(เขียนเมื่อ 31 ธ.ค.51)
จันทร์ ในบ่อ
สิ้นปีกันเสียที บรรยากาศตึงๆ ปีนี้อาจทำให้ใครหลายคนอึดอัดและทำท่าจะลากยาวไปถึงปีหน้า ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนสู้ๆ กับปัญหาที่รุมเร้า แต่ถ้าเครียดมากลองผ่อนคลายกันด้วยการหาหนังดูมาสักเรื่องสองเรื่อง จะซื้อ จะเช่ามานั่งดูที่บ้านหรือจะออกไปดูตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ ก็ได้ ลองออกจากโลกความจริงไปอยู่ในโลกอื่นสักชั่วโมงสองชั่วโมงอาจจะสบายใจขึ้น
ส่วนถ้าใครยังไม่รู้จะดูเรื่องอะไร ที่ไหนอย่างไร ผมก็มีโปรแกรมหนังรับปีใหม่มาฝาก เป็นหนังฟรีกลางแปลงครับ
หลายคนคงไม่ค่อยทราบว่าที่มหาวิทยาลัยศิลปากรจะจัดเทศการหนังกลางแปลงกันทุกปี ในวันที่ 7-8-9 มกราคม 2552 นี้ก็วนมาอีกรอบเข้าสู่ปีที่ 15 ใช้ชื่องานว่า ‘มุง – หนัง – กลาง - แปลง’ ชวนให้ไปมุงดูกัน มีทั้ง ลิเกออกแขก ออกร้าน และดนตรีอะคูสติกเบาๆ จากเพลงประกอบหนังเพื่อเพิ่มบรรยากาศตั้งแต่ยามเย็นไปถึงย่ำค่ำ ถ้าไม่มีอะไรดูก็ดูนักศึกษาไปก่อนก็ได้ เพราะบางทีนักศึกษาที่นี่ก็ ‘แปลก’ เหมือนกัน
ปีนี้มีหนังน่าสนใจหลายเรื่อง หลายรส หลายอายุ เรียกได้ว่ามีทั้งหนังเก่า ใหม่ ไทยเทศคละกันในลักษณะแบบงานวัด แม้แต่หนังเกาหลีเทรนด์หนังล่าสุดก็มีมาฉายให้ลองตลาด
วันที่ 7 มกราคม 2552 เปิดเทศกาลด้วย ‘เพื่อเพื่อน เพื่อฝัน เพื่อวันเกียรติยศ’ สำหรับเกียรติยศแก่ ‘พิเศษ สังข์สุวรรณ’ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งที่ผ่านมา พิเศษ สังข์สุวรรณ ได้ฝากฝีมือการแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ไว้ให้วงการหนังและได้รับรางวัลจากการทำเพลงหลายเรื่อง อาทิ ทองพูน โคกโพธิ์, มือปืน, มือปืน 2 สาละวิน, กล่อง, หมานคร, เสียดาย, คนเลี้ยงช้าง ฯลฯ
ส่วนในเรื่องนี้เป็นบทบาทของ พิเศษ สังข์สุวรรณ ในฐานะนักแสดง พิเศษรับบทเป็น ‘ลุงไม้’ สำหรับคนที่คิดถึงนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์มือดีผู้เดินทางจากไปผู้นี้คงอิ่มใจที่จะได้เห็นเขากลับมาเคลื่อนไหวพูดคุยอีกครั้งแม้บนแผ่นฟิล์มก็ตาม
เรื่องต่อมาที่จะฉายเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นน่ารักๆ เรื่อง ‘Wall – E’ หุ่นยนต์เก็บขยะน้อยกับสาวสุดเฉี่ยวที่เพิ่งสร้างความประทับใจในโรงหนังเมื่อไม่นานมานี้จะกลับมาอีกครั้ง และคืนแรกปิดท้ายด้วยภาพยนตร์เกาหลีสุดโรแมนติก ‘The Classic’ ใครที่เคยดูแล้วก็ต้องพูดตรงกันว่า “มัน..คลาสสิก”
วันที่ 8 มกราคม 2552 เริ่มต้นด้วยหนังการ์ตูน ‘ Kung Fu Panda’ ซึ่ง ‘นพพร ชูเกียรติศิริชัย’ เคยกล่าวถึงก่อนหน้านี้ใน Cinemania แห่งนี้ กลับไปหาดูบทวิจารณ์ก่อนชมได้ ในขณะที่เรื่องต่อมาคอกัญชาและสุราไม่น่าพลาด เพราะมันคือเรื่อง ‘พันธุ์หมาบ้า’ อันเป็นภาพสะท้อนวัยหนุ่มที่ใช้ชีวิตอันสุดบรรเจิดเพริศพิไล จากบทประพันธ์อมตะของ ‘ชาติ กอบจิตติ’ คู่หู ไท (อำพล ลำพูน) และออตโต้ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง)รวมทั้งผองเพื่อนจะมาบ่มอารมณ์หนุ่มสาวจนเป็นบรั่นดีรสนุ่ม วิสกี้รสแรง และหวานเอียนควันพันลำและบ้องตัน
ใครมาดูจะนำไอ้ที่ว่าติดมืออาจเข้าทีและเข้าดีกับหนัง แต่เรื่องคุกตะรางที่ตามมานั้นขอให้เป็นเรื่องตัวใครตัวมันนะครับ
ปิดท้ายวันกันด้วย ‘รักแห่งสยาม’ ที่อาจถือว่าเป็นไฮไลท์ของวันและอาจของเทศกาลเลยก็ได้ เพราะเป็นหนังที่ยังถือว่าสดใหม่เพิ่งผ่านตา มีกระแสฮือฮาและตอบรับดีเยี่ยม อีกทั้งได้รับการยกให้เป็นหนังแห่งปี 2550 จากนิตยสารไบโอสโคป
หนังเรื่องนี้จึงน่าสนใจทีเดียวที่จะตั้งคำถามว่า หนังรักเรื่องหนึ่งทำไมจึงประสบความสำเร็จสูงมาก เป็นเพราะเทคนิคทางการตลาดที่ปกปิดประเด็นหลักของหนังไว้อย่างเหนียวแน่นก่อนการฉายที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นหนังรักธรรมดา แต่พอดูก็ต้องรู้สึกผิดคาดเมื่อความรักมันมีประเด็นซับซ้อนจนต้องบอกต่อเล่าลือกันปากต่อปาก
หรือเป็นเพราะนักวิชาการและนักวิจารณ์ที่สามารถจับทฤษฎีมาอธิบายได้อย่างเข้าที่เข้าทางโดยเฉพาะประเด็นชายขอบและเพศสภาพ หรืออาจเป็นเพราะเพลงประกอบที่ลงตัวในการพูดแทนความรู้สึกของตัวละครได้ หรือจะเป็นเพราะเด็กดาราหน้าใส (มาก) หรือที่สุดแล้วองค์ประกอบทั้งหลายแหล่นั้นมาประกอบกันจนทำให้สามารถถกเถียงกันได้ตลอดเวลาจนกลั่นกรองสุดท้ายได้ว่าหนังเรื่องนี้ดีจริงๆ
เทศกาลหนังกลางแปลงครั้งนี้ก็จะเป็นอีกโอกาสที่จะได้ไปดู ไปถก และไปคิดกันต่อเอง
วันที่ 9 มกราคม 2552 เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลหนังกลางแปลง และเริ่มด้วยหนังที่จะทำให้ได้กลิ่น ‘กลางแปลง’ แบบงานวัดในอดีตด้วย หนังจีน ‘ไอ้หนุ่มหมัดเมา’ ก็ได้มาวาดลวดลายกังฟูในงานเช่นกัน และเรื่องนี้นักศึกษาขอพากษ์สดเอง
อีกเรื่องในวันสุดท้ายคือ SURPRISE FILM (ภาพยนตร์ต้อนรับปีใหม่) อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอย่างไร แต่อาจจะมีอะไรให้ประหลาดใจก็ได้
เทศกาลจะปิดด้วย ‘Armagadon’ หนังที่หลายคนรู้จักกันดีโดยเฉพาะเพลงประกอบหนังที่สุดกินใจจาก Aerosmith
นอกจากนี้ ทุกๆ คืนจะคั่นเวลาด้วยหนังสั้นที่ชนะการประกวด Film in U
เริ่มเทศกาลเวลา 18.00 น.ทุกวัน ณ สนามบาส มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ดีที่สุดตรงที่ไม่เสียค่าเข้าชมครับ
ความเห็น
ผมก็ชมหน
ผมก็ชมหนังกลางแปลงมาหลายอยู่ตามงานวัดงานรื่นเริงหรืองานศพ
แต่พอได้อ่านบทความนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้ผมอยากไปชมหนังกลางแปลงที่แสนธรรมดาแต่ความรู้สึกพิเศษที่อิ่มไปกับบรรยากาศ
คงเป็นเพราะรูปแบบงานกับหน้าหนังกระมัง
เพราะฟรีด้วยแหละ555
น่าสนุกจ
น่าสนุกจัง
ผมเคยได้ยินเค้าร่ำลือมานานหลายปีและ งานหนังกลางแปลงของที่นี่เนี่ย
ถ้าว่างจะพยายามไปให้ครับ
ปล.เข้าชมฟรี แล้วเบียร์ฟรีไม่มีวันหมดด้วยรึเปล่าครับ
ผมจะอยู่
ผมจะอยู่สดับรับชมหนังกลางแปลงครั้งนี้ให้ได้
มีหนังหลายเรื่องที่ผมประทับใจและอยากดูมาก
มันเป็นง
มันเป็นงานที่น่าสนใจมาก
มันเป็นศิลปะการดูหนังกลางพื้น
ที่มีแค่เสื่อ หนัง และเรา
อยู่ในโลกแห่งการรับรสชาตแห่งหนัง
ไม่ไปไม่ได้แล้วหละคับ
อ่านแล้ว
อ่านแล้วน่าสนใจจังเลยค่ะ
ทำสำคัญ ฟรี ด้วยแฮะ
ชอบของฟรี 555
เราว่าถ้าว่างต้องมาดูแล้วหละ
หนังเยอะด้วยแฮะ
ผสมเก่าบ้างใหม่บ้าง หลายรสชาติจังเลย
เป็นงานท
เป็นงานที่น่าสนใจมาก มหกรรมหนังครั้งยิ่งใหญ่ ณ วังท่าพระ ขนาดนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้ว!!! วู้วววววววววว!!
ว้าวว้าว
ว้าวว้าว
มีเพื่อนชวนเพื่อน
มีพี่ชวนพี่
มีแฟนชวนแฟน
ถ้าไม่มีไปหาเอาที่งานได้เลย!
ไม่พลาดแน่นอนค่ะ
>_<
วะวะวะว้
วะวะวะว้าวววววววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!
ว้าวววว ไ
ว้าวววว ไม่น่าจะพลาดแน่นอนค่ะ ^^
ว่าแต่ขออนุญาตนำข้อความนี้ไปโพสโปรโมตชวนเพื่อนๆหน่อยนะคะ
อยากให้คนมาเยอะๆๆๆๆๆ
ขอบคุณค่า
ผมคิดว่า
ผมคิดว่าถ้าผมได้เห็ภจะาพนันคงดีมากๆ
โอ .. ได้ย้
โอ .. ได้ย้อนกลับไปเมื่อสมัยเด็กละ
หนังกลาง
หนังกลางแปลงมีประโยชน์มาก คนที่ไม่ค่อยมีฐานนะจะสามารถผ่อนคายได้ ตอนเด็กๆก็ไปดูหนังกลางแปลงบ่อยๆ
มันเป็นง
มันเป็นงานที่น่าสนใจมากเลยค่ะ
ผมคิดว่า
ผมคิดว่าถ้าผมได้เห็นจาพนมคงดีมากๆ
ไม่พลาดแ
ไม่พลาดแน่นอนค่ะ
ต้องไปดู
ต้องไปดู ไม่พลาดแน่นอน
เดี๋ยวนี
เดี๋ยวนี้หาหนังกางแปลงดูยากแล้ว ไม่รู้ไปหาที่ไหน
สุดยอดจร
สุดยอดจริงๆขอบอกเก่าเสียไม่มี แต่ก็ น่าดูครับ ^__^
ลืมบอกไป
ลืมบอกไป หนังของเฉินหลงดูไปทิดที่แล้วหนุกมาก เก่งแต่ก็ มันมาก ฝีมือล้วนๆ