นาโก๊ะลี
เรื่องเล่าในแถบถิ่นภูเขา และเผ่าชนบนภูเขานั้น หลายต่อหลายเรื่อง หลายต่อหลายคราว มักมีเรื่องราวแห่งการเดินทาง และนักเดินทางอยู่เสมอ ณ แผ่นดินนี้ จากเทือกผีปันน้ำ ถึงถนนธงชัย จรดตะนาวศรี หมู่บ้านเล็กๆ แทรกตัวอยู่บนภูเขามานานนัก นับจากหมู่บ้านที่มีสามหลัง ห้าหลัง ถึงหมู่บ้านที่มีนับสิบนับร้อยหลัง จัดวางอยู่บนขุนเขาสลับซับซ้อน และนั่นเอง ขุนเขาใหญ่ที่ยาวเหยียดนี้จึงเต็มไปด้วยหนทางนับร้อยนับพันทาง เชื่อมโยงต่อสายถึงกันและกัน ในวิถีแห่งการเดินทางนี่เอง จึงทำให้เราพบเสมอว่า เมื่อเราเยือนถิ่นทางเหนือ เรามักคนจากทางใต้ อยู่ ณ แดนเหนือ เมื่อเราเยือนถิ่นทางใต้ เราก็มักพบคนที่มาจากถิ่นทางเหนือ นั่นจึงนับว่าภูเขาที่ยาวเหยียดนั้นผู้คนที่เดินทางอย่างช้าๆ สืบสานสร้างสัมพันธ์ระหว่างกัน เชื่อมโยงเกี่ยวดอง กลายเป็นพี่เป็นน้องร่วมสายเลือด แลกเปลี่ยนสืบสานเรื่องราว และวัฒนธรรม นั่นนับเป็นวิถีแห่งภูเขามาเนิ่นนานไกลออกไปในแถบถิ่นทางราบทั้งต่ำ สูง ในเรื่องเล่าเรื่องราวทั้งหลาย แม้หนทางไม่ได้ลำบากดั่งภูเขา แต่ทุ่งก็ยังมีเรื่องเล่าของการเดินทาง และนั่งเดินทางแห่งท้องทุ่งอยู่เสมอ เกวียน หรือช้างม้า เป็นพาหนะที่พาผู้คนเดินทางจากทุ่งหนึ่ง ถึงอีกทุ่งหนึ่ง หรือกระทั่งการเดินเท้าก็ยังมี ทั้งหมดนั้นอาจเหมือนหรือต่างในจุดหมายก็สุดแท้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายจะเป็นส่วนหนึ่งของคนเดินทาง ก็คือการสร้างสานความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในต่างแถบถิ่นทุ่ง นั่นทำให้ชีวิตได้แสวงหาสิ่งที่ขาดหายไปในแถบถิ่นตน บ้านหนึ่งมีพริก บ้านหนึ่งมีข้าว บ้านหนึ่งมีปลา แลกเปลี่ยนเวียนผ่านว่ากันไป เป็นวิถีที่งดงาม ว่ากันไปถึงเชื่อมต่อเผ่าพันธุ์โยงใยสายเลือดเป็นญาติพี่น้องเกี่ยวดองกันไปสืบสายชีวิตว่ากันไปหลายครั้งหลายหน เมื่อยามที่เราได้พบผู้คนต่างถิ่น เมื่อมิตรภาพก่อเกิด ต่อเนื่องสนทนาบางครั้งเราพบว่า ที่แท้แล้วแม้เราสองมาจากต่างแผ่นดิน แต่เรากลับสืบสายเลือดมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน นั่นไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ.....กาลเวลาและยุคสมัยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับการเดินทาง ที่เคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วเช่นกัน ทางระหว่างดอยกับอีกดอยยังไกลเท่าเดิม แต่พาหนะที่พาเราไปวิ่งได้ไวกว่าเดิมหลายเท่า และทางก็กว้างใหญ่ขึ้น ดั่งเดียวกับทางระหว่างทุ่ง และผู้คนสามารถเดินทางพร้อมกันได้ทีละมากๆ นั่นเองวัฒนธรรมการเดินทางจึงเปลี่ยนไป ผู้คนไม่ได้สนใจต้นไม้ใบหญ้า ท้องฟ้าแสงตะวันและผู้คนรอบข้างอีกต่อไป ระหว่างทางไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนเรื่องเล่า อาหาร และการเกื้อกูล แต่ต่างคนต่างรักษาพื้นที่ของตัวเอง ท่ามกลางผู้คนมากมายนั้น ทุกคนต่างมุ่งแต่เป้าหมายตน บางครั้ง....ยิ่งเป็นวิธีการเดินทางราคาถูก ก็ยิ่งยากลำบากนัก ในยานพาหนะที่มีมิตรภาพน้อยนิดนั้นบางครั้งยังเป็นบ่อเกิดแห่งการแก่งแย่งข่มเหงรังแก ยากนักที่ผู้คนจะได้พุดคุยสนทนาสืบสาวเรื่องราวสายเลือด และหนทางของบรรพชนจะกระไรหนอ นานๆ ครั้งหรอกที่เราได้พบน้ำใจไมตรีที่ยังหลงเหลือของมนุษย์ในระหว่างการเดินทาง นั่นก็แน่นักว่า ภาพภาวะนี้อาจเป็นเรื่องที่ผู้คนจะไถ่ถามหา เพราะวันนี้อาจจะเป็นภาพที่งดงามที่สุดสำหรับมนุษย์ในอีกยุคข้างหน้าโน้น.....