Skip to main content
สวนหนังสือ
ใกล้เปิดภาคเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2552 แล้ว ภายใต้นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ของรัฐบาลนี้ ถ้าใครได้ดูทีวีคงได้เห็นข่าวประชาสัมพันธ์ หรือได้เห็นสำนักข่าวไปสัมภาษณ์ผู้ปกครองที่ได้รับเงินอุดหนุนค่าเครื่องแบบนักเรียนแล้วไปเลือกซื้อชุดนักเรียนให้ลูก ๆ เป็นที่น่าชื่นอกชื่นใจสำหรับคนเป็นพ่อแม่ที่มีโอกาสเป็นครั้งแรกในการได้รับ "ของฟรี" จากรัฐบาล แม้จะไม่สามารถซื้อได้ครบทั้งชุดก็ตาม เช่น นักเรียนประถม 5 ได้รับเงินเพื่อการนี้คนละ 360 บาทต่อปี คือ 2 ภาคเรียน ๆ ละ 180 บาท บางคนอาจจะได้กางเกงนักเรียน 1 ตัว และ ถุงเท้า 1 คู่ ก็ยังดีฟะ.. กำขี้ดีกว่ากำตดไม่ใช่เรอะ
สวนหนังสือ
นายยืนยง   นิตยสารรายเดือน             :           ควน ป่า นา เล  4 เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่ปลายมีนาคมจนถึงวันนี้ 9 เมษายน ฉันอาศัยทีวีและหนังสือพิมพ์ อันเป็นสื่อกระแสหลักที่นำเสนอข่าวสารที่เป็นกระแสหลัก คือ ข่าวการเมือง เหมือนกับทุกครั้งที่อุณหภูมิการเมืองเดือดขึ้น ฉันดูข่าวเกินพิกัด อ่านหนังสือพิมพ์จนแว่นมัวหมอง ตื่นระทึกไปกับทุกจังหวะก้าวย่างของมวลชนเสื้อแดง มีอารมณ์ร่วมกับภาคการเมืองส่วนกลางในฐานะผู้เสพข่าวสารเท่านั้นเองจริง ๆ เท่านั้นเองไม่มากกว่านั้น  ในชีวิตหนึ่งกับเป้าหมายของพัฒนาการทางสังคมประชาธิปไตย ฉันมีส่วนร่วมซึ่งเรียกว่าแทบไม่ได้ไปร่วมแรงร่วมใจอะไรเลย เป็นได้เท่านั้นไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ ฉันอาจหันหลังให้ภาคการเมือง ทำหมันการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของตัวเอง ดำรงตนเหมือนคนที่ในอดีตฉันเคยดูแคลนว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว ไม่สนใจสังคมการเมือง มองเห็นแต่เล็บตีนของตัวเอง เพราะฉันเริ่มเชื่อแล้วละว่า การเมืองต้องแก้ไขด้วยกระบวนการทางการเมือง การลุกขึ้นมาเดินขบวนเรียกร้องความไม่เป็นธรรมนั้น เป็นเพียงตัวกระตุ้นหนึ่งที่อาจมีค่าความสำคัญขึ้นมาก็ต่อเมื่อสำนักข่าวให้ความสนใจจะทำข่าว และฉันเชื่อแล้วว่า การเมืองไม่อาจเยียวยาโรคเรื้อรังที่ลุกลามเป็นปัญหาสังคมได้ ไม่เท่านั้น การเมืองยังทำลายภูมิคุ้มกันของคนในสังคมไปพร้อมกันด้วย
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เราติดอยู่ในแนวรบเสียแล้ว แม่มัน! วรรณกรรมการเมืองรางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 6 จัดพิมพ์โดย : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พิมพ์ครั้งแรก : กันยายน 2551 ก่อนอื่นขอแจ้งข่าว เรื่องวรรณกรรมการเมือง รางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2552 นี้ สักเล็กน้อย งานนี้เป็นการจัดประกวดครั้งที่ 8 เปิดรับผลงานวรรณกรรมการเมือง 2 ประเภท คือ เรื่องสั้น และ บทกวี ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2552
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : เด็กเก็บว่าว The Kite Runner ผู้เขียน : ฮาเหล็ด โฮเซนี่ ผู้แปล : วิษณุฉัตร วิเศษสุวรรณภูมิ ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม พ.ศ.2548 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ The One Publishing เด็กเก็บว่าว นวนิยายสัญชาติอเมริกัน-อัฟกัน ขนาดสี่ร้อยกว่าหน้า ที่โปรยปก มหัศจรรย์แห่งนวนิยายที่สร้างปรากฏการณ์ปากต่อปากจนติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ เล่มนี้ กล่าวถึงเรื่องราวของอะไรหรือ ทำไมผู้คนจึงให้ความสนใจกับมันมากมายนัก ฉันถามตัวเองก่อนจะหยิบมันมาอ่าน
Hit & Run
  กรกช เพียงใจ  ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา รัชดาผู้พิพากษาสองคนเดินมานั่งบนบัลลังก์ เบื้องหลังบัลลังก์เป็นผนังไม้อย่างดีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ทั้งห้องดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม สูงขึ้นไปบนผนังติดพระบรมฉายาลักษณ์ในกรอบสีทองเหลืองอร่ามทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ มีญาติผู้ต้องขังสองสามคน อัยการ ทนายความ เจ้าหน้าที่ผู้คุมตัวผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังหญิงในชุดนักโทษอุฉกรรจ์สีน้ำตาล ขลิบปลายแขนแดง ‘ดารณี' ถูกจับกุมที่บ้านพัก ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และติดคุกมาแล้วมากกว่าครึ่งปี ระหว่างที่คดีเพิ่งเริ่มพิจารณา และนัดหมายการไต่สวนพยานครั้งแรกกันอีก 6 เดือนข้างหน้า 0000"ไอ้ที่พี่พูด ก็เอามาจากวงสัมมนาของนักวิชาการ หรือหนังสือที่อ่านทั้งนั้น จริงๆ พี่อยากบอกทนายว่า ให้คุณสุพจน์ (ด่านตระกูล) มาเป็นพยานให้ในศาลที เพราะสิ่งที่พี่พูดก็เอามาจากการอ่านหนังสือของแก"  เสียงเธอแว่วผ่านกรงขังมายังคู่สนทนา เพียงสองสามสัปดาห์หลังจากนั้น สุพจน์ก็จากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็ง "เขาเป็นคนใจร้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร บางทีคุยกับผมไม่รู้เรื่อง มันยังดุผมเลย" คำบอกเล่าของพี่ชายของดารณีที่เทียวไปมา 12 ชั่วโมง ระหว่างภูเก็ต-กรุงเทพฯ  เพื่อเยี่ยมน้องสาวทุกสัปดาห์"เขาเป็นหนอนหนังสือ มันอ่านไปทั่ว นี่ยังให้ผมไปขอใบประกาศปริญญาโทที่มหาลัยเกริก เพราะจะสมัครเรียน นิติศาสตร์ ของ มสธ. ที่เปิดรับสมัครในคุกด้วย สงสัยเขาจะว่าความเอง" พี่ชายแซวน้องสาว ขณะที่ตัวเองก็ถือหนังสือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาติดตัวตลอดนับตั้งแต่น้องสาวโดนคดี เมื่อถามว่าทำไม เขาตอบว่า "ผมพยายามจะทำความเข้าใจ""เขาเป็นคนเชื่อมั่น ไม่ฟังใคร ผมเตือนแล้วเวลาพูดอะไรต้องระมัดระวัง ชาวบ้านหลายๆ คนที่สนามหลวงเขาจับกลุ่มปราศรัยกันเอง เวทีเล็กๆ แล้วชอบพูดประเด็นแบบนี้ แล้วพอได้เสียงเฮก็ได้ใจใหญ่ กลายเป็นดาวดวงใหม่"  เพื่อนนักเคลื่อนไหวพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนิ่ง"เขาน่าสงสารนะ เราก็มาให้กำลังใจเขา ไม่ได้รู้จักกันส่วนตัวหรอก คนอื่นหลายคนก็อยากมาเยี่ยม แต่ไม่กล้ามา คดีแบบนี้ใครๆ ก็กลัว แต่ป้าไม่กลัว เราไม่ได้ทำอะไรผิด" ป้าคนหนึ่งบอกระหว่างรอเยี่ยมดารณีในเรือนจำ0000เดือนแรกๆ "เราทำเพื่อประเทศชาติขนาดนี้ แล้วโดนแบบนี้ ถามหน่อย แล้วอีกหน่อยใครเขาจะกล้าลุกขึ้นมาทำอะไร""อยู่ในนี้มันลำบาก แต่เราต้องเข้มแข็ง ต้องดูแลใจตัวเองให้ดี ก็ได้แต่คิดเสียว่า ท่านปรีดี (พนมยงค์) ยังโดนเยอะกว่าเรามากนัก" "บ้านเรามันไปไม่ถึงไหนก็เพราะอย่างนี้ ไม่พอใจๆ ก็รัฐประหาร ทำลายระบบหมด ไม่เห็นหัวชาวบ้านเลย เราไม่ได้ขัดข้องเลยถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาล แต่ต้องเลือกตั้งมาตามระบบ มันเป็นหลักพื้นฐาน""ป่าวๆ ไม่ได้เห็นไทยรักไทยเป็นเทวดาด้วย แต่เขามีนโยบายเพื่อคนจน เรื่องปากท้องของคน ลดช่องว่างของคน เป็นเรื่องสำคัญสุดของประเทศนี้นะพี่ว่า แต่นโยบายมีปัญหาตรงไหนก็มาว่ากัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ แล้วดึงเอาสถาบันลงมาในการเมือง มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เรื่องพวกนี้นักวิชาการก็พูดไม่ใช่เหรอ"  "ถ้าโดนจับสมัยรัฐบาลเผด็จการ เราคงไม่เสียใจเท่านี้ เราสู้เพื่อประชาธิปไตย พวกคุณก็ได้ประโยชน์ด้วย แล้วสุดท้ายพอมีปัญหาก็ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยอะไร" เดือนหลังๆ   "กับข้าวในนี้แย่มาก เราก็ขากรรไกรอักเสบ กระดูกบนล่างมันจะยัดติดกันอยู่แล้ว กินอะไรลำบากเพราะมันอ้าปากไม่ได้ จริงๆ หมอนัดไว้ว่าจะต้องผ่าตัดแต่โดนจับซะก่อน ตอนนี้น้ำหนักลดไปสิบกว่าโลแล้ว เวลาแปรงฟันทีก็ลำบาก ต้องเอาแปรงสีฟันกระแทกเข้าไปในปาก มันอ้าไม่ได้ ฟันหน้าบิ่นหมดแล้ว" "นี่เขายึดชุดนอนไปอีกแล้ว คนอื่นๆ มีเกินสองชุดได้ไม่เห็นมีปัญหา" "ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมจะต้องจำกัดน้ำขนาดนั้น อาบไม่เคยทันเลย ยิ่งใครมีเมนส์จะลำบากมาก ได้แค่ไม่กี่ขันเท่านั้น แล้วพอเข้าหน้าหนาวยิ่งลดลงอีก บอกว่าอากาศหนาวไม่ต้องอาบมาก นี่มันอะไร""จะออกจากเรือนจำมาศาลแต่ละที เขาจับขึ้นขาหยั่งตรวจภายในทั้งตอนเข้า ตอนออก เขากลัวเรื่องยาเสพติด แต่ไม่ดูเลยนี่มันคดีอะไร มันเป็นคดีการเมือง รู้สึกแย่มากจริงๆ มันเจ็บด้วย แล้วเจ้าหน้าที่ก็พูดจากับเราไม่ดี" "ตอนนี้ได้มารวมกลุ่มกับคนอื่นๆ แล้ว ปกติถ้าเข้าแดนแรกรับใหม่ๆ เขาจะกันไม่ให้คุยกับใครเดือนนึง แต่นี่โดนไปสามเดือน ต้องไปนั่งเฉยๆ ใต้ตึกที่ทำการ จะไปห้องน้ำต้องขออนุญาต""คนในนี้นี่ยิ่งกว่าละครน้ำเน่าหลังข่าว เขาเป็นคนหาเรื่องพี่ พอเถียงกัน เจ้าหน้าที่มา เขาก็บีบน้ำตา บอกเราไปเตะขาเขา ทั้งที่เขาเอาขามาขวางไม่ให้เราไปห้องน้ำ เราก็พยามยามก้าวข้ามขาเขาไป แต่มันก็ไม่พ้น โดนขาเขาหน่อยนึง แล้วกลายเป็นเราหาเรื่องเขา โดนลงโทษ" "มันไม่เมกเซ้นส์เลย ให้กินข้าวในขัน มีสองขันแยกเป็นขันเข้าห้องน้ำกับขันข้าว เมื่อสามปีที่แล้วเขาอนุญาตให้เอาทัฟเปอร์แวร์มาขายได้ แต่ยกเลิกไป บอกนักโทษอาจเอามาใช้เป็นอาวุธ ถามว่าเขาจะเอาทัฟเปอร์แวร์มาฟาดหัวกันเหรอ"0000เว็บบอร์ดต่างๆ  สมควรแล้ว ยังน้อยไป: น่าจะโยกไปขังคุกชาย เอาให้หาย ทอม ปากเหม็นดีนัก หน้าตาอย่างนังดาผู้ชายยังกลัวเลย  หน้าขยักแขยงอย่างนี้ สมควรกับความชั่วของมันแล้ว  บังอาจไปช่วยนายเหลี่ยมพูดจาลบหลู่สิ่งที่คนไทยเทิดทูลอย่างนั้น เลวมากนังดา...Notthat_likethat : รู้สึกเหมือนมีคนบอกว่า คนเรามีสิทธิเชิดหน้าลืมตาอ้าปากและแสดงความเห็นได้ แต่คนที่บอกเราอย่างนั้นกลับเอามืออุดปากและกดหัวเราไว้ หึๆๆๆ ได้เท่านี้หรอ หึๆๆๆ คงเพียงเท่านี้ แด่ประชาธิปไตยที่ไม่เคยมีอยู่จริง ฟ้าประทาน : ถ้าเป็นกม.ในสมัยก่อนป่านนี้โดนตัดหัวเสียบประจานไปแล้ว นี่ยังดีแค่ติดคุก ก็พูดจาซะขนาดนั้น ไม่มีใครยอมรับได้หรอก คนไทยทั้งชาติเขารับไม่ได้ พูดจาให้ร้ายสถาบัน มันสมควรแล้วหรือ ทำไมถึงคิดถึงพูดได้ขนาดนั้น เสียดายที่อุตส่าห์เคยเป็นนักนสพ. แต่อะไรทำให้กล้าทำผิดได้ขนาดนั้น ก็ต้องก้มหน้ารับกรรมกับสิ่งที่ตนทำไว้มันก็ถูกแล้ว Kamikaze : ทำผิดก็ต้องรับผิด ครับ เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายไทยผมเห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ นี่เป็นตรรกะที่ง่ายมากๆ พูดไปโดยไม่รู้จักเซฟตัวเอง ก็ต้องรับผิดชอบในคำพูดนั้นครับ ต่อให้ไม่มี 112 แล้วเกิดเจ้าเค้าเอาเรื่องขึ้นมาก็โดนข้อหาหมิ่นประมาทอยู่ดี อย่ามาอ้างว่าประชาธิปไตยเลย ไม่มีที่ใดที่จะประชาธิปไตยได้ "จริงๆ" หรอก    ไร้ความยุติธรรม : ไม่หน้าเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยฆาตกรฆ่าคนตายหลายศพได้รับการประกันตัวแต่ดา ตอปิดโด ขึ้นไปวิจาร์ณ ไฮปาร์คที่สนามหลวงโดนติดคุกแบบไม่ให้ประกันตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ระหว่างคนฆ่าคนตายกับด่าคนอื่นท่านว่าอะไรรุนแรงกว่ากัน นี่มันยิ่งกว่าอยุติธรรมเสียอีกนี่มันต้องเรียกว่าไม่มีมาตราฐานเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วทำไมคดีเดียวกัน แป็ะลิ้มไม่เห็นโดนแบบนี้บ้างทั้งๆที่เจ้านี่ก็เอาคำพูดของเจ้ดาไปพูดเหมือนกัน แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเราเคารพบูชาหายไปไหนหมด ไม่รู้จะไปกราบไหว้ใครได้ที่ไหนแล้วตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม หลอกลวงทั้งสิ้น ต้องขอให้องค์กรจากต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบเพราะระบบความยุติธรรมในไทยถอยหลังไปสู่ยุคโบราณเป็นร้อยๆปี Sazzi : เพื่อนศศิไม่ได้เป็น พธม. แต่เพื่อนศศิบอกว่า หากมีโอกาสได้เจอไอ้-อีที่จาบจ้วงสถาบันเมื่อไหร่จะไม่ยอมเสียโอกาสที่จะเหยียบปากไอ้-อี พวกนั้นเลย ต้องบอกอีกหน่อยว่า ปกติเพื่อนศศิสุภาพค่ะ 5555 ;) กลิ่นธูป-**: เหมือนยุคกลางเลย ใครเป็นฝ่ายตรงข้ามก็ส่งเข้าคุกข้อหา "นอกรีต"เมื่อเข้าคุกไปก็ถูกทรมานแสนสาหัส ชุดนักโทษยังให้สวมชุดนักโทษคดีอุกฉกรรจ์นี่หรือบ้านเมืองที่อวดอ้าง คุณธรรม เมตตาธรรม แต่ยามใดที่มีคนคิดต่างออกมาพูดบางสิ่งที่ส่งผลกระทบ(ทั้งที่จะเป็นจริงหรือเป็นเท็จ) แทนที่จะใช้วิธีชี้แจงแก้ต่าง กลับเลือกใช้กฏหมายรุนแรงจัดการ เป็นการ...ปิดปาก  ddd: ถ้าการออกมานอกบ้าน ไปยืนบนเวทีแล้วด่าคนอื่น คุกคามคนอื่น อาฆาต แบบที่ดา ทำ แล้วมีคนยกย่อง (ในนี้)ว่าเป็นการกระทำของวีรสตรี ผมว่า ต้องกลับมามองตัวเองกันเสียบ้าง ว่าทำไมถึงชื่นชอบคนแบบดาสาวกประชาไท ทั้งหลาย ควรคิดว่า การพูดถึงบุคคลอื่น แบบที่ดาพูดนั้น ไม่ว่าจะกล่าวถึงสถาบัน หรือ คนทั่วไป ก็ควรได้รับโทษในข้อหาหมิ่น ฯ เหมือนกันดีใจที่ศาลไม่ให้ประกัน เพราะ ออกมาเธอก็อาจจะทำเหมือนที่เธอทำมาตลอดแน่ ๆ อยู่ในนั้นน่าจะดีกว่า นะ คุณ ดาสองมาตรฐาน : กฎหมายหมิ่นประมาทของไทย มีสองมาตรฐาน1.สำหรับคนทั่วไป ถ้าคุณพูดเรื่องจริงและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมคุณไม่ต้องรับโทษ เช่นพูดว่า ทักษิณอมเพชรซาอุ ทำให้แรงงานไทย ไปซาอุไม่ได้2.สำหรับ ในหลวง ราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แม้คุณจะพูดเรื่องจริงและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม คุณก็ต้องติดคุก ติดหลายปีซะด้วยเห็นหรือยังครับว่า กฎหมายหมิ่นประมาทของไทย มีสองมาตรฐาน เศรษฐกิจพอเพียง : ติดคุก ตายๆๆ ไปซะให้หมด ไอพวกเหื้ยเรื่องเยอะแยะมีให้พูด เสือกไม่พูดกัน เอาเรื่องที่คนไทยส่วนมากเค้านับถือ เทิดทูน มากล่าวร้ายพ่อแม่มีง ก้อคงมีนิสัย แบบพวกมีง จับมันแล้ว ต้องจับพ่อแม่ โครตเหง้า มันมาประหารด้วย0000ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา รัชดาผู้พิพากษาสองคนเดินมานั่งบนบัลลังก์ เบื้องหลังบัลลังก์เป็นผนังไม้อย่างดีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ทั้งห้องดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม สูงขึ้นไปบนผนังติดพระบรมฉายาลักษณ์ในกรอบสีทองเหลืองอร่ามทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ มีญาติผู้ต้องขังสองสามคน อัยการ ทนายความ เจ้าหน้าที่ผู้คุมตัวผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังหญิงในชุดนักโทษอุฉกรรจ์สีน้ำตาลขลิปปลายแขนแดง ในสภาพผ่ายผอมลงไปถนัดตา ดวงตาลึกคล้ำ เท้าที่เปลือยเปล่า แลดูด้าน สกปรก ยืนไหล่ห่อ ทิ้งมือสองข้างแนบลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง เงยหน้าเล็กน้อยเพื่อแหงนมองไปยังบัลลังก์ที่อยู่สูงขึ้นไป .... ใครบางคนที่ไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน กำลังยืนร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้นอยู่หลังห้อง  ขอขอบคุณประเวศ ประภานุกูล ทนายความของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ถ่ายทอดคำพูดและเรื่องราวของลูกความ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่ให้ข้อมูล
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : อ่าน (ไม่) เอาเรื่อง ผู้เขียน : ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ ประเภท : วรรณกรรมวิจารณ์ พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : โครงการจัดพิมพ์คบไฟ การตีความนัยยะศัพท์แสงทางวรรณกรรมจะว่าเป็นศิลปะแห่งการเข้าข้างตัวเอง ก็ถูกส่วนหนึ่ง ความนี้น่าจะเชื่อมโยงกับเรื่อง “รสนิยมส่วนตัว” หรือ อัตวิสัย หากมองในแง่ดี เราจะถือเป็นบ่อเกิดของกระบวนการสร้างสรรค์ได้ด้วย มิใช่หรือ
สวนหนังสือ
นายยืนยงเมื่อการอ่านประวัติศาสตร์ อันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น ฉันว่าควรมีการเขียนหนังสือแนะนำ (How to) เป็นขั้นเป็นตอนเลยจะดีกว่าไหม เพราะมันนอกจากจะปวดเศียรเวียนเกล้ากับผู้แต่งแต่ละท่านแล้ว (ผู้แต่งบางท่านก็ชี้ชัดลงไปเลย เจตนาจะเข้าข้างฝ่ายไหน แต่บางท่านเน้นวิเคราะห์วิจารณ์ โดยที่หากผู้อ่านมีความรู้เชิงประวัติศาสตร์น้อยกว่าหางอึ่งอย่างฉัน ต้องกลับไปลงทะเบียนเรียนวิชานี้อีกหลายเล่ม) ยังทำให้ใช้เวลาอย่างมหาศาลไปกับหนังสือที่เกี่ยวเนื่องกันอีกหลายเล่ม ไม่เป็นไร ๆ เราไม่ได้อ่านเพื่อพิพากษาใครเป็นถูกเป็นผิดมิใช่หรือ อ่านเพื่อได้อ่าน แบบกำปั้นทุบดินก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา บางทีการอ่านแบบนี้ทำให้เรามองเห็นหน้าตาตัวเองชัดขึ้น อาจจะเกือบ ๆ ทำความเข้าใจตัวเองได้ด้วยซ้ำ ว่าไอ้ที่เราถือข้างนี้ ถือข้างโน้น มันก่อกำเนิดมาจากอะไร หรือใคร เอาล่ะ ขอนำส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงทัศนะอันเกี่ยวกับ ปี 2475 แห่งสยามประเทศ ซึ่งคัดมาจากหนังสือ 2475 การปฏิวัติสยาม (1932 Revolution in Siam) ชาญวิทย์ เกษตรศิริ จัดพิมพ์โดย มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ ที่มีอนุทินในหน้าปกด้านในว่า
เด็กใหม่ในเมือง
ผมขอเริ่มต้นบทความชิ้นนี้ ด้วยการย้อนระลึกถึงเมื่อครั้งที่ผมยังเป็นเด็กนักเรียนประถม ในยุคที่สถานีโทรทัศน์ทุกแห่งในประเทศไทยยังไม่มีการออกอากาศช่วงกลางวันในวันธรรมดา และยังไม่มีเคเบิลทีวีให้บริการอย่างเอิกเกริกแบบตอนนี้ ในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังเป็นสิ่งอภิมหาแพงเกินกว่าที่ทุกครัวเรือนจะมี หรือถึงบ้านไหนจะมี เทคโนโลยีในยุคนั้นก็ยังไม่เอื้อให้คอมพิวเตอร์เป็นศูนย์รวมความบันเทิงแบบทุกวันนี้ ความบันเทิงในยุคนั้นของผม นอกจากรายการทีวีวันเสาร์ - อาทิตย์แล้ว บรรดาวีดิโอจากร้านเช่าก็เป็นความบันเทิงราคาถูกที่พอจะมีกันได้ ซึ่งวีดิโอที่เรามักจะเลือกเช่า ก็หนีไม่พ้นการ์ตูนและหนังต่างๆ
สวนหนังสือ
  นายยืนยงชื่อหนังสือ           :           พ.๒๗ สายลับพระปกเกล้าฯ ผู้เขียน               :           อ.ก. ร่งแสง (โพยม โรจนวิภาต)ประเภท              :           สารคดีประวัติศาสตร์          พิมพ์ครั้งที่ 2  พ.ศ. 2547จัดพิมพ์โดย        :           สำนักพิมพ์ วสี ครีเอชั่น เป็นความบังเอิญทีเดียวที่ทำให้ฉันสนใจหนังสือเล่มหนึ่ง ค่อนข้างหนาขนาดที่นอนอ่านจะทุลักทุเลน่าดูชม ยิ่งถ้าเผลอหลับอาจต้องศัลยกรรมดั้งจมูกโดยด่วน หนังสือนั้นจะว่าเป็นนิยายก็ใช่ เพราะผู้แต่งเขียนอย่างมีลีลาวรรณศิลป์ สำนวนภาษาเข้าขั้นปรมาจารย์ก็ว่าได้ หากจะว่าเป็นสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ก็ไม่ผิดอีก เนื่องจากตัวละครและเหตุการณ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มีตัวตนอยู่จริงในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นคณาธิปไตย เอ้ย ประทานโทษ ประชาธิปไตย ต่างหาก
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ฝรั่งคลั่งผี ผู้เขียน : ไมเคิล ไรท จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก : กรกฎาคม 2550 อ่าน ฝรั่งคลั่งผี ของ ไมเคิล ไรท จบ ฉันลิงโลดเป็นพิเศษ รีบนำมา “เล่าสู่กันฟัง” ทันที จะว่าร้อนวิชาเกินไปหรือก็ไม่ทราบ โปรดให้อภัยฉันเถิด ในเมื่อเขาเขียนดี จะตัดใจได้ลงคอเชียวหรือ
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เด็กบินได้ ผู้เขียน : ศรีดาวเรือง ประเภท : นวนิยายขนาดสั้น พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2532 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์กำแพง มาอีกแล้ว วรรณกรรมเพื่อชีวิต เขียนถึงบ่อยเหลือเกิน ชื่นชม ตำหนิติเตียนกันไม่เว้นวาย นี่ฉันจะจมอยู่กับปลักเพื่อชีวิตไปอีกกี่ทศวรรษ อันที่จริง เพื่อชีวิต ไม่ใช่ “ปลัก” ในความหมายที่เราชอบกล่าวถึงในแง่ของการย่ำวนอยู่ที่เดิมแบบไร้วัฒนาการไม่ใช่หรือ เพื่อชีวิตเองก็เติบโตมาพร้อมพัฒนาการทางสังคม ปลิดขั้วมาจากวรรณกรรมศักดินาชน เรื่องรักฉันท์หนุ่มสาว เรื่องบันเทิงเริงรมย์ เราต้องขอบคุณวรรณกรรมเพื่อชีวิตด้วยซ้ำไปที่สอนให้สังคมตระหนักว่าประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพมหานคร และมหานครกรุงเทพก็ไม่ใช่วิมานลอยฟ้า ติดแอร์เย็นฉ่ำตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : คนซื้อฝัน ผู้เขียน : ศุภร บุนนาค ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคม 2537 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เคล็ดไทย ตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอ่านหนังสือของนักเขียนไทยให้มากกว่าเดิม ฉันดำเนินการแล้วล่ะ อ่านแล้ว อิ่มเอมกับอรรถรสแบบที่หาจากวรรณกรรมแปลไม่ได้ หาจากภาษาของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยจะได้ จนรู้สึกไปว่า คุณค่าของภาษาได้แกว่งไกวไปกับกาละด้วย