเข้าใจที่คุณหมอตุลย์และผู้สนับสนุนลุกขึ้นมาปกป้องกฎหมายหมิ่นสถาบัน ฯ 112 แต่ไม่เข้าใจวาทกรรมที่ซ้ำเติมผู้ที่โดนในเรื่องนี้ว่า “โทษเพียงแค่นี้ยังน้อยไป” รวมทั้งวาทกรรมจากการลุกขึ้นมาขัดขวางมติเยียวยาผู้ตายจากการสลายการชุมนุมที่ว่า

“คนเสื้อแดงชุมนุมกดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ยุบสภาเพื่อให้พรรคเพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจ”
(ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทยเขามาจากการเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เองมั่นใจเกินร้อย ว่าตนเองจะต้องนอนเข้าสภาฯ เสียด้วย)
“คนเสื้อแดงชุมนุมไม่ถูกต้องตามทางของประชาธิปไตย”
“คนเสื้อแดงเป็นคนเผาบ้านเผาเมือง”
ฯลฯ

ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวาทะกรรมที่ยั่วยุฝ่ายตรงกันข้ามให้เกิดความโกรธแค้น คลับคล้ายคลับคลาเหมือนอย่างว่า พวกคุณหมอตุลย์ต้องการก่อให้เกิดความรุนแรงอะไรสักอย่างขึ้นมาอีก เพื่ออะไรก็ไม่รู้

แต่ถึงอย่างไรในห้วงเวลานี้
เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่งที่ผมไม่เคยมอง ผมกลับนึกขอบคุณที่มีคนแบบคุณหมอตุลย์ลุกขึ้นมาปกป้องทั้งมาตรา 112 และคัดค้านมติการเยียวยาผู้ชุมนุมแบบหัวชนฝา แบบไม่ยอมประนีประนอมกับใครหน้าไหนในโลกนี้ทั้งสิ้น

เพราะถ้าหากไม่มีคนแบบคุณหมอตุลย์ ปรากฏตัวออกมาเป็นคู่ขัดแย้งดังกล่าว คณะนิติราษฎร์ อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และกลุ่มครก.112 คงไม่มีโอกาสได้ออกมาแสดงพลังของตนเองให้สาธารณชนได้รู้จักในวงกว้าง และเติบโตมาเป็นพลังทางสังคมที่เข้มเข้มแข็งในทางความคิด เหตุผล ข้อเท็จจริง และหลักการ ที่ยากจะมีใครมาหักล้างได้ ดังที่เห็นๆกันอย่างนี้หรอก โดยเฉพาะคณะนิติราษฎร์ที่คนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าเขายอมรับกัน

อ้าว หลังจากหมอตุลย์ออกมาพูดได้วันสองวัน วันที่ 20 มกราคม 2555 คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ออกมาประกาศทาง ASTV เชิญชวนให้ทหารลากปืนออกมาทำการปฏิวัติและพร้อมที่จะร่วมมือว่า

“...มีแต่พลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะคุ้มจุนประเทศชาติ ทหารอย่านิ่งเฉยรีบออกมาปฏิวัติเสีย แล้วพันธมิตรทั่วประเทศจะออกมาช่วยทหาร ยึดประเทศไทยคืนมาจากไอ้พวกชั่วๆ ก็เท่านี้แหละครับพี่น้อง” (โธ่เอ๋ย...ผีห่าซาตานตนใด มาดลใจให้คุณสนธิ ที่ผมเคยรักและเคารพมาคิดสั้นแกล้งโง่ พูดทำลายตนเองได้ถึงขนาดนี้ โอ้ มายก๊อด)

อ้าว ยังไม่ทันหายตกใจจากคุณสนธิ ก็ปรากฏว่า คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวเครือเนชั่น ก็ได้โพสต์ลงเฟชบุ๊ค “kanok Ratwongsakul” เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2555 โดยวิจารณ์กลุ่มที่สนับสนุนการแก้ไขแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา 112 ว่า

“...ทุก 10 นาที จะมีคนโพสต์ต่อต้านกลุ่มที่จะขอแก้มาตรา 112 ลงที่เฟชบุ๊คนี้ ผมก็อ่านมาตลอด บางคนลงรูปอาจารย์นิติฯ ธรรมศาสตร์ ที่เป็นหัวหอกแก้มาตรานี้ ซึ่งผมจะลบออกทุกครั้ง เพราะไม่อยากเห็นหน้าพวกนี้บนเฟชบุ๊คผม ถ้าพวกนี้อายุ 30 - 40 กว่าปี ตามที่เสธ.หนั่นไล่ให้ไปอ่านประวัติศาสตร์ ผมสงสัยว่าพ่อแม่เขายังอยู่หรือเปล่า รุ่นพ่อรุ่นแม่เขาน่าจะได้เห็น “ในหลวง” ทรงงานมาตลอด ถ้าลูกไม่ใส่ใจความเป็นกษัตริย์นักพัฒนา มัวแต่ดื้อด้านกฎหมายท่าเดียว แล้วพ่อแม่พวกนี้ทำอะไรอยู่...ไม่ห้ามปรามเลยหรือ หรือวายชนม์ไปหมดแล้ว ผมขอโทษนะครับ อย่าหาว่าผมกล่าวล่วง แต่อยากถามคนกลุ่มนี้จริงๆว่า พ่อแม่คุณอบรมสั่งสอนหรือเปล่า”

ครับ นอกจากเราควรจะขอบคุณคุณหมอตุลย์ เหมือนอย่างที่ผมนึกขอบคุณแล้ว ผมว่าเราควรจะขอบคุณ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เชิญชวนทหารให้ออกมาทำการปฏิวัติ และขอบคุณ คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ที่ตั้งคำถามต่อกลุ่มผู้ที่สนับสนุนการแก้ประมวลกฎหมายอาญาฯ 112 ว่า

“อยากถามคนกลุ่มนี้จริงๆว่า พ่อแม่คุณอบรมสั่งสอนหรือเปล่า”

เพราะผมมองว่าทั้ง 3 ท่านนี้เป็นผู้ที่มาเปิดช่องทางให้แก่พลังทางสังคมที่เต็มไปด้วยคุณภาพของคณะนิติราษฎร์และกลุ่มผู้สนับสนุน ได้ออกมาแสดงพลังดังกล่าวได้กว้างขวางยิ่งขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น และทำให้เราได้พิจารณาเปรียบเทียบ “ปริมาณและคุณภาพของอุดมการณ์” ของทั้งสองฝ่าย ว่าใครดีกว่าใคร และเราควรจะเชื่อถือใครดี ระหว่างคณะนิติราษฎร์ และกลุ่มคนเสื้อหลากสี กลุ่มคนเสื้อเหลือง ซึ่งไม่ว่าจะพูดอะไร ในที่สุดก็จะสรุปซ้ำๆซากๆแบบนกแก้วนกขุนทองในเชิงกล่าวหาเขาได้เพียง Concept เดียวว่า

“พวกนี้เป็นพวกคิดจะล้มล้างสถาบันฯ” “พวกนี้เป็นพวกคิดจะล้มล้างสถาบันฯ”
“พวกนี้เป็นพวกคิดจะล้มล้างสถาบันฯ” “พวกนี้เป็นพวกคิดจะล้มล้างสถาบันฯ” ฯลฯ

ครับ
ระหว่างวาทกรรมที่เต็มไปพลังทางความคิด เหตุผล ข้อเท็จจริง และหลักการ และวาทกรรมที่อ้างเอาความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาผูกขาดเป็นของตัวเอง - ปกป้องตัวเอง และถือเป็นความชอบธรรมในโต้แย้ง ดุด่า คุกคาม ข่มขู่ และกล่าวหาคนที่เขาคิดต่างว่า “เป็นพวกที่คิดจะ ล้มล้างสถาบันฯ” เป็นคนที่ควรกวาดล้างออกไปจากผืนแผ่นดินไทยให้หมดสิ้น ใครเจ๋งกว่าใคร ใครหน่อมแน้มกว่าใคร (ฮา) ขอเชิญชวนวิญญูชนและท่านผู้เจริญแล้วเลือกพิจารณาและเชื่อถือได้ตามใจชอบ ครับผม.

18 - 28 มกราคม 2555 กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อรักจะเล่นกันในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชนจากผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะออก เหลือง หรือออก แดง ก็ตาม การเลือกตั้งในยุโรปหลายประเทศ ก็มีตัวอย่างมาแล้ว เมื่อประชาชนเบื่อ “ทุนนิยม” ขึ้นมา ก็หันไปเลือก “พรรคสังคมนิยม” เป็นรัฐบาลแทน เปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจจากหน้ามือเป็นหลังมือ พออยู่แบบ “สังคมนิยม” ไปสักพักเกิดเบื่อ “สังคมนิยม” ขึ้นมา ก็กลับไปเลือก “พรรคทุนนิยม”ขึ้นมาใหม่  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยุทธวิธีการหาเสียง แบบใช้ความสุภาพอ่อนโยน ไม่ขุดคุ้ยโจมตีคู่ต่อสู้ ของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้กระทั่งกรณีการประกาศเข้าไปปราศรัยหาเสียงที่สี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย. ของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านจากผู้ใด โดยคุณอภิสิทธิ์อ้างว่าทุกคนมีสิทธิ ไม่มีใครผูกขาด และคุณสุเทพช่วยเสริมว่า “ถ้าสิ่งที่พวกผมทำนั้นไม่ถูกต้อง ประชาชนก็ตัดสินเอง...” ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจคุณอภิสิทธิ์ที่ออกไปหาเสียงต่างจังหวัดที่ไหน ก็มักถูกคนเสื้อแดงชูป้ายต่อต้าน หรือเข้าไปประชิดตัวตั้งคำถามที่คุณอภิสิทธิ์ยากที่จะตอบได้...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      "ภาพประกอบจากมติชนออนไลน์" ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า การเลือก คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคุณทักษิณ เข้ามาเป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย และมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแห่งประเทศไทย ถ้าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ทั้งโพลและสื่อการเมืองที่น่าเชื่อถือได้ ต่างก็ออกมาชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยนำหน้าพรรคประชาธิปัตย์คู่แข่งอย่างท่วมท้น และแทบจะฟันธงได้เลยว่า ชัยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ผมได้รับหนังสือ “มหัศจรรย์ดอกไม้กินได้” เป็นอภินันทนาการจาก อันยา โพธิวัฒน์ เจ้าของร้าน สายหมอกกับดอกไม้ อดีตคนข้างเคียง จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา หลังจากที่คุณอันยาได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคุณจรัลในเชิงบันทึกจากมุมมองของเธอเอาไว้ 2 เล่ม คือ รักและคิดถึง จรัล มโนเพ็ชร และ ตามรอยฝัน...จรัล มโนเพ็ชร ในช่วงตอนแรกๆที่คุณจรัลได้จากไปเมื่อหลายปีก่อน และเป็นหนังสือที่อยู่ในอันดับขายดี  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  สถาปนิกผู้หนึ่ง ทำงานอยู่บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งมานานหลายปี ตลอดชีวิตการทำงานของเขาได้ออกแบบและสร้างสิ่งก่อสร้างให้บริษัทมากมาย ขณะนี้เขาใกล้จะปลดเกษียณ อยู่มาวันหนึ่ง ซีอีโอได้เรียกเขาเข้าพบ “คุณได้ทำงานใหญ่ๆให้เรามานานหลายปี ขณะนี้ผมมีงานสุดท้ายให้คุณทำก่อนเกษียณ” ซีอีโอกล่าว “ผมต้องการให้คุณออกแบบบ้านหลังหนึ่งให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ และเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ทั้งหมด ที่คุณต้องทำคือ จัดซื้อวัสดุที่ดีที่สุดและจ้างช่างที่มีประสบการณ์มาสร้าง ส่วนค่าใช้จ่าย...ไม่อั้น!”  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
Normal 0 false false false EN-US X-NONE TH MicrosoftInternetExplorer4 "ภาพผู้เขียน โดย ตุ๊ - ช่ออัญชัน กันทะปินตา ที่ยิปซีบาร์" ในกาลครั้งหนึ่ง มีภิกษุรูปหนึ่งพบอุปสรรคในการทำสมาธิ เมื่อไหร่ก็ตามที่พยายามเข้าสมาธิจะมี แมลงมุมยักษ์ปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    โลกอันอ้างว้าง ทุกอย่างเหมือนความฝัน หมุนไปผ่านไปทุกวัน แปรผันสลายอยู่ทุกโมงยาม  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ผมรู้จัก ม.ล.ศักดิ์สิน เกษมสันต์ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า คุณด้วง หรือ ด้วง ในฐานะศิลปินอิสระที่มีความสามารถที่แสดงให้เห็นเด่นชัดเท่าที่ผมได้ประจักษ์อยู่ 4 ประการ นั่นคือเป็นคนเขียนรูป เป็นคนเขียนบทกวี เป็นนักแสดงสดๆที่เราเรียกกันว่าเปอร์เฟอร์แมน และเป็นนักดนตรีที่มีความถนัดในสไตล์แบบเร็กเก้ที่น่าทึ่ง  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  "นางแบบ มาลานชา ตากล้อง Tou Paycheck" ท่านเคยพบไหมว่า ในบางครั้งเราไม่สามารถปล่อยเรื่องราวใน อดีต ให้ผ่านพ้นไป หรือไม่สามารถยุติความวิตกกังวลเกี่ยวกับ อนาคต ลงได้ เมื่อไหร่ที่รู้สึกเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะนึกถึงนิทานเซ็นที่โด่งดังเรื่องหนึ่ง   วันหนึ่ง ขณะกำลังเดินผ่านป่ารกชัฏ ชายคนหนึ่งได้พบเข้ากับเสือดุร้ายตัวหนึ่ง เขาออกวิ่งสุดชีวิต โดยมีเสือไล่ตามมา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    รักรัก...ฉันมีความรัก ด้วยแจ้งประจักษ์คุณค่า ความรักคืออมฤตา ชุบชูชีวาสดใหม่  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  "นางแบบ มาลานชา ตากล้อง Tou paycheck"   ในกาลครั้งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งหลงทางอยู่ในทะเลทราย น้ำในกระติกได้หมดไปเมื่อสองวันที่แล้ว เขารู้ดีว่า ถ้ายังหาน้ำไม่ได้ภายในเร็วๆนี้ เขาต้องตายแน่ๆ  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ที่ชายแดนภาคเหนือ ของประเทศจีนในสมัยโบราณ มีชายผู้หนึ่งซึ่งมีความเชี่ยวชาญพิเศษในการเลี้ยงม้า คนที่รู้จักเขาเรียกเขาว่า ซีเวิง ซึ่งหมายถึงผู้เฒ่าที่อยู่ตามชายแดน   วันหนึ่ง โดยเหตุใดไม่ทราบ ม้าของเขาตัวหนึ่งได้หนีเข้าไปในดินแดนของชาวหู ซึ่งอยู่นอกกำแพงยักษ์ เนื่องจากชาวหูเป็นปรปักษ์กับชาวจีน ดังนั้น ทุกคนจึงคิดว่า คงจะไม่ได้ม้ากลับคืนมาแน่ๆ