ทนายความของปีศาจ: บทสัมภาษณ์ฌักส์ แวร์แฌส์ โดย SPIEGEL ONLINE (ตอนที่ 1)

 

ฌักส์ แวร์แฌส์ (Jacques Vergès, 1925-2013) ทนายความชื่อดังชาวฝรั่งเศสลูกครึ่งเวียดนาม เกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี ก่อนย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่เรอูนิยง (Réunion) แคว้นโพ้นทะเลของฝรั่งเศส เข้ามาศึกษาต่อทางกฎหมายที่ฝรั่งเศส และมีโอกาสได้เข้าร่วมขบวนการต่อต้านนาซี เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส เป็นแกนนำเยาวชนฝ่ายซ้ายในกรุงปราก เขาเป็นเพื่อนกับสลอธ ซาร์ หรือ พอล พต และเขียว สัมพัน  ทั้งยังเคยพบปะพูดคุยกับเหมา เจ๋อตุง และเช กูเอวารา 

 

เขาเริ่มว่าความให้กับกองกำลังปลดปล่อยตนเองจากฝรั่งเศสในอัลจีเรีย ก่อนหายตัวไปหนึ่งทศวรรษโดยไม่ติดต่อใครเลย เมื่อกลับมา ลูกความของเขามีทั้งอาชญากรคนสำคัญของโลก อดีตนายพลของพรรคนาซี หัวหน้าขบวนการก่อการร้าย ไปจนถึงผู้นำเขมรแดง เขาเสนอตัวว่าความให้กับทั้งสลอบอดัน มิลอเชวิช อดีตประธานาธิบดีของยูโกสลาเวีย และซัดดัม ฮุสเซ็น อดีตประธานาธิบดีของอิรัก พร้อมทั้งประกาศว่า "ไม่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ใด ๆ เกิดขึ้นในกัมพูชา"

 

ทั้งหมดนี้ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “ทนายความของปีศาจ” 

 

“There is No Such Thing as Absolute Evil”

บทสัมภาษณ์ ฌักส์ แวร์แฌส์ ใน SPIEGEL ONLINE (ตอนที่ 1)

สัมภาษณ์โดย  บริตา แซนด์เบิร์ก (Brita Sandberg) และ เอริค ฟอลลัธ (Eric Follath)

 

S: มิสเตอร์แวร์แฌส์ คุณหลงใหลในความชั่วร้ายหรือเปล่า

JV: ธรรมชาติทั้งโหดร้าย คาดเดาไม่ได้ และน่าหวาดกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ สิ่งที่แยกมนุษย์ออกจากสัตว์คือความสามารถในการพูดในนามของความชั่ว อาชญากรรมคือสัญลักษณ์ของอิสรภาพของมนุษย์

 

S: คุณนี่มองโลกในแง่ร้ายมาก ๆ

JV: ผมมองโลกตามความเป็นจริง

 

S: คุณว่าความให้กับอาชญากรที่ชั่วร้ายที่สุดในยุคนี้บางคนจนถูกเรียกว่า “ทนายของปีศาจ” ทำไมคนอย่างการ์โลส [1] และเคลาส์ บาร์บีย์ [2] ถึงดึงดูดคุณได้ขนาดนั้น

JV: ผมคิดว่าคนทุกคนไม่ว่าจะทำอะไรลงไปควรมีสิทธิได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม เรามักประณามคนเหล่านั้นว่าเป็น “ปีศาจ” กันอย่างรวดเร็ว แต่ว่าปีศาจไม่มีอยู่จริง สิ่งที่ชั่วร้ายโดยสมบูรณ์แบบไม่มีจริง ลูกความของผมเป็นมนุษย์ เป็นคนที่มีสองตา สองมือ มีเพศสภาพและมีอารมณ์ความรู้สึก นั่นต่างหากที่ทำให้พวกเขาเป็นคนชั่วร้าย

 

S: คุณหมายความว่ายังไง

JV: ก็อย่างที่เรารู้จากวรรณกรรมเกี่ยวกับอาณาจักรไรช์ที่สาม หรือจากภาพยนตร์เรื่อง “Der Unterdang” (“Downfall”) สิ่งที่น่าตกใจเกี่ยวกับปีศาจอย่างฮิตเลอร์  คือเขารักหมาของเขามาก ๆ และจูบมือเลขาฯ ของตัวเองด้วย เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับลูกความของผมคือการค้นพบว่าอะไรทำให้พวกเขาทำเรื่องที่น่าสยดสยองพวกนั้นลงไป เป้าหมายของผมคือการชี้ให้เห็นว่าอะไรทำให้พวกเขากระทำสิ่งเหล่านั้น การพิจารณาคดีที่ดีก็เหมือนบทละครเชคสเปียร์ส มันเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง

 

S:  ตอนนี้คุณกำลังแสดงละครเวทีอยู่ที่โรงละครมาดแลน (Madeleine) ในปารีส โดยเล่นเป็นตัวละครหลักในบทละครเดี่ยวที่คุณเขียนขึ้นเอง

JV: ใช่ครับ เป็นบทละครเกี่ยวกับชีวิตผม เกี่ยวกับอาชีพนักกฎหมายและธรรมชาติของการพิจารณาคดี การพิจารณาคดีทุก ๆ ครั้ง คือการแสดงละครต่อหน้าสาธารณะ เป็นการแสดงคู่ระหว่างจำเลยกับโจทก์ ทั้งสองคนต่างเล่าเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องจริง แต่ต้องเป็นไปได้ พอถึงตอนจบ ฝ่ายหนึ่งจะได้รับการประกาศว่าเป็นผู้ชนะโดยที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับความยุติธรรมเลยสักนิดเดียว

 

S: มีใครสักคนไหมที่โดยหลักการแล้วคุณจะไม่ว่าความให้เขา

JV: หนึ่งในหลักการของผมคือการไม่มีหลักการ ฉะนั้นผมจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอของใครเลย

 

S: แม้แต่ อดอลฟ์ ฮิตเลอร์ ?

JV: ครับ ผมจะว่าความให้ฮิตเลอร์ และอาจรับว่าความให้โอซามา บิน ลาเดน  หรือกระทั่งจอร์จ ดับเบิลยู บุช  ตราบเท่าที่เขายอมรับว่าตัวเองทำผิดนะ

 

S: แต่คุณพูดราวกับความชั่วร้ายของฮิตเลอร์ บิน ลาเดน และบุชเป็นความชั่วร้ายแบบเดียวกันอย่างจริงจังไม่ได้หรอก

JV: อาชญากรรมทุกครั้งมีความเฉพาะตัว เช่นเดียวกับอาชญากรทุกคนแหละครับ เพราะแบบนี้เท่านั้น การเปรียบเทียบอย่างที่ว่าจึงเป็นไปไม่ได้

 

 

[1] การ์โลส เดอะ แจ็กกัล (Carlos the Jackal) หรือ อิลิช รามิเรซ ซานเชส (Ilich Ramírez Sánchez) นักเคลื่อนไหวชาวเวเนซูเอล่าที่สนับสนุนการปลดปล่อยตนเองของปาเลสไตน์ เขาเข้าร่วมขบวนการแนวหน้าปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PFLP) ในปี 1970 ก่อนถูกจับกุมในข้อหาสังหารสายลับของฝรั่งเศสในปี 1975 และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในฝรั่งเศสหลายครั้ง อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาในปี 1975 และโจมตีว่าทั้งหมดเป็นแผนของกลุ่ม Mossad หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล

 

[2] เคลาส์ บาร์บีย์ (Klaus Barbie) นายพลหน่วย SS และสมาชิกของหน่วยตำรวจลับของนาซีเยอรมันหรือ “เกสตาโป” ได้รับฉายา “นักฆ่าแห่งลียง” เนื่องจากเป็นผู้ทรมานนักโทษขณะที่เกสตาโปประจำการอยู่ในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส หลังสงครามโลกจบลง หน่วยงาน CIA ของสหรัฐฯ ได้ว่าจ้างเขาให้ช่วยในแผนงานต่อต้านคอมมิวนิสต์ในละตินอเมริกา ว่ากันว่าเขามีบทบาทสำคัญในการก่อรัฐประหารโดยกลุ่มทหารของหลายประเทศ รวมถึงอาจช่วยให้ CIA จับกุมและสังหารเช กูเอวารา ผู้นำปฏิวัติชาวอาร์เจนติน่าได้อีกด้วย