Skip to main content
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
ปัญหาสิ่งแวดล้อมมักสร้างผลกระทบในระยะยาว ไม่ได้เกิดการบาดเจ็บ เสียหาย ทันทีทันใด   ดังนั้นเราจึงต้องมีวิธีการพิสูจน์ว่าความเจ็บป่วย เสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีผลมาจากปัญหาสิ่งแวดล้อมจริง   สิ่งที่เราต้องทำคือการเก็บหลักฐานอย่างต่อเนื่องและชัดเจนเพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐาน &n
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
กฎหมาย เขียนด้วยคน บังคับด้วยคน และก็เป็นการควบคุมพฤติกรรมของคน   จึงมีคนสงสัยว่า แล้วอย่างนี้จะมีกฎหมายสิ่งแวดล้อมไปทำไมในเมื่อไปบังคับ ดิน ฟ้า อากาศ หรือน้ำ ไม่ได้  
ยุกติ มุกดาวิจิตร
 นึกถึงชิคาโก ผู้คนคงนึกถึงตึกระฟ้าที่เคยประชันกันกับนิวยอร์ค นึกถึงธุรกิจที่ดึงดูดให้ใครต่อใครมาอาศัยที่นี่จนเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา นึกถึงสถาปัตยกรรมอันหลากหลายและฟังเมืองใหม่หลังไฟไฟม้ใหญ่จนราบไปทั้งเมือง นึกถึงอัลคาโปนเจ้าพ่อชื่อดัง นึกถึงพิพิธภัณฑ์ที่เดินดูกันทั้งเดือนก็คงไม่หมด นึกถึงมหาวิทยาลัยอันโด่งดังอย่างมหาวิทยาลัยแห่งชิคาโก แต่ใครบ้างจะนึกถึงแมกไม้และสายน้ำของชิคาโก
ยุกติ มุกดาวิจิตร
เมื่ออยู่ที่อื่น ก็คิดถึงถิ่นฐานอันคุ้นเคย แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็ยังอาลัยอาวรณ์กับถิ่นที่ชั่วคราวที่ได้ไปเยือน บางคนก็คงมีอารมณ์อย่างนี้กันบ้าง
ศยามล ไกยูรวงศ์
รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment/EIA) คือการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นรายงานทางวิชาการที่มีความสำคัญยิ่ง ต่อการอนุมัติ/อนุญาตของหน่วยงานของรัฐและของรัฐบาล
ยุภาวดี ฑีฆะ
ในนาม "พรรคสามัญชน" ขอเชิญชวนทุกท่านที่รักแม่น้ำ รักสิ่งแวดล้อม รักทรัพยากรทางทะเล พวกเรามาร่วมใจกันทำแคมเปญ ลอยกระทงอธิษฐานการคัดค้านเขื่อนหลายแห่งเช่น หยุดการสร้างเขื่อนไซยะบุรี เขื่อนแม่ว
ยุภาวดี ฑีฆะ
หนู    ไม่เอาเขื่อน เพื่อนหนู   ไม่เอาเขื่อน พี่น้องของหนู   ไม่เอาเขื่อน รักสิ่งแวดล้อม   ไม่เอาเขื่อน   เขื่อนจ๋า    ทำไมนะต้องทำลายชุมชน
kanis
  ชาวประมงบ้านฉาง..ตื่น...ผื่นเต็มตัวชาวประมงตำบลพลา บ้านฉาง ระยอง อาชีพดำเก็บหอยจอบ  ตื่นตระหนกหลังขึ้นจากดำน้ำเก็บหอยจอบหาดพลา...พบผื่นขึ้นเต็มตัว  หวั่นโดนสารพิษอุตสาหกรรมวันนี้ที่สำนักงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก  เลขที่ 113  ถนนยมจินดา  ตำบลท่าประดู่  อำเภอเมือง  จังหวัดระยอง  มีชาวบ้านตำบลพลา  อำเภอบ้านฉาง  จังหวัดระยอง  นำเอาภาพถ่ายภาพหนึ่งมาให้  เป็นภาพของชายคนหนึ่งที่เนื้อตัวมีแผลผื่นคัน  เป็นปื้นๆทั้งตัว   จากการสอบถามข้อมูลกับชาวบ้านที่นำภาพมาให้  คือนางจันทร์เพ็ญ  ได้บอกเล่าว่า  ภาพถ่ายนี้คือภาพของนายวินัย  ณ รังษี  อายุ 28 ปี  เป็นชาวตำบลพลา  อำเภอบ้านฉาง  จังหวัดระยอง มีอาชีพดำน้ำจับหอยจอบขายมาหลายปีแล้ว  อยู่มาเมื่อวันที่  20  มิถุนายน  2551  นายวินัยได้ลงไปดำน้ำเก็บหอยจอบ  พอขึ้นมาได้สักพักก็รู้สึกแสบคันตามเนื้อตามตัวอย่างมาก ปกติหากรู้สึกว่าไปโดนแมงกะพรุน หรือหอยบางชนิดที่ทำให้รู้สึกคัน  ชาวประมงหรือชาวบ้านที่อยู่กับทะเลก็จะนำใบผักบุ้งทะเลมาขยี้ถูตัวก็จะหายไปได้  แต่นายวินัยบอกกลับรู้สึกคันอย่างมากเลยรีบกลับมาบ้านอาบน้ำล้างตัวฟอกสบู่  แต่อาการแสบคันก็ยังไม่หาย  กลับมีรอยผื่นขึ้นเต็มตัวไปหมดไปหาหมอ  หมอบอกแพ้น้ำทะเล  จึงได้ติดต่อขอสัมภาษณ์นายวินัยทางโทรศัพท์  นายวินัยบอกรู้สึกแคลงใจมากว่า  หมอวินิจฉัยผิดหรือเปล่า  เพราะ มีอาชีพดำน้ำเก็บหอยจอบขายมาเป็นสิบปีแล้ว  มีชีวิตอยู่กับทะเลรู้จักทะเลแถบมาบตาพุด บ้านฉางนี้ดี การที่หมอวินิจฉัยว่าแพ้น้ำทะเลไม่น่าเป็นไปได้   ทั้งนี้นายวินัยได้ตั้งข้อสังเกตว่า  การที่อยู่ๆก็มีผื่นขึ้นตามเนื้อตัวของตนเองนั้น  น่าจะเป็นที่คุณภาพน้ำทะเลมากกว่า  เพราะไม่กี่ปีนี้เองที่รู้สึกว่า หอยจอบที่เคยจับได้มากมายสมัยก่อน  เดี๋ยวนี้หายากขึ้น  และน้ำก็มีความขุ่นมากขึ้นด้วย  ระยะหลังๆมานี่เวลาขึ้นจากน้ำทะเลก็มักมีอาการคันอยู่บ้าง  แต่อาบน้ำล้างตัวแล้วก็จะหายไป  แต่มาเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน  ที่ผ่านไปนี่เองที่เกิดผื่นคันและเป็นตุ่มไปทั่วตัว  จนรู้สึกตกใจ  สิ่งที่กลัวมากคือเรื่องของสารพิษเพราะไม่รู้ว่าในน้ำทะเลเดี๋ยวนี้จะมีสารพิษอะไรปนเปื้อนอยู่บ้าง  เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมจะมีการปล่อยน้ำจากกระบวนการผลิตลงสู่ทะเล  และน้ำที่ปล่อยชาวบ้านก็ไม่รู้ว่ามีสารอะไรปนเปื้อนมาบ้าง  ต่อกรณีที่เกิดขึ้นกับนายวินัย  ได้สอบถามว่าคิดจะร้องเรียนไปยังหน่วยงานไหนหรือไม่   นายวินัยกล่าวว่าอาการที่เป็นก็เป็นมาหลายวันแล้วยังไม่หายเสียที  ต้องหมดเงินหมดทองรักษาตัวเองไปเยอะแล้ว  ลงทะเลดำเก็บหอยเหมือนก่อนก็ไม่ได้  ไม่มีรายได้เข้ามาครอบครัวก็ยากจน  ไม่รู้จะไปเรียกร้องอะไรกับใคร " ผมอยากให้หน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมช่วยมาดูน้ำทะเลให้ที  อยากให้ลองเอาน้ำทะเลแถบหาดพลา หาดน้ำริน  บ้านฉางไปตรวจดูว่ามีสารพิษอะไรไหม  เพราะแต่ก่อนไม่เคยมีปัญหา  ระยะปี 2550 มานี่เริ่มเห็นว่าคุณภาพน้ำทะเลมันแย่ลง  เกรงว่าต่อไปหากเกิดปัญหาหนักกว่านี้ คนเล็กคนน้อยอย่างผมคงหมดอาชีพทำมาหากินไปในที่สุด "  นายวินัยกล่าวทิ้งท้าย
tonsalween
บ้านริมแม่น้ำสาละวินที่มา: http://blogazine.prachatai.com/user/ginnagan/post/743แม่น้ำสาละวินมองจากแม่ดึ๊ที่มา: http://blogazine.prachatai.com/user/ginnagan/post/743วันสุดท้ายของเราที่มาฝึกเป็นนักข่าวพลเมือง เมื่อฉันกลับไป ฉันจะนำความรู้ไปปฏิบัติในพื้นที่ๆ ผมได้ทำงานอยู่ที่แม่น้ำสาละวิน ผมจะนำเรื่องเกี่ยวกับแม่น้ำสาละวินมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ที่บ้านผมจะมีการสร้างเขื่อนในอนาคต คือเขื่อนฮัตจี  ถ้าเขื่อนเกิดขึ้นจริงจะกระทบกับพี่น้องชาตืพันธุ์ กว่า 25 หมู่บ้าน และตอนนี้จากการทำวิจัยที่หมู่บ้านฉันมีพันธุ์ปลากว่า 88 สายพันธุ์ ถ้ามีเขื่อนเกิดขึ้น ปลาเหล่านี้อาจจะไม่เห็นในแม่น้ำสาละวินอีก
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่งด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ขนาบไปด้วยทะเลยาวเหยียด เหมาะเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบสารพัด ประจวบฯ จึงเป็นที่หมายตาของโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับโครงการเหล่านี้ ก็นับเป็นความอาภัพของชีวิต เพราะภูมิศาสตร์แบบนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้คัดค้านกับรัฐหรือทุนขนาดใหญ่กันไม่หยุดหย่อน ไม่โครงการนั้น ก็โครงการนี้ และไม่รู้ว่าด้วยความอาภัพนี้หรือไม่ที่ทำให้ขบวนการประชาชนที่นี่ ‘แข็งแกร่ง' จะว่าที่สุดในประเทศก็คงไม่ผิดนัก ล่าสุด มีการต่อสู้คัดค้านโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดมหึมา ที่จะไปลงในพื้นที่แม่รำพึง อำเภอบางสะพาน ขยายต่อจากโรงรีดเหล็กเดิมที่มีอยู่แล้วกระทั่งเมื่อสองวันก่อนมีการสูญเสียชีวิต จากเหตุการณ์ปะทะกันของชาวบ้าน ‘เสื้อแดง' ฝ่ายสนับสนุน และ ‘เสื้อเขียว' ฝ่ายคัดค้าน โดยผู้เสียชีวิตเป็นวัยรุ่นเสื้อแดงคนหนึ่งที่ถูกกระสุนปืน หลายคนตั้งคำถามกับกลุ่มเสื้อเขียว ขณะที่พวกเขาก็ยืนยันชัดเจนว่าเขาไม่มีอาวุธปืนในที่เกิดเหตุ แต่เป็นกลุ่มเสื้อแดงนั้นเองที่พกพาอาวุธปืนและมีการยิงข่มขู่ ข้อเท็จจริงของการเสียชีวิตนี้ควรได้รับการตรวจสอบอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม โดยไม่ต้องนับว่าเขาใส่เสื้อสีอะไร และไม่มีข้อยกเว้นใดๆเหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่การลอบยิงด้วยซ้ำ แต่เป็นการเสียชีวิตจากการเผชิญหน้ากันระหว่างชาวบ้านสองฝ่ายราวกับเป็นการจลาจล...ในพื้นที่กฎอัยการศึก! ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ มาไม่ทันการณ์บ้าง มาน้อยเกินไปบ้าง มาแล้วกลับก่อนบ้าง แต่โดยสรุปก็คือ ‘ไม่สามารถจัดการอะไรได้' ทั้งที่มันไม่ใช่ความรุนแรงครั้งแรก มีสัญญาณและความรุนแรงย่อยๆ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหลังเมื่อความขัดแย้งเริ่มเปลี่ยนจากชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์กับบริษัทโดยตรง มาเป็นชาวบ้านกับกลุ่มนักการเมือง ผู้นำท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหรือได้ประโยชน์จากโครงการนี้ แต่ ตำรวจ ทหาร ไม่ใช่จำเลยผู้เดียวสำหรับเรื่องนี้....ความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านบางสะพานกับบริษัทสหวิริยานั้นมีมานานร่วม 2 ปี และเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที ขณะที่มันไม่เคยไปสู่การรับรู้ของสังคมวงกว้าง มีเพียงรายงานข่าวเล็กๆ ประปราย และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องก็ดูจะไม่ได้ทำหน้าที่อย่างจริงจังในการช่วยคลี่คลายปัญหา หลายปัจจัยร่วมทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่มาก ขณะที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ที่นี่ก็เข้มแข็งมาก ไม่ประนีประนอม และมีประสบการณ์การต่อสู้กับโครงการอื่นๆ มายาวนาน นอกจากนี้ที่นี่เป็นเมืองแห่งอิทธิพลมืด ซึ่งบทเรียนการต่อสู้ในอดีตก็มีการ ‘สังหาร' ผู้นำชาวบ้าน กรณีสะเทือนขวัญที่เป็นที่รู้จักคือ การลอบยิง ‘เจริญ วัดอักษร' เมื่อครั้งที่เขาคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าบ่อนอก-บ้านกรูด และคดียังไม่คืบหน้าจนปัจจุบัน 000สำหรับกรณีนี้ ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าพรุแม่รำพึง เริ่มรวมตัวกันคัดค้านโครงการขนาดพันล้านนี้ ด้วยความกังวลว่าโครงการผลิตเหล็กต้นน้ำนี้จะสร้างมลพิษอย่างมากมาย นอกเหนือจากนั้นประเด็นหลักที่หยิบยกมาต่อสู้กันคือ โครงการนี้กำลังจะก่อสร้างทับพื้นที่ป่าพรุนับพันไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนทำหน้าที่รองรับน้ำตามธรรมชาติของจังหวัดประจวบก่อนลงสู่ทะเล อีกทั้งกำลังถูกเสนอชื่อให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลก การก่อสร้างนี้จะทำให้ประจวบไม่มีพื้นที่รองรับน้ำ และปัญหาน้ำท่วมยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้โครงการยังทับพื้นที่ป่าช้าเดิมซึ่งเป็นที่สาธารณะและทางสาธารณะ มีการต่อสู้ ถกเถียงกัน โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ร่วมเข้ามาตรวจสอบเอกสารสิทธิต่างๆ ทำให้พบว่าเอกสารสิทธิบางส่วนได้มาไม่ถูกต้อง กระทั่งนำไปสู่การเพิกถอนสิทธิและส่งผลให้บริษัทต้องถอนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งผ่านการพิจารณาของ สผ.แล้วเหลือเพียงการลงนามอย่างเป็นทางการ ในภายหลังทางบริษัทประกาศจะขยับพื้นที่โครงการไปด้านบนไม่ให้ทับป่าพรุและป่าช้าสาธารณะ แต่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ยังคงยืนยันถึงผลกระทบที่จะปิดร่องน้ำตามธรรมชาติ ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในเมืองหนักขึ้น ขณะที่ป่าพรุก็จะกลายสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม ท่างกลางความขัดแย้งนี้ ท่ามกลางรายงานอีไอเอที่ยังไม่ผ่าน มีความพยายามถมพื้นที่เดินหน้าก่อสร้างโครงการแต่ก็มีการคัดค้านจากชาวบ้านอย่างหัวชนฝาถึงกับมีการตั้งศูนย์เฝ้าระวังพื้นที่ป่าพรุโดยมีชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สลับสับเปลี่ยนกันไปนอนเฝ้าป่าพรุทุกคืน หลังจากนั้นมีความพยายามครั้งใหม่ในการขุดร่องระบายน้ำและมีการคัดค้านเช่นเคย โดยชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ต้องการให้รอให้อีไอเอผ่านการพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อน ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิฯ ดูเหมือนเป็นหน่วยงานเดียวที่พยายามลงไปไกล่เกลี่ยแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยพยายามจะตั้งคณะกรรมการหลายภาคส่วน แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเนื่องจากทางโครงการไม่พอใจรูปแบบที่กำหนดและไม่เข้าร่วมด้วย อย่างไรก็ดี เมื่อมองเห็นเค้าความรุนแรงในพื้นที่ หลายส่วนพยายามหาความชัดเจนในข้อกฎหมายเกี่ยวกับอีไอเอ การถมดิน แต่ก็ไม่มีใครออกมาบอกชัดๆ ด้วยเสียงดังๆ ว่าทำได้ ไม่ได้ แค่ไหน อย่างไร  คณะกรรมการสิทธิฯ พยายามจะบอกให้หยุดไว้ก่อนเพื่อรอความชัดเจนของอีไอเอ แต่ก็ดูไร้ผล จนกระทั่งความขัดแย้งลุกลามบานปลาย คำตอบสุดท้ายเฉพาะหน้าตอนนี้จึงพุ่งไปเรื่องอีไอเอ ซึ่งก็น่าห่วง เพราะที่ผ่านมากระบวนการพิจารณาอีไอเอก็มีปัญหา ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในหลายเรื่อง จึงไม่แน่ใจว่าจะเป็นกลไกแห่งความหวังที่จะทำให้การลงทุนมีความโปร่งใส เป็นธรรม ไม่ผลักภาระทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และต้นทุนอื่นๆ ไปให้สังคมหรือชาวบ้านแบกรับได้มากเพียงไหนว่ากันให้ถึงที่สุด นี่คือปัญหาความขัดแย้งระหว่างการพัฒนากับการอนุรักษ์ ระหว่างสิทธิชุมชนและการค้า การลงทุน โดยที่เรายังหาเส้นแห่งความสมดุลไม่ได้ ที่ยากลำบากคือ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นการเผชิญหน้ากันของ ‘ชาวบ้าน' ที่ทำให้ไม่สามารถขีดเส้นแบ่ง เขา - เรา เพื่อแบ่งแยกกันเองได้ชัดเจน ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะถูกนายทุนจ้างมาหรือไม่ เพราะ ‘เรา' จะรู้ได้อย่างไรว่า ‘เขา' ก็ไม่ใช่ ‘เหยื่อ' ในอีกด้านหนึ่ง หากยังมีผู้ไร้ที่ทำกิน ไร้โอกาส ซึ่งมีความหวังกับอุตสาหกรรม เรื่อง ‘การอนุรักษ์' จะถูกจัดวางตรงไหน ? ขณะที่ภาครัฐ หรือกลไกต่างๆ ก็ยังบิดเบี้ยว และไม่สามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับคนเล็กคนน้อยได้ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ทรัพยากรและต้นทุนสารพัดของท้องถิ่นก็กระจุก ไม่เคยกระจายให้ผู้คนอย่างเหมาะสม ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้สังคมหันมามองและคิดกับเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อหาทางออกในหลายๆ ระดับ เพราะแนวโน้มปัญหาแบบนี้จะมากขึ้นและหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ