Skip to main content

 

 

    ไปเจอเฟซบุ๊คที่น่าสนุกอยู่เพจหนึ่งคือ “เรื่องสยอง 2 บรรทัด” เป็นการเขียนเล่าเรื่องสยอง เรื่องผี เรื่องไสยศาสตร์หรือเรื่องตลกร้ายในชีวิตแบบสั้นๆ คือไม่เกิน 2 บรรทัดพร้อมกับภาพการ์ตูนประกอบที่ดูทั้งขับขันและน่ากลัวระคนกันไป (https://th-th.facebook.com/sayongsongbuntud)  ทำให้นึกถึงบทกวีไฮกุของศาสนาพุทธนิกายเซนที่ใช้คำไม่กี่คำแต่ก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งและการรู้แจ้ง ผมเลยขออนุญาตนำวิธีการการเล่าเรื่องสยองของท่านแอดมินมาประยุกต์โดยใช้ความคิดของตัวเอง (หวังว่าคงไม่ซ้ำกับในเพจ)

 

 

นั่งดูหนังเพลิน ๆ  คนข้างๆ เสียงดัง

หันไปตวาดใส่  อ้าวกูดูอยู่คนเดียวทั้งโรงนี่หว่า

 

ท่านฮุนเซนหักหน้าท่านประยุทธ์    ท่านประยุทธ์หักหน้าท่านฮุนเซน

สื่อไทยออกมาบอกว่าบรรยากาศชื่นมื่น

 

ขับรถอย่างนี้จะรีบไปเผาพ่อมึงหรอ

เปล่าครับ ผมจะรีบไปขึ้นเมรุ เดี๋ยวไม่มีศพให้เผา

 

ทางการไทยบอก พล.ต.ต.ปวีณว่าจะรับรองความปลอดภัยหากกลับมา

คืนนั้น พล.ต.ต.ปวีณพบวิญญาณของหมอหยองลอยมา

 

จีบสาวอยู่ดีๆ  ตื่นอีกที

ทำไมนั่งอยู่ในกระทะร้อนๆ มีต้นงิ้วอยู่รายรอบ

 

โพลพบว่ามีคนไทยกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ชื่นชอบรัฐบาลทหาร

แอบดูการทำโพลเห็นหมอผีสวดมนต์และปากกาเคลื่อนไหวเองบนกระดาษ

 

ผมบอกสาวที่กำลังหลีว่า “หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาว” 

คืนนั้นผมไปนอนที่ห้องเธอ พบว่าผ้าห่มของเธอทำจากเนื้อของมนุษย์

 

ลูกชายบอกว่าโตขึ้นมาอยากเป็นพุทธ

....พุทธะอิสระ คือจะทำอะไรก็ได้ จะชุมนุมกี่คน คสช.มันก็ไม่จับ

 

วิจารณ์เจ้าอยู่ดีๆ ตื่นอีกที ทำไมอยู่ในอพาร์ตเมนต์เก่าๆ

นอกหน้าต่างมีหอไอเฟลอยู่ไม่ไกล

 

กำลังจะนอน เสียงคนเดินในห้องข้างบนดังกุกกัก

ตวาดขึ้นไป อ้าวกูอยู่บ้านชั้นเดียวนี่หว่า

 

ในเวทีประกวดมิสเตอร์เผด็จการโลก พิธีกรหัวล้านมีหนวดประกาศว่าผู้ชนะ

คือมิสเตอร์เกาหลีเหนือ ต่อมาบอกว่ามิสเตอร์ไทยแลนด์ได้มงกฎแทน

 

 

 

 

บล็อกของ อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์

อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เขียนงานเขียนในรูปแบบต่างๆ  คือนวนิยาย เรื่องสั้นหรือแม้แต่บทละครมานานก็เลยอยากจะชี้แจ้งให้ท่านผู้อ่านเข้าใจว่าเนื่องจากเป็นงานเขียนแบบงานดิเรกหรือแบบนักเขียนสมัครเล่นอย่างผม จึงต้องขออภัยที่มีจุดผิดพลาดอยู่ เพราะไม่มีคนมาตรวจให้ ถึงผมเองจะพยายามตรวจแล้วตรวจอีกก็ยังมีคำผิดและหลักไวยากรณ์อยู่
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
The Spook Radio (part 2)ภาค 2 ของดีเจอ้นซึ่งเป็นดีเจรายการที่เปิดให้ทางบ้านมาเล่าเรื่องสยองขวัญหรือเรื่องเหนือธรรมชาติ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก The Shock และ The Ghost  (Facebook คนเขียนคือ Atthasit Muang-in)
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
(เรื่องสั้นสยองขวัญภาษาอังกฤษเรื่องนี้ลอกมาจากเรื่องสั้นของราชาเรื่องสยองขวัญของเมืองไทย ครูเหม เวชากร ตัวเอกคือนายทองคำ เด็กกำพร้าอายุ 12 ขวบที่อาศัยอยู่กับยายและญาติในชนบทของไทยในช่วงเวลาประมาณ พ.ศ.2476)
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
The lingering sunlight from the dawn kissed my eyelids and I could hear faintly the flock of big birds, whose breed was unbeknownst to me, chirping merrily outside window ,as if to greet the exuberant face of a new day.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
นวนิยายภาษาอังกฤษเกี่ยวกับนักเขียนวัยกลางคนที่มีความหลังอันดำมืดและความสัมพันธ์กับดาราสาวผู้มีพลังจิต 
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เรื่องของรปภ.หนุ่มผู้ค้นหาภูติผีปีศาจในตึกที่ลือกันว่าเฮี้ยนที่สุด  เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากรายการ The Ghost Radio(the altered version)
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เรื่องของผู้ชาย 3 คนที่ขับรถบรรทุกแล้วต้องเผชิญกับผีดูดเลือด 3 Friends and The Ghosts                                                (1)
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
This short novel is about a guy who works as a DJ for the radio program 'The Spook Radio', famous for its allowing audience to share their thrilling experiences or tales about the superstitious stuffs, especially the ghosts, via telephones.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
นวนิยายภาษาอังกฤษเรื่องนี้เกี่ยวกับคนไทยที่ใช้ชีวิตในเยอรมันช่วงพรรคนาซีเรืองอำนาจ  เขียนยังไม่จบและยังไม่มีการ proofreading แต่ประการใด                     Chapter 1  
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
บทความนี้มาจาก facebook  Atthasit Muangin สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มหาศาสดาผู้ลี้ภัยอยู่ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ในฐานะเป็นเอตทัคคะหรือผู้เป็นเลิศในเรื่องเจ้า (The royal affairs expert)  พบกับการวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีอย่างมากมายจากบรรดาแฟนคลับหรือคนที่แวะเข้ามาในเ
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
 (มีบทความอื่นอีกมากมายในเฟซบุ๊คของผมคือ Atthasit Muang-in) 1.สลิ่มไม่ชอบอเมริกาและตะวันตกซึ่งคว่ำบาตรและมักท้วงติงไทยหลังรัฐประหารปี 2557  ในเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน โดยพวกสลิ่มเห็นว่าทั้งสองฝ่ายเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกเช่นเคยบุกประเทศอื่น