Shar_Lashalom

Aviv Geffen : นักดนตรีผู้เป็นไอดอลของฝ่ายซ้ายอิสราเอล หรือเพียงแค่นักสันติภาพเพ้อฝัน (1)

16 February, 2008 - 02:06 -- parid

 

"Love films are broadcast late
But violence is allowed at any hour
While on a kibbutz a girl was raped
In the disco they set their spirits free"

- Violence -

เป็นเรื่องธรรมดาที่น้อยคนในบ้านเราจะรู้จักศิลปินหนุ่มจากอิสราเอลที่ชื่อ Aviv Geffen เพราะผมเองกว่าจะรู้จักเขาก็ต้องโยงอะไรหลายทอดอยู่เหมือนกัน

มันเริ่มจากการที่ผมชื่นชอบวงโปรเกรสซีฟร็อค ที่ชื่อ Porcupine Tree แล้วนักร้องนำและผู้กุมบังเหียนของวงนี้คือ Steve Wilson ในขณะที่ยังคงอยู่กับวงเดิม ก็ได้ออกไปมีโปรเจกท์ย่อยคือวง Blackfield ด้วย ซึ่งวงโปรเจกท์ของเขานี้ ก็ตั้งใจว่าจะเป็นวงป็อบร็อค ที่ทำร่วมกับนักดนตรีรุ่นน้องชาวอิสราเอลคนหนึ่ง และนักดนตรีรุ่นน้องที่ว่านี้ก็คือ Aviv Geffen นั่นเอง

ก่อนที่จะมาร่วมทำวง Blackfield นาย Geffen คนนี้ได้เคยมีผลงานอยู่ในบ้านเกิดตัวเองอยู่แล้ว แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ขณะที่เราไม่ค่อยรู้จักเขากันเท่าไหร่ แต่สำหรับที่อิสราเอลแล้วเขาถือเป็นไอดอลร็อคสตาร์ประจำใจคนทั่วประเทศเลยทีเดียว


วง Blackfield : Aviv Geffen (ซ้าย) , Steve Wilson (ขวา)

ในทางดนตรีนั้น Aviv Geffen เป็นนักดนตรีป็อบร็อค ที่มีรูปลักษณ์แบบ Anti-Macho คือ ไม่เสริมคุณสมบัติตัวเองด้วยการอวดเบ่งความเป็นชาย จนบางครั้งอาจไพล่ให้นึกไปถึง David Bowie หรือ Lou Reed สไตล์เพลงของเขาได้รับอิทธิพลจาก U2 , Nirvana , Bob Dylan และนอกจากนั้นแล้วเจ้าตัวยังบอกเองว่าได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Roger Waters นักดนตรี/นักแต่งเพลงผู้มองโลกในแง่ร้ายและเคยเป็นมันสมองในยุคหนึ่งของ Pink Floyd

คงไม่เพียงดนตรีเท่านั้นหรอกที่เขาได้จาก Roger Waters มา แม้แต่การแต่งเนื้อเพลงรวมถึงแนวคิดซ้าย ๆ บางอย่างก็คงได้มาจาก Waters ด้วย (แต่ไม่น่าจะโหดเท่า Waters) เพราะ Aviv Geffen ไม่เพียงแต่เป็นขวัญใจคนหนุ่มสาวเท่านั้น เขายังเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายซ้ายคนสำคัญคนหนึ่งอีกต่างหาก

Geffen ก็เช่นเดียวกับศิลปินผู้ติดความเป็นนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ เขาคิดจะใช้เพลงของตัวเองเป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงสังคม เพลงที่เขาเขียนนั้นเต็มไปด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก สันติภาพ ภาพสะท้อนของยุคสมัย ความเลวร้ายของการสู้รบ และ ...ความตาย

ในฐานะที่อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ เขาต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งการต่อสู้เรียกร้องสันติภาพในเหตุความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์อย่างแน่แท้ ในตอนนั้นกลุ่มของอิสราเอลแบ่งเป้นสองค่ายอย่างชัดเจนคือกลุ่มฝ่ายขวาอย่าง ค่ายชาตินิยม (National Camp) กับกลุ่มอิสราเอลซ้ายอย่างค่ายสันตินิยม (Peace Camp) และ Aviv Geffen ก็ได้เลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกับกลุ่มสันตินิยม

ในช่วงที่มีการรณรงค์เพื่อสันติภาพอย่างแรงกล้านั้น เขาก็ได้อยู่ในเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งในปี 1995 คือเหตุการณ์สังหารอดีตนายกรัฐมนตรีนาย ยิทซ์ซัค ราบิน (Yitzhak Rabin) ขณะปราศัย ณ จัตุรัสกลางเมือง Tel Aviv

ในตอนนั้น Rabin เป็นนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลที่มาจากการเลือกตั้ง และช่วงที่เขาเป็นรัฐมนตรีก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายสันติภาพ เหตุการณ์ที่มีส่วนสำคัญมากที่สุดคือการทำสนธิสัญญาออสโล (Oslo Accord) ร่วมกับผู้นำปาเลสไตน์ ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นการมอบอำนาจการปกครองบางส่วนของดินแดนในฉนวนกาซ่าและเขตเวสต์แบงก์ ให้กับปาเลสไตน์ แลกกับการหยุดสร้างความรุนแรง

ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องดี แต่สนธิสัญญานี้ก็ได้ทำให้ชาวอิสราเอลแบ่งออกเป็นสองพวกอย่างชัดเจน ทั้งพวกที่เห็นด้วยและชื่นชม พวกนี้จะมองว่าเป็นสนธิสัญญาที่ช่วยหลักดันให้เกิดสันติภาพ ขณะที่ชาวอิสราเอลอีกส่วนหนึ่งกลับมองว่า Rabin เป็นคนทรยศที่มอบดินแดนที่ควรจะเป็นของอิสราเอลให้คนอื่นไป นอกจากนี้ยังได้ออกมาบอกว่าสนธิสัญญาออสโล ไม่ได้ทำให้การก่อการร้ายลดลงเลย มีแต่จะยิ่งทำให้เพิ่มขึ้น แล้วก็ยังมีชาวยิวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เหล่านี้

นอกจากนี้แม้ผู้นำองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (ซึ่งองค์กรในตอนนั้นอ่อนกำลังลงมาก) จะยอมรับในข้อตกลงยับยั้งการต่อสู้ด้วยอาวุธและหันมาแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี แต่เนื้อหาส่วนหนึ่งของข้อตกลงได้สนับสนุนสิทธิในการครองดินแดนของไซออนนิสท์ (กลุ่มสนับสนุนแนวคิดว่าดินแดนนี้เป็นของยิว) และเป็นการทำข้อตกลงโดยผู้นำที่ไม่ได้ถามชาวปาเลสไตน์ ทำให้กลุ่มชาวปาเลสไตน์ทั้งฝ่ายชาตินิยมและฝ่ายซ้ายไม่พอใจเช่นกัน

ความไม่พอใจส่งผลบานปลายมาจนถึงในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1995 ชาวยิวขวาจัดคนหนึ่งซึ่งไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงกับสนธิสัญญานี้ ได้วางแผนที่จะสังหารนาย Rabin ขณะที่เขากำลังออกเดินสายสร้างการสนับสนุนสนธิสัญญาออสโลจากประชาชน (ทั้งๆ ที่มันได้ตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว) ซึ่งมือสังหารคนนี้คิดว่า มันจะทำให้ประเทศของเขารอดพ้นจากวิกฤตได้

ในวันเดียวกันนั้นเอง Aviv Geffen ในฐานะนักดนตรีผู้สนับสนุนสันติภาพก็ได้ขึ้นเวทีต่อหน้าผู้คนกว่า 3 แสนคน ที่โห่ร้องปรบมือแสดงความยินดี เขาได้ร้องเพลงบัลลาดที่ชื่อ "Livkot Lecha" ซึ่งเป็นชื่อเพลงภาษาฮิบรู แปลเป็นภาษาอังกฤษคือ "Cry for You" (ฉันร้องไห้เพื่อคุณ) โดยเนื้อหาของเพลงเป็นเหมือนเพลงที่จะร้องให้กับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว

"Lanetzach achi
ezkor otcha tamid
Venipagesh basof ata yode'a.
veyesh li chaverim
aval gam hem kavim
El mul orcha hameshage'a."

- Livkot Lecha -

"Forever my friend
I'll see you in the end
And we will always be the best of brothers
The friends I have are fine
But in the light you shine
I only see the shadow of the others"

- คำแปลจากเนื้อเพลง Livkot Lecha (Cry for You)

แต่เหมือนชะตาเล่นตลก หลังจากที่จบการแสดงของเพลงนี้แล้ว Geffen ได้เข้าสวมกอดอำลานายกรัฐมนตรี บอกลากันด้วยคำว่า Shalom (ในภาษาฮิบรู คำนี้หมายความได้ทั้ง สวัสดี' ‘ลาก่อน' หรือ สันติ') แล้วหลังจากนั้นอีกไม่นานนัก ขณะที่ Rabin กำลังจะเดินไปขึ้นรถ เขาก็ได้ถูกมือสังหารเข้ามาเหนี่ยวไกใส่สามนัด พิษจากบาดแผลที่ถูกยิงทำให้ Rabin เสียชีวิตในเวลาต่อมา

"ฉันได้กลิ่นของปืนพก" คือปากคำส่วนหนึ่งของ Geffen ตอนที่ให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น

เป็นที่น่าตั้งคำถามว่า นอกจากกลิ่นของปืนพกแล้ว เขาได้กลิ่นของความไม่พอใจกับข้อตกลงนี้ด้วยหรือไม่ หลายต่อหลายครั้งที่คนเราลุกขึ้นมาสนับสนุนโดยที่ยังไม่เข้าใจความซับซ้อนของมันมากพอ เพียงแต่สนับสนุนเพราะมัน "เข้าทาง" สิ่งที่เราคิดฝันไว้เท่านั้นเอง 

หลังจากเหตุการณ์ ได้มีคนค้นพบกระดาษชีทเพลงเปิ้อนเลือดในกระเป๋า เนื้อเพลงในชีทเปื้อนเลือดนั้นคือเพลง Shar Lashalom (Song for Peace-บทเพลงเพื่อสันติภาพ) ซึ่งเป็นเพลงยอดนิยม และเป็นเหมือนเพลงประจำของกลุ่มซ้ายสันติในอิสราเอล โดย Rabin ได้ขึ้นร้องเพลงนี้ร่วมกับ Miri Aloni บนเวที ก่อนที่จะถูกสังหาร

มันฟังดูตลกร้ายตรงที่มีคนคิดว่าเพลง "Cry for You" ที่ Geffen ร้องในวันนั้นกลายเป็นเหมือนลางบอกเหตุสำหรับเหตุการณ์สังหารนาย Rabin อยู่กลาย ๆ แล้วเหตุการณ์นี้ยังทำให้ในเวลาต่อมาเพลง "Cry for You" กลายเป็นเพลงแห่งยุคสมัยสำหรับนักโปรโมทสันติภาพในอิสราเอลเลยทีเดียว

เหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับหลายๆ คน แต่ก็น่าเห็นใจมือสังหารผู้นั้นอยู่เหมือนกัน เพราะแทนที่เขาจะได้ในสิ่งที่หวัง แต่กลับกลายเป็นทำให้ชื่อของ Rabin ถูกนำไปใช้ในการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ของฝ่ายซ้ายไปเสีย (ยังไม่นับว่ามีคนโยงเรื่องนี้กับทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ามาจากทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา)

ผมเองก็ไม่อาจทราบได้ว่าศิลปินผู้เลือกข้างอย่างชัดเจนเช่น Aviv Geffen จะเข้าใจความซับซ้อนของเหตุการณ์นี้ขนาดไหน แต่สิ่งที่พอจะรู้คือมันได้ทำให้ความคิดและจิตใจของเขาเปลี่ยนไป จากเดิมที่เขาเคยมีด้านที่จัดจ้าน เคยเขียนเพลงประท้วงแบบถอนรากถอนโคน (Radical) ก็เริ่มสุขุมเยือกเย็นและอ่อนโยนขึ้น เพลงของเขามีเนื้อหาการเมืองน้อยหรือเบาลง ขณะเดียวกันก็มีความลึกซึ้งกว่าเดิม

เขาได้บอกกับนิตยสารที่ให้สัมภาษณ์ว่า "ในอิสราเอลมันมีความกดดันมากพออยู่แล้ว มันไร้ประโยชน์ที่จะโยนน้ำมันลงไปในกองไฟ"

ความรู้สึกสะเทือนใจ เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันมันก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือได้ ไม่ว่าจะโดยฝ่ายใดก็ตาม แต่ผมลองคิดในด้านดีของมันว่า หากความสะเทือนใจในระดับปัจเจก มันได้รับการกลั่นกรองผิดถูกในสำนึกของแต่ละคน มันอาจจะทำให้คนๆ นั้นเติบโต และเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด หรือไม่งั้นก็เป็นสิ่งที่ช่วยกระแทกปลุกให้ตื่นจากความฝันได้

แล้ว Geffen เอง จะเติบโตจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ขนาดไหนกัน

...ไว้คราวหน้า จะมาพูดถึงชีวิตและดนตรีของ Aviv Geffen รวมถึง Peace Camp ที่เขาสังกัดอยู่ด้วย

พอเขียนมาถึงตรงนี้ อารมณ์ของผมมันก็ไม่ค่อย Love and Peace เท่าไหร่แล้ว

 

 

Subscribe to Shar_Lashalom