วิพากษ์

เชียงใหม่แพ้ซ้ำซากจริงหรือ

ยามเช้าได้อ่านงานของดอกสตาร์ เธอเขียนจั่วหัวว่า เชียงใหม่แพ้ซ้ำซาก Chiangmai lost her beauties.

ข้อเขียนของเธอบอกว่า

 

ผังเมืองฉบับใหม่ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วง ๙๐ วัน ที่คนได้รับความเดือดร้อนจากผังเมืองฉบับนี้จะยื่นคำร้องเพื่อคัดค้าน ถ้ารัฐบาลไม่รับฟังและผังเมืองฉบับนี้ผ่าน โฉมหน้าเมืองเชียงใหม่คงจะอัปลักษณ์สุด ๆ รอวันตายลูกเดียว

 

มีเรื่องฝายทั้งสามแห่งคือ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้งและฝ่ายท่าศาลาอีก ของเก่าแก่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษสร้างไว้ให้ลูกหลานชาวล้านนาได้ประโยชน์กลับจะรื้อทิ้งโดยเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่เทียบไม่ได้เลยกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองกับลูกหลานในอนาคต

โถน่าสงสารคนเชียงใหม่ ของดีบรรพบุรุษสร้างให้ไม่รักษา น่าสมเพชจริงๆ นะคะ”


ฝายทั้งสามสร้างในรัชกาลที่ ๒ เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อทดนํ้าให้เกษตรกรและผู้ใช้นํ้าแถบอำเภอสารภี เวียงกุมกาม จังหวัดลำพูน กรมศิลปากรถือว่าเป็นโบราณสถานด้วยค่ะ แต่กรมชลฯ รื้อฝายทั้งสามแล้วจะสร้างประตูระบายนํ้าในแม่นํ้าปิง

 

ดอกสตาร์ให้เหตุผลว่า

. เป็นการผลักดันของภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและเจ้าของกิจการโรงแรมขนาดใหญ่ที่อยู่ริมแม่นํ้าเพราะว่าฝายพญาคำเป็นอุปสรรค์ในการล่องเรือพานักท่องเที่ยวชมแม่นํ้าซึ่งไปได้ไม่ไกลมากนัก โรงแรมอยากจะเพิ่มจุดขายโดยที่มีการรับส่งนักท่องเที่ยวทางเรือ (เมื่อปี พ.. ๒๕๔๖-๒๕๔๗ ได้เริ่มผลักดันการรื้อฝายมาครั้งหนึ่งแล้ว


อีกประการหนึ่งถ้ามีการทำประตูระบายนํ้าแล้วระดับนํ้าจะสูงขึ้นมากจนสามารถที่จะมีเรือสำราญจากประเทศจีนที่จะล่องเรือผ่านแม่นํ้าปิงเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ธุรกิจการท่องเที่ยว


. เมื่อปี พ.. ๒๕๔๘ เมื่อเชียงใหม่เกิดนํ้าท่วมใหญ่จึงมีการผลักดันโครงการณ์ที่จะรื้อฝายอีกครั้งหนึ่ง

 

ดอกสตาร์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอเล่าว่า เธออยู่กับน้ำท่วมทุกปี ตั้งแต่วัยเด็กเป็นนักเรียนน้ำท่วมสองสามวันก็จบ น้ำไม่ขังไม่เน่าจึงไม่มีปัญหา

ทำไม ทำไม ทำไม

11 September, 2008 - 00:00 -- thanorm
11_9_01


ระบอบการเมือง                ที่ดีที่สุดในโลกนี้

มี                                   หรือไม่มี

ถ้าหากมี                          แล้วถูกขยำขยี้ทิ้งไป

ยัง สามารถพลิกฟื้น           กลับคืนมาใหม่

เพราะมันเป็นเพียงแบบแผน ที่ไร้ชีวิตจิตใจ

ถูกขยำขยี้ทิ้งไป                สักกี่ครั้ง ( เช่น ประชาธิปไตย )

ถึงคราวจำเป็น                   ต้องหวนคืนกลับไปใช้

ร่างขึ้นมากำหนดใหม่          ยังได้คืนเหมือนเดิม

แต่ ชีวิตคน                       แม้เพียง หนึ่ง คน

ไม่ว่า                               ฝ่ายใด

มาดแม้น                          มีอันเป็นไป

เหมือนดั่งใบไม้                 ถูกเด็ดออกจากขั้ว

ระบอบการเมือง                ใดใด

ที่ดีที่สุด                          ในโลกนี้ ( หรือโลกหน้า )

ก็ไม่อาจ                         ชุบชีวิต

เข าผู้ตายแล้ว ฟื้น             กลับคืนมาใหม่ - เหมือนระบอบแบบแผนที่ไร้ชีวิต

ทำไม เขาผู้เป็นประชาชน    จึงต้องเป็นคนแรก

และเป็นคนสุดท้าย            ที่ต้องสิ้นชีพสังเวย

ทั้งฝ่ายชนะ                     และผู้ปราชัย

ในเกมการต่อสู้                 ทุกยุคทุกสมัย

ทำไม ทำไม ทำไม           พวกเขา

จึงต้องเป็นคนแรก            และเป็นคนสุดท้าย

ที่ต้อง ตาย ตาย ตาย        ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย...

เมื่อผู้นำทั้งสองฝ่าย          มิอาจตกลงกันได้ – ด้วยสันติวิธี

ทำไม...

            กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

อันธพาลการเมือง

9 September, 2008 - 00:00 -- maythas

กลุ่มอันธพาลการเมือง หรือแก๊งมาเฟียเป็นปัญหาเสมอมาสำหรับการสถาปนากติกาการปกครองและระเบียบการเมือง ทั้งนี้เพราะเป็นกลุ่มที่กฎหมายและการจัดระเบียบทางสังคมไม่สามารถควบคุมจัดการได้ คุกคามต่อสวัสดิภาพความเป็นอยู่ปกติของคนโดยทั่วไปเพราะกลุ่มอันธพาลการเมือง หรือแก๊งมาเฟียดำรงชีพอยู่ได้ก็ด้วยการขู่เข็ญกรรโชกกระทั่งใช้กำลัง หรือใช้กฎหมู่เพื่อให้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ


นอกจากจะไม่ผลิตอะไรออกมาแล้ว กลุ่มอันธพาลการเมืองยังคอยรีดไถเงินจากน้ำพักน้ำแรงของคนอื่น ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับการข่มขู่รีดไถหรือล็อบบี้อย่างชาญฉลาดของกลุ่มอันธพาลการเมืองที่เรียกตนเองว่าพันธมิตรอย่างสมบูรณ์แบบที่กลุ่มพันธมิตร เปลี่ยนแปลงตนเองจากผู้ประท้วงรัฐบาลตามสิทธิในรัฐธรรมนูญเป็นแก๊งมาเฟียและกลุ่มอันธพาลการเมืองที่อยู่เหนือกฎหมาย

การเมืองแบบตัวแทน กับ การเมืองแบบไฮเพอร์

8 September, 2008 - 08:25 -- prasart

1. คำนำ

ขณะนี้มีผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังครุ่นคิดถึง
"การเมืองใหม่" ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่ามันคืออะไรกันแน่ ทราบแต่ว่า "การเมืองเดิม" ซึ่งก็คือการเมืองแบบตัวแทน (representative democracy) กำลังมีปัญหาหลายอย่างและรุนแรงขึ้นทุกขณะ

บทความนี้จะนำเสนอความล้มเหลวของ "การเมืองแบบตัวแทน" อย่างสั้นๆ พร้อมกับนำเสนอ "การเมืองแบบไฮเพอร์ (hyperpolitics)" ให้พอเป็นประกายเบื้องต้น หากสังคมนี้สนใจก็มีช่องทางให้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมกันต่อไป

2. สาเหตุความล้มเหลวของการเมืองแบบตัวแทน

เราท่องกันจนขึ้นใจมาตั้งแต่วัยเด็กแล้วว่า สาเหตุสำคัญของการมี "การเมืองแบบตัวแทน" คือเป็นเพราะคนมันเยอะ สภามันแคบจึงต้องมีการเลือกตั้ง "ผู้แทน" เข้าไปพูด ทำหน้าที่แทนเราในสภา

คำถามก็คือว่า แล้วผู้แทนที่เราเลือกเข้าไปแล้ว ได้ทำหน้าที่ตามเจตจำนงที่ประชาชนผู้เลือกตั้งได้กำหนดไว้หรือไม่ ขอย้อนไปดูตัวอย่างที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ สักสองตัวอย่าง

พันธมิตร ฯ จะไปถึงไหน?

3 September, 2008 - 13:49 -- maythas

ไม่ต้องเป็นผู้ฉลาดหลังเหตุการณ์เราก็จินตนาการได้ไม่ยากว่าการชุมนุมก่อน 19 กันยายน 2549 ของกลุ่มพันธมิตร ฯ นั้นเป็นการออกบัตรเชิญให้ทหารทำรัฐประหารแม้ว่าบางคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชุมนุมของพันธมิตร ฯ หลังพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ไป ๆ มา ๆ ก็เหมือนเดิมคือการออกบัตรเชิญให้ทหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกคำรบหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพลังประชาชนได้บทเรียนมาแล้วก่อนหน้านี้ และได้รู้ว่าความผิดพลาดในรายละเอียดเพียงนิดเดียวอาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยึดอำนาจรอบสองได้ รัฐบาลจึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการกับม็อบพันธมิตร ฯ แต่โอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่มี โอกาสที่จะเกิดรัฐประหารก็มีเหมือนกันทั้งนี้เพราะม็อบพันธมิตร ฯ ได้รับการหนุนหลังจากคนหลายกลุ่มรวมทั้งสื่อมวลชนกระแสหลัก

การชุมนุมเคลื่อนไหวของพันธมิตรนั้นเรียกได้ว่า "ทำลายสถิติ" น่าฉงนใจอย่างยิ่งว่าแรงผลักดันชนิดใดหนอที่ทำให้คนมาเข้ากลุ่มรวมตัวกันได้ยาวนานขนาดนี้ บางคนอธิบายว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เมื่อมีคนไปจ้างให้มาชุมนุม ประชาชนก็มา แต่ผมเชื่อว่าหลายคนที่ไปชุมนุมกับพันธมิตร ฯ นั้นไม่เกี่ยวกับค่าจ้าง แต่เป็นความเชื่อฝังหัวบางประการ รวมทั้งความเชื่อที่ว่าในที่สุดกลุ่มพันธมิตร ฯ จะได้รับชัยชนะ

ส ร ร นิ พ น ธ์ ว่า ด้ ว ย : 'พั น ธ มิ ต ร-ทั ก ษิ โ ฌ มิ ก ส์' และ 'เ ย็ น ฝ น ฉ่ำ + ด อ ก ไ ม้ เ บิ ก บา น'

( 1 ) ย็ ฉ่ำ + ม้ บิ บา

แ ร กกำเนิดโลกไม่ว่าจะเป็นทฤษฏี " BIG BANG " (การระเบิดใหญ่) ของจักรวาล อะไรก็ตาม ฯลฯ แล้วจึงก่อเกิดเป็นดาวโลกและดาวอื่นๆ ขึ้นมา ...

สรรพสิ่ง สรรพชีวิต จึงเริงระบำรำร่ายฟ้อน บังเกิดเป็น มนุษย์ คน พืช สัตว์ ดำงอยู่บนโลกสีเงินดวงนี้อย่างศานติสุข ไร้พรมแดน ไร้ชนชาติ ไร้สีผิวเผ่าพันธุ์ ฯลฯ ตราบจนมนุษย์ อ วิ ช ชา แบ่งแยกเป็นประเทศ สีผิว เผ่าพันธุ์ ฯลฯ กดขี่ข่มเหง รังแก รุกราน เพือนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น "คนขาว" ที่ล่องเรือมารุกรานพี่น้อง "อินเดื่ยน" อเมริกาเหนือ, อเมริกากลาง, อะเมซอน, อาฟริกา ฯลฯ จักรวรรดินิยมอังกฤษ รุกรานปล้นชิงดินแดนของพีน้องชนเผ่า "อะบอริจิน" ในออสเตรเลียและพีน้องชนเผ่า "เมารี" ในนิวซีแลนด์ ฯลฯ และเผด็จการระบบศักดินารัตนโกสินทร์ในอดีตรุกรานดินแดนล้านนา, อิสาน, พี่น้องมุสลิมภาคใต้ (ซึ่งก่อให้เกิดปัญหา เข่นฆ่ากัน ณ ปัจจุบันนี้!)
ซึ่งเราไม่อยากเห็นบรรยากาศแบบนี้ ที่เป็นแบบ "มึงอุ้มฆ่ากู กูก็ฆ่ามึง" (จะแก้ไขปัญหาดินแดนสามจังหวัดภาคใต้ ต้องแก้ไขที่ ต้ น เ ห ตุข อ ง ปั ญ หา )

ด้ ว ย ความโลภ โกรธ หลง และการแสวงหาผลประโยชน์ ฯลฯ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่มีการแบ่งแยกพรมแดน
ประเทศ โ ล ก ล้ ว น เ ป็ น ห นึ่ ง เ ดี ย ว !!! (" WE ARE THE WORLD") สำหรัน ฉั น นั้นต้องทำความเข้าใจก่อน ว่า ฉั น มิใช่ คนไทย ฉั นเป็นเพียงมนุษย์เท่านั้น ที่ฉั นจำเป็นต้องมีบัตรประชาชน และมีทะเบียนบ้านก็เพราะชนชั้นปกครองที่มีอำนาจรัฐมากดขี่จิตวิญญาณอิสระเสรีแห่งฉั น มาครอบงำรากเหง้าวิถีชีวิตแห่ง ฉั น และพวกท่านด้วย ฯลฯ

ค วา ม โ ล ภ หลง ความบ้าคลั่ง ความอวิชชา ประเภท * "ล้า ห ลั ง - คลั่ ง ชา ติ" คิดว่า ตัวเอง ประเทศสมมุติของตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ประเทศอื่น ฯลฯ จึงนำพาไปสู่การทำสงคราม การกดขี่ข่มเหง รุกราน ไร้คุณธรรม ไร้สันติภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ ฯลฯ จึงฝันไปเถิดเพื่อนมนุษย์เอ๋ย เราพึงเข้าใจในสาเหตุหลักนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ จนกว่าพระอาทิตย์จะดับสูญ " BLOWING IN THE WIND " ...  " เพื่อนเอ๋ย คำตอบนั้นอยู่ในสายลม ... "

กวีเกรียน (2)

บทความที่แล้วพยายามจะให้ความหมายของ “กวีเกรียน” ว่ามีลักษณะอย่างไร แล้วเมื่อลองมาวิเคราะห์ พิจารณา สามารถสรุปรวบยอดได้ว่า กวีเกรียน นั้นเดินทางล้าหลัง อยู่ถึง 3 ก้าวด้วยกัน


ก้าวที่ 1 คือ ขาดการทบทวนอดีต ไม่สามารถนำอดีตมาเป็นบทเรียนได้ ไม่สามารถสกัดเก็บซับเอาข้อดี ข้อเสียในอดีตมาเป็นฐานคิดในการวิเคราะห์สังคมการเมือง


จะว่าไปบทเรียนในอดีตของสังคมไทยก็มีให้ศึกษาเรียนรู้อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง 2475, การต่อสู้ของเสรีไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการในอดีตหรือกระทั่งการต่อสู้อยู่ในป่าของพคท.ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อหาการต่อสู้อันเข้มข้นที่เป็นขุมทรัพย์ของการเรียนรู้และแรงดลใจ แต่กวีกลับเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้แบบผิด ๆ


ก้าวที่ 2 คือ ตามสังคมไม่ทัน กวีอาจมัวเมาหมกมุ่นอยู่กับจิตวิญญาณหรืออะไรที่สูงส่งเสียจนไม่ทราบว่าโลกได้ก้าวไปถึงไหนแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่กวีมักจะมองไม่เห็นข้อดีของความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและมักจะมีท่าทีต่อต้านความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในโลกทุนนิยม กวีต่อต้านทุนนิยมโดยไม่ตระหนักแม้แต่นิดเดียวว่าตนเองเป็นผู้หนึ่งที่ช่วย “แบก” ให้โลกแห่งทุนนิยมเคลื่อนไปข้างหน้า กวีประณามนายทุนในขณะที่นั่งดื่มไวน์ชั้นดีหรือใช้เทคโนโลยีที่นายทุนผู้นั้นเป็นเจ้าของ


ก้าวที่ 3 มองไปข้างหน้าไม่ได้ สองข้อที่กล่าวมาทำให้กวีไม่สามารถมองไปข้างหน้าอย่างถูกต้อง แม่นตรงได้ ไม่สามารถประเมินแนวโน้มหรือจับทิศทางความเป็นไปของโลกและสังคม ขาดวิสัยทัศน์ คาดการณ์ผิดพลาด

"พรีเมียร์ลีก" อุตสาหกรรมที่ "แรงงาน (ตัวเล็กๆ)" ถูกมองข้าม!?

 

วิทยากร  บุญเรือง

ขณะที่ Frank Lampard ดาวเตะแข้งทองของทีม Chelsea พึ่งบรรลุข้อตกลงสัญญา 5 ปีที่มีมูลค่าสูงถึง 39.2 ล้านปอนด์ โดย Lampard จะได้รับค่า 151,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 3,775 ปอนด์ต่อชั่วโมง! แต่จากการสำรวจของ The Fair Pay Network และ Institute of Public Policy Research (IPPR) พบว่าพนักงานทำความสะอาด พ่อครัวแม่ครัว และแรงงานตัวเล็กๆ ทั้งหลาย ของสโมสรอย่าง Chelsea, Spurs, Arsenal, West Ham และ Fulham กลับได้รับค่าเหนื่อยจากสัญญาจ้างค่าแรงขั้นต่ำแค่ 5.52 ปอนด์ต่อชั่วโมงเท่านั้น

ระหว่างคนรักและเกลียด ทักษิณ ชินวัตร หลุมดำของสังคมไทย

21_8_01 

ใช่
ผมรักทักษิณ
เพราะผมมีเหตุผลของผมที่จะรักทักษิณ
ใช่
ดิฉันรักทักษิณ
เพราะดิฉันมีเหตุผลของดิฉันที่จะรักทักษิณ
ใช่
หนูรักทักษิณ
เพราะหนูมีเหตุผลของหนูที่จะรักทักษิณ
ใช่
พวกเรารักทักษิณเพราะพวกเราต่างมีเหตุผลที่จะรักทักษิณ
เพราะเราต่างมองเห็นคุณงามความดีของเขา
และเราจะพยายามช่วยกันปกป้องเขาจนถึงที่สุด

ใช่
ผมเกลียดทักษิณ
เพราะผมมีเหตุผลของผมที่จะเกลียดทักษิณ
ใช่
ดิฉันเกลียดทักษิณ
เพราะดิฉันมีเหตุผลของดิฉันที่จะเกลียดทักษิณ
ใช่
หนูเกลียดทักษิณ
เพราะหนูมีเหตุผลของหนูที่จะเกลียดทักษิณ
ใช่
พวกเราเกลียดทักษิณเพราะพวกเราต่างมีเหตุผลที่จะเกลียดทักษิณ
เพราะเราต่างมองเห็นความชั่วร้ายของเขา
และเราจะพยายามช่วยกันทำลายเขาจนถึงที่สุด

ดอกไม้ในสวนแม่ : ความสงบท่ามกลางความรุนแรง

1

ทั้งๆที่มีทะเบียนบ้านและอาศัยอยู่ที่นนทบุรีมามากกว่า 10 ปี แล้ว และก่อนหน้านั้นก็อยู่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น อุบลฯ ชลบุรี และอื่นๆอีกหลายแห่ง แต่เวลาที่มีใครก็ตามมาถามว่าเป็นคนที่ไหน (ไม่ได้ต้องการคำตอบแบบมุขตลกว่า ที่ไหนๆ ก็เป็นคนนะ) ผู้เขียนก็ตอบว่า “เป็นคนปัตตานี” แม้ว่าจริงๆ แล้วไปปัตตานีไม่เคยเกิน 7 วันต่อปีเลยสักครั้ง และบางปีก็ไม่ได้ไปเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ปัตตานีค่อนข้างน้อย มาถึงวันนี้ที่แม้มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ในยามที่เดินทางไปปัตตานี ก็จะเรียกว่า “กลับบ้าน” อีกเช่นกัน

เรื่องการบอกว่าเป็นคนที่ไหนของไทยนั้น เชื่อว่าคนอื่นๆ ก็เช่นกันคงไม่พ้นต้องตอบตามที่เกิดของตนเอง หรือบ้านที่พ่อแม่อยู่ เพื่อนฝูง คนรู้จักส่วนใหญ่ หรือแม้แต่บุคคลสำคัญๆ ที่แม้ว่าจะอยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่เด็กก็ยังบอกว่าตัวเองเป็นคนจากจังหวัดที่เป็นบ้านเกิด หรือคนกรุงเทพฯ ที่ย้ายไปอยู่ที่อื่นนานหลายสิบปีก็ยังเรียกตัวเองว่าเป็นคนกรุงเทพฯ อยู่นั่นเอง

พูดถึงที่ปัตตานีบ้านเกิด ในวันนั้นเผอิญได้แวะไปแบบไม่ได้ตั้งใจกลับบ้าน แล้วบังเอิญอีกเช่นกันว่ามาตรงกับที่รัฐบาลประกาศปรับคณะรัฐมนตรีพอดี นั่งชมข่าวอยู่กับครอบครัว หลังข่าวจบก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ชุด แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่ประการใดจากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาของคนที่นั่นว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น คนที่นั่นต่างเดาได้ว่า “นี่เป็นการระเบิดต้อนรับ ครม.ชุดใหม่” หมายถึงว่าหยั่งเชิงอำนาจดูว่า จะทำอะไรได้หรือไม่ (แล้วก็ไม่มีใครทำอะไรได้จริงๆ)

Pages

Subscribe to วิพากษ์