บล็อก

จอดป้ายหน้าดูช่วยเชียงใหม่แล้วค่อยไปต่อ

เขาว่ากันว่า  เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งธรรมชาติงดงาม เมืองวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ จอดดูสักหน่อยซิ

เขาเล่ากันต่อว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชียงใหม่เติบโตด้านการท่องเที่ยวสูงสุด ปีหนึ่งๆ มีคนมาเที่ยวเชียงใหม่มากมาย เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่ต้องรับภาระหาเงินทอง เมกกะโปรเจคขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้นที่เมืองเชียงใหม่

ว้าว! แล้วคนเชียงใหม่ คิดอย่างไรกับเมืองเชียงใหม่
หากไปถามคำถามนี้ ร้อยทั้งร้อยคนเชียงใหม่ต่างวิตกกังวล
คนเชียงใหม่บอกว่า เมืองน่าอยู่นั้นคือเมื่อก่อน เมื่อก่อนซึ่งไม่นานเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ คนเชียงใหม่ลำบากกับรถติดในเมือง คนเชียงใหม่กลัวน้ำท่วมเหมือนปี 2548

ฤดูร้อน คนเชียงใหม่กลัวหมอกควันจะกลับมา และหายใจไม่ออก ทุกคนต่างรู้ดีว่า ตัวเองอยู่ในเมืองแอ่งกระทะ อยู่ในหุบเขาสูงๆ ต่ำๆ

คนเชียงใหม่กลัว กลัว และกลัว โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง คนเชียงใหม่ไม่กล้าให้ลูกสาวออกจากบ้าน กลัวจะถูกลวนลามอย่างถูกต้อง ใครก็เอาผิดไม่ได้ เพราะเป็นช่วงสงกรานต์

20080328 แพรจารุ 1

20080328 แพรจารุ 2

เพลงเตหน่ากู : การตั้งสาย เตหน่ากูแบบไมเนอร์ (Minor scale)

พ่อได้ดื่มชาในกระบอกไม้ไผ่จนหมดไปกว่าครึ่งหนึ่ง แล้วจึงวางลง
“เดิมทีนั้น เตหน่ากูมีจำนวนสายเพียง 5-7สาย แต่ต่อมาได้มีการเพิ่มเติมสายในการเล่นเป็น 8-9สายหรือ 10-12หรือมากกว่านั้นก็ได้” พ่อหยิบเตหน่ากูและเล่าให้ลูกชายฟัง

“ทำไมจำนวนสายไม่เท่ากันล่ะ?” ลูกชายถามผู้เป็นพ่อ
“มันขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดของผู้เล่นแต่ละคน ชอบและถนัด 7 สายก็เล่น7 สายชอบน้อยกว่านั้นก็เล่นน้อยกว่าก็ได้ หรือชอบมากกว่านั้นก็เล่นมากกว่านั้นก็ได้” พ่อตอบสิ่งที่ลูกชายสงสัย

ในการตั้งสายเตหน่ากูแบบไมเนอร์สเกล (Minor scale) นั้นเริ่มจาก 5-7 สายโดยมีตัวโน๊ตหลักตามไมเนอร์สเกลอยู่ 5 โน้ต ได้แก่ โด (D) เร (R)  มี (M) โซ (S) ลา (L)  โดยในที่นี้จะอธิบายการตั้งสายตั้งแต่ 6, 7และ8 สาย

หากเป็นการตั้งสายเตหน่ากูแบบไมเนอร์สเกลจำนวน 6 สายลักษณะการตั้งสายโดยทั่วไปจะเป็นดังนี้

20080328 ภาพประกอบ 1

โปสการ์ดถึง (คน) บางคน จากประชาชน (อย่างผม) ภาคหนึ่ง

 

1.
ดอกไม้มวลชน
เดินขบวนเรียกร้อง
แบบเรียนประชาธิปไตย

2.
เหตุผลของบางคน
หักล้างไม่ได้
เมื่อเทียบกับกลีบใบของแผ่นดินที่ร่วงหล่น

3.
สีชมพูแต้มดวงหน้า
นกขมิ้น
คือ ฝันอันเลือนลางของหนุ่มสาว

4.
ฉันหวังเห็นแผ่นดิน
สูงขึ้นด้วยความรัก
มิใช่ด้วยทรราชย์

5.
เราเรียกร้องด้วยเสียงเพลง
ขับไล่ความมืดดำ
บนถนนแห่งเสรีภาพ

 
 6.
ฉันเด็ดใบไม้จากราวป่า
เก็บมาฝาก
สังคมเมือง

7.
ทุกอย่างเคลื่อนไหว
ด้วยพลัง
ความดีงาม

8.
เมื่อฉันลอยตัวให้สูงขึ้น
จากทุนนิยม
จึงเห็นเวิ้งฟ้าสีฟ้าห่มคลุมเม็ดดิน

9.
เศษดิน
คือ บางอย่างที่เหมือนจะไร้ค่า
ทั้งที่ความจริงฉันก็มาจากสิ่งนี้

10.
ครุ่นคิดบางอย่าง
เกี่ยวกับความงอกงามของแผ่นดิน
จริงหรือที่ทุกอย่างสูงได้ด้วยเม็ดเงิน

ขอบคุณ ‘โซไรด้า’ น้องที่แสนดี

 

คนหาปลาผู้มีชีวิตอยู่ด้วยการลอยเรือไปบนคลื่นความเปลี่ยนแปลง

27 March, 2008 - 02:04 -- sumart

20080327 ภาพประกอบ 1

พ่อเฒ่าฟาน ดิน กัน แห่งหมู่บ้านทรีอาน (หมู่บ้านแห่งสันติ) หมู่บ้านริมแม่น้ำซมฮอง (แม่น้ำแดง) เส้นเลือดใหญ่ของชาวฮานอยยืนตระหง่านบนหัวเรือ หากไม่มีการถามไถ่คงยากที่จะคาดเดาอายุของพ่อเฒ่าได้ ปีนี้พ่อเฒ่าอายุ ๖๔ แล้ว ขณะพ่อเฒ่ายืนตระหง่านตรงหัวเรือ สายลมหนาวของเดือนมกราคมยังคงพัดมาเย็นเยือก ในสายลมหนาวนั้นมีฝนปนมาเล็กน้อย พ่อเฒ่าบอกว่า ฝนตกช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคมที่ฮานอยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือความหนาว เพราะปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปี ๕๑ ความหนาวเย็นที่พัดมาขนาดหนักเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว ๓ ครั้ง ว่ากันว่าอากาศที่เปลี่ยนแปลง คงเป็นเพราะโลกเรามันร้อนขึ้น

ในเรือมีผม และเพื่อนร่วมทางอีก ๒ คน ทั้ง ๒ คนเป็นล่ามแปลภาษาของกันและกัน ถัดจากพวกเราไปเป็นหญิงชราวัย ๖๓ หญิงชรามีหน้าที่พายเรือ การพายเรือของหญิงชราแปลกแปร่งไปจากที่เคยเห็น เพราะแกใช้ตีนทั้งสองข้างในการถีบไม้พายที่ผูกติดเอาไว้กับกราบเรือ คงไม่ผิดแปลกอันใดที่จะกล่าวว่า เรือมุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงเฉื่อยของตีนคน

ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่จึงตัดสินใจถามผ่านล่ามว่าด้วยเหตุผลกลใด หญิงชราจึงใช้ตีนทั้งสองข้างพายเรือ คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ ตีนมีแรงมากกว่ามือ และมือก็ต้องเอาไว้ใช้เก็บกู้กุบ (เครื่องมือหาปลาชนิดหนึ่ง) ที่จมอยู่ในน้ำ

ขณะเราลอยเรืออยู่เหนือสายน้ำ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบบ่าย ๒ แต่บนฟ้าเฆมยังคงมืดครึ้ม และฝนก็ยังโปรยสายลงมาบางเบา ในม่านฝน เรือบรรทุกทรายลำใหญ่หลายลำกำลังเร่งเครื่องเพื่อทวนน้ำขึ้นไปทางตอนเหนือของแม่น้ำ ในเรือลำใหญ่บรรทุกทรายจนปริ่มกราบเรือ ทรายจากริมฝั่งแม่น้ำถูกนำไปใช้ในกิจการก่อสร้าง เมื่อเรือลำใหญ่วิ่งผ่าน ชายชราก็จะโยนก้อนหินลงน้ำ นัยว่าเพื่อถ่วงเรือเอาไว้

ในห้วงคำนึงขบถโรมานซ์ : "เมื่อความรักเรียกร้อง"

“เมื่อความรักเรียกร้อง
...จงเดินตามเธอไปฯ”
เมื่อสงครามเพรียกหา
ขอเราจงปฏิเสธมันฯ
เมื่อความเขลาขลาดเกาะกุมจิตใจเรา
...จงขับไล่มันออกไป !
เมื่อความยุติธรรมเรียกร้อง
ดวงใจจิตวิญญาณเธอ
...จงแกร่งงามฯ

โลกใบเก่ากับคนเฝ้าสุสาน

‘นายยืนยง’

20080326 โลกใบเก่ากับคนเฝ้าสุสาน

 

ชะตากรรมของสังคมฝากความหวังไว้กับวรรณกรรมเพื่อชีวิตเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว  หากเมื่อความเป็นไปหรือกลไกการเคลื่อนไหวของสังคมถูกนักเขียนมองสรุปอย่างง่ายเกินไป  ดังนั้นคงไม่แปลกที่ผลงานเหล่านั้นถูกนักอ่านมองผ่านอย่างง่ายเช่นกัน  เพราะนอกจากจะเชยเร่อร่าแล้ว ยังเศร้าสลด ชวนให้หดหู่...จนเกือบสิ้นหวัง

ไม่ว่าโลกจะเศร้าได้มากแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายรวมว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่แต่กับโลกแห่งความเศร้าใช่หรือไม่? เพราะบ่อยครั้งเราพบว่าความเศร้าก็ไม่ใช่ความทุกข์ที่ไร้แสงสว่าง  ความคาดหวังดังกล่าวจุดประกายขึ้นต่อฉัน เมื่อตั้งใจจะอ่านรวมเรื่องสั้น โลกใบเก่ายังเศร้าเหมือนเดิม ของ ทัศนาวดีแต่แล้วกลับต้องผิดหวัง! (ในลำพัง) เพราะไม่เคยคาดคิดว่าต้องมาพบเจอกับกระบวนการที่ยังกลับย่ำวนอยู่ในหลุมบ่อโศกนาฏกรรมของศตวรรษที่แล้ว

รวม ๑๒ เรื่องสั้นที่ถ่ายทอดด้วยน้ำเสียงอย่างที่เรียกได้ว่าท้องถิ่นนิยม ปรนเปรอผู้อ่านด้วยคราบน้ำตาอันสุดรันทด  แต่ความผิดหวัง (ส่วนตัว) ดังกล่าวนั้นก็ถูกชดเชยด้วยภาษาของทัศนาวดี

ลมหายใจที่ยังมีหวัง (ตอนต่อของ "พักในร้านกาแฟ")

สำรวจลงไปในกระเป๋าหรือย่ามของความฝัน พบสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ก้นย่ามคือการทำร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีมุมหนังสือวางเอาไว้ให้คนจิบกาแฟละเมียดตัวอักษร

20080326 ภาพประกอบ 1

พัดลมและพายุ

20080226 วางภาพประกอบ 1

อาจด้วยความเมตตาของผืนฟ้า และความปราณีของผืนดิน ที่ยังคงให้เราได้หายใจหายคอได้อยู่  ทั้งที่ “อะไรที่มองไม่เห็นในอากาศ” นั้น กำลังมาบอกอย่างโต้งๆ ว่า โลกไม่ใช่แค่กำลังร้อน แต่มันกำลังเสื่อมสลายและผุกร่อน

“ขี่รถไปไหนแสบตามากเลย หายใจไม่ค่อยออก”
คนรู้จักของฉันเล่าให้ฟัง ฉันได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย เพราะอาการก็ไม่ต่างกัน

เมื่อวานนี้ ฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์คนที่บ้านขี่เลียบน้ำปิงไปยังเขตเมือง ใบไม้ร่วงกราวจากพายุที่ก่อตัวตั้งเค้ามาในช่วงบ่าย ใบไม้แห้งสีน้ำตาลกรอบกระจายไปถ้วนทั่วท้องถนนและผืนหญ้าบนสวนสาธารณะ บางแห่งพัดปลิวเอาเศษกระดาษ ถุงพลาสติก วนอยู่ในอากาศ ก่อนจะร่วงไปตกลงในลำน้ำปิง

เจ้าแม่คงคาจะยังปราณีเราอยู่อีกไหม  หากเราจะโทษเอาแต่แรงของพายุ ?

ความจริงฉันตั้งใจไปซื้อใบพัดลม  ด้วยความซุ่มซ่ามเดินชนมันจนล้มไปวันก่อน ใบพัดลมแหว่งไปแค่อันเดียว แต่พาลไม่หมุนไปทั้งแผง เมื่อกดเปิด ใบพัดลมที่ขาดสมดุลนั้นก็พัดด้วยเสียงกร่ากๆ กร่ากๆ แล้วก็หยุด

ความมุ่งมั่นขณะฝ่าลมพายุออกไปนั้น ชวนให้น่าขบขันตัวเองอยู่ไม่น้อย - ฝ่าพายุไปซื้อพัดลม -  แล้วไม่รู้ว่าฝนใกล้จะตกหรือยัง คนขับบิดมอเตอร์ไซค์ให้เร็วขึ้น โชคดีที่ว่าเส้นทางจากบ้านเราไปห้างสรรพสินค้านั้นรถไม่ติด และไม่ต้องผ่านไฟแดง เลียบน้ำไปขึ้นสะพานก็ไปสิ้นสุดยังที่หมายเอาไว้

“หรือว่าเราจะยังไม่ไปซื้อ”
ฉันรำพึงเบาๆ ขณะปัดเอาเศษใบไม้ออกจากเสื้อ
คนขี่มอเตอร์ไซค์ลดความเร็วลงนิดหน่อย แล้วบอกว่า
“ตั้งใจออกมาแล้วนะ  แล้วเราก็ไม่ได้ไปซื้อใบพัดลมอย่างเดียวด้วย”
“อื้อ”

ฉันตอบรับด้วยเหตุผลตามนั้น กระพริบตาถี่ๆ จากเศษผงในอากาศที่ปลิวเข้ามา
แต่สักพักก็ต้องรีบหลับตาปี๋ เพราะควันสีขาวที่พวยพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้าอย่างแรง ทำให้ทั้งกลั้นหายใจและลืมตาไม่ได้
คนขับจอดรถอย่างด่วน!

หยุดใช้สารเคมี แล้วอาหารจะหวนคืน

20080325 ป้ายเส้นทางสู่ป่าชุมชน

แสงไฟสีส้มดวงเล็กๆ ดาหน้ากันเข้ามาจากทุกทิศทาง ยกเว้นจากส่วนที่เป็นด้านหลังไร่ เพราะนั่นคือป่าชุมชนผืนใหญ่ ที่เป็นเป้าหมายของการไปสู่ของแสงไฟเหล่านั้น ดูแล้วน่าตื่นเต้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพายุฝนที่โหมกระหน่ำเมื่อตอนเย็นนี้

ฉันนึกถึงแนวรั้วลวดหนามด้านท้ายไร่ ที่เสร็จไปครึ่งทางแล้ว ด้วยฝีมือของตาลี
“เราทำรั้วกั้นที่ของเรา ไม่มีใครเขามาว่าได้หรอก อีกหน่อยพอฝนตกชุก คุณต้องทำประตูกั้นทางเข้าไร่ด้วยนะ ทำรั้วง่ายๆพอเป็นที่เข้าใจว่าถนนที่ตรงมาทางนี้คือทางส่วนบุคคล ไม่ใช่ทางสาธารณะ” แกย้ำถึงความจำเป็น เพราะฉันเคยลังเลกลัวว่าจะไปทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องเดินอ้อมไปไกลจึงจะไปถึงป่าชุมชนนั้นได้ แต่แกยังยืนยันว่า

“เมื่อก่อนตรงนี้ไม่มีทาง ไม่มีใครเดินผ่านหรอก พอคุณมาทำทางเข้าบ้านตัวเอง เขาเห็นว่าเดินสะดวกจึงขอผ่านทางไปป่า แต่มันต้องเดินผ่านหน้าบ้านคุณ ไม่ดีหรอกไม่ปลอดภัย คนแปลกหน้าเยอะแยะที่เข้ามาในหน้าฝน”

ตาลีบอกว่าชาวบ้านจากหลายๆ หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ป่าผืนนี้ ต่างมุ่งหน้ามาหากินในป่าเมื่อฤดูฝนมาถึง และฉันได้ประจักษ์แก่สายตาตัวเอง ทั้งที่เป็นเพียงพายุฤดูร้อนหนึ่งห่าเท่านั้น พวกเขาก็ยังกรูกันมา ราวกับฝูงมดที่ตามกลิ่นหอมหวานของชานอ้อยกระนั้น

ทำให้รู้ว่าวิถีแห่งการหาอยู่หากินยังไม่หล่นหายไปในระหว่างเส้นทางการพัฒนาไปสู่การผลิตเพื่อขาย แม้ว่ามันจะกลายเป็นเรื่องหลัก แต่นั่นก็เป็นพืชบางชนิดที่ส่งป้อนเข้าสู่โรงงาน และแต่ละชนิดมักจะเขมือบเอาปุ๋ยและสารเคมีไปกินจนลำต้นอวบอ้วน แต่คนปลูกกลับผอมแห้งแรงน้อย เช่นตาลีเป็นต้น

คำขอบคุณ

เรามาอยู่ที่นี่ใช่โดยน้ำพักน้ำแรงเราลำพัง  กว่าจะปลูกสร้างกระต๊อบได้ทั้งหลัง  อาศัยน้ำจิตน้ำใจและการหยิบยื่นไมตรีจากหลายชีวิต

ขอขอบคุณคุณแม่ของเราทั้งสองที่เลี้ยงดูเรามา ให้ได้รับการศึกษาอย่างดี  จากสถาบันที่มีเนื้อหา มีทรัพยากรและประวัติศาสตร์ซึ่งเอื้อโอกาสให้เราได้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้  ขอบคุณที่แม่ไม่เคยปล่อยให้เราอดอยาก   แม้จะมีช่วงเวลายากลำบาก  แต่ก็ได้เรียนรู้  ฝ่าฟัน  เข้าอกเข้าใจ (ลูกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุดที่แม่เพียรพยายามแม้จะยากลำบากเพื่อที่จะเข้าใจวิถีของลูก  และปล่อยให้ลูกได้เลือกเส้นทางชีวิตของตนอย่างอิสระ)

20080325 ดอกไม้

Pages

Subscribe to RSS - blogs