คนไม่มีอะไร
หยุดสร้างภาพด้วยวาทะ "การมีส่วนร่วมของประชาชน" ศยามล ไกยูรวงศ์โครงการเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา ในยุคสมัยนี้ไม่ว่าภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชนใช้ วาทะ "การมีส่วนร่วมของประชาชน" ทุกวงการ โดยกำหนดตัวชี้วัดของการบริหารงานแบบธรรมาภิบาลให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ นับเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับสังคมไทย ที่ทุกภาคส่วนตระหนักชัดในหลักการนี้ แต่ในความเป็นจริงการใช้วาทะกรรมดังกล่าว ได้ถูกบิดเบือนเพื่อสร้างภาพพจน์ของการแสวงหาผลประโยชน์ของระบบ และตนเอง เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในการจัดเวทีของนิคมอุตสาหกรรมที่จะดำเนินการในพื้นที่ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2552 เมื่อประชาชนในพื้นที่จำนวน 300 กว่าคนเข้าร่วมเวทีโดยไม่ได้ถูกเชิญ มีความเห็นยกมือพร้อมกันว่าไม่ต้องการนิคมอุตสาหกรรม จึงเป็นสาเหตุให้การจัดเวทีโดยบริษัทที่ปรึกษา ในการประชุมรับฟังความเห็น บนหลักการของการมีส่วนร่วมของประชาชนต้องหยุดลง สิ่งที่น่าคิดก็คือ ผู้แทน กนอ. ได้กล่าวในที่ประชุมร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 ที่มหาวิทยาลัยลักษณ์ ว่าได้ว่าจ้างองค์กรเอกชน (NGO) องค์กรหนึ่งซึ่งมีประสบการณ์ในการจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีส่วนร่วม สาเหตุที่ประชาชนไม่ร่วมในเวที อยู่ที่ว่ากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเริ่มต้นจากเจ้าของโครงการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาฯ ความเชื่อถือว่าบริษัทที่ปรึกษาจะเป็นกลางจึงเป็นไปไม่ได้ การจัดเวทีและทำเอกสารเผยแพร่ของบริษัทที่ปรึกษาก็เพื่อมาชักชวนโน้มน้าวให้ ชาวบ้านเห็นด้วยกับการสร้างนิคมอุตสาหกรรม เมื่อพิจารณาจากคู่มือที่บริษัทที่ปรึกษาทำ ก็เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อโน้มน้าวให้ชาวบ้านทราบแต่ผลดีของโครงการ แต่ในความเป็นจริงนิคมอุตสาหกรรมย่อมมีทั้งผลกระทบด้านบวกและด้านลบทั้งสิ้น กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าระบบของการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ยังเป็นปัญหา และต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อมิให้โครงการของรัฐและเอกชน ต้องสูญเสียงบประมาณว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาในราคาแพง แต่ยังสร้างปัญหาความขัดแย้งให้กับชุมชนและเจ้าของโครงการ การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากรัฐบาลไม่เริ่มต้นด้วยการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดว่าแผนพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้จะพัฒนาภาคใต้ในทิศทางใด คนใต้และคนในพื้นที่เห็นด้วยกับแผนพัฒนาหรือไม่ ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจต่อทิศทางการพัฒนาประเทศ การพัฒนาภูมิภาค การพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนาตำบลและชุมชนมีหรือไม่ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในมาตรา 57 สิทธิในการได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลของหน่วยงานของรัฐ ก่อนการอนุญาตหรือการดำเนินการโครงการ หรือกิจกรรม ทั้งบุคคลและชุมชนท้องถิ่นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิแสดงความคิดเห็นของตนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไปประกอบการพิจารณา และมาตรา 87 รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน (1) ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น (2) ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจทางการเมือง การวางแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะ โครงการนิคมอุตสาหกรรมเป็นเพียงโครงการหนึ่งในอีกหลายโครงการตามแผนพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ การที่เจ้าของโครงการแต่ละโครงการดำเนินการไปก่อน โดยใช้งบประมาณของภาษีประชาชนว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำรายงาน EIA ไปก่อน ขณะเดียวกันสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผลักดันให้รัฐบาลเร่งอนุมัติแผนพัฒนาฯไปด้วย โดยประชาชนในพื้นที่ก็ยังไม่ทราบว่าบ้านตัวเอง จังหวัดตัวเอง จะพัฒนาอย่างไร จึงเป็นกระบวนการตัดสินใจแบบบนลงล่างเหมือนเดิม จึงไม่ต้องแปลกใจว่าประชาชนในหลายพื้นที่คัดค้านโครงการต่างๆที่จะเกิดขึ้น หรือถ้าต้องเห็นด้วย ก็เห็นด้วยแบบยอมจำนนต่อการกดดันจากจังหวัด เจ้าของโครงการ และรัฐบาล ด้วยการรับค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม วาทะ "การมีส่วนร่วมของประชาชน" จึงถูกสร้างขึ้นจากกลยุทธ์ที่ทำอย่างไรก็ได้ให้โครงการเกิด เช่น กรณีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หากรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรม ให้พวกเขามีชีวิตที่ดีได้ ไม่ว่าแผนพัฒนาอุตสาหกรรมในรูปแบบใด โครงการใด ประชาชนในพื้นที่ก็ยังไม่ไว้วางใจรัฐบาล บริษัทที่ปรึกษา และเจ้าของโครงการ ที่พวกเขามีคำถามและเรียกร้องความเป็นธรรมจากการพัฒนาที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม รัฐบาลและภาคประชาชนจึงจำเป็นต้องผลักดันให้มีการปรับปรุงกลไกในการพิจารณาและตรวจสอบ EIA ที่มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส ตลอดจนการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินการโครงการ มิฉะนั้นภาษีของประชาชนต้องละลายไปกับการศึกษาโครงการซ้ำแล้วซ้ำเล่า และตามแก้ไขปัญหาปลายเหตุอย่างไม่สิ้นสุด ขณะที่สังคมไทยมีความขัดแย้งตลอดเวลา