ฉบับ10-11: ฉันเห็นคุณจากฝั่งธรรมศาสตร์ ผมฟังเรื่องคุณอยู่ที่นากุ้ง

ฉบับ 10 - ฉันเห็นคุณจากฝั่งธรรมศาสตร์

Just wake you up when September ends
30 กันยายน 2552 @ my place
 
ฮัลโหลคุณดา,
 
เคยเห็นคุณดาที่ริมฟุตบาธสนามหลวงฝั่งธรรมศาสตร์หลายครั้งหลายครา แต่เราไม่เคยคุยกันหรอกค่ะ
 
ตอนพลบค่ำของหลายวัน เดินออกจากมหาลัย ข้ามฝั่งมาสนามหลวงเพื่อร่วมชุมนุม มักจะได้ยินเสียงคุณดาจากโทรโข่ง ก็แวะฟังบ้างตามโอกาส มีคนมามุงฟังเยอะแยะ แทบจะมองไม่เห็นคุณดา ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าคุณดาเป็นผู้หญิงที่ "ฮอต"มากจริงๆ เพราะปกติ
แควนๆ มักจะมะรุมมะตุ้มนักปราศรัยผู้ชายซะเป็นส่วนใหญ่ :P
 
จนเมื่อวันหนึ่งตอนค่ำๆ ก็จำคุณภาพคุณดาได้มากขึ้น
 
วันหนึ่งวันนั้นก็คือวันฉลองอะไรซักโอกาสของธรรมศาสตร์ ตอนค่ำๆ กำลังนั่งอยู่ที่ตึกคณะ ได้ยินเสียงดังมาจากหน้าหอใหญ่ ก็เลยวิ่งไปดู เลยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นทำได้แค่ยืนมองและฟังเสียงอยู่ในรั้ว และกลับบ้านไปเช็คข่าวในอินเทอร์เน็ต
 
วันนั้น แม้จะเราจะยืนกันคนละฝั่ง (ถนน) แต่เราก็อยู่ข้างเดียวกัน
 
วันนี้ก็เหมือนกันค่ะ แม้คุณดาจะอยู่ในที่ที่ไม่มีอิสรภาพ ราวอยู่กันคนละโลก แต่เราก็อยู่ข้างเดียวกัน
 
นั่นคือข้าง "ประชาธิปไตย" ที่เรายึดถือว่าอำนาจสูงสุดมาจากและเป็นของประชาชน หาใช่คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ที่อ้างว่ามีการศึกษาดี พูดดี มาดดี หรือบอกคนทั้งโลกว่าเป็นคนดี
 
ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งข้างหน้าสังคมไทยจะเปิดกว้างยอมรับความหลากหลายในเรื่องต่างๆมากขึ้น ทั้งเรื่องความคิด อุดมการณ์ และอื่นๆ รวมทั้งเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยความแฟร์และเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ค่ะ
 
หากวันนั้นมาถึง ที่ๆกักขัง "นักโทษการเมือง" คงจะโล่ง ไม่แออัดเหมือนเช่นทุกวันนี้ ว่ามั้ยคะ?
 
วันสองวันหรือปีสองปี ทุกวินาทีมีการเปลี่ยนแปลง วันหนึ่งจะเป็นวันของ "เรา" ค่ะ
 
 
From : Anonymous Cat
 
 
 
-----------------------------------------------------
 
 
ฉบับ 11 - ผมฟังเรื่องของคุณอยู่ที่นากุ้ง
 
 
29 กันยายน 2552
 
ถึง คุณดารณี
 
ผมได้รับรู้เรื่องราวของคุณมาบ้าง และได้เห็นคุณอยู่บ่อยๆ รู้สึกเห็นใจและก็หวังว่าคุณคงจะมีความเป็นอยู่ที่ไม่ลำบากเกินไปนัก บ้านผมเองอยู่ใกล้ กทม.อาชีพทำนากุ้ง งานก็ไม่มีอะไรมาก สบายๆ ไม่มีลูก เลี้ยงหมา 2 ตัว พันธุ์โกลเด็นท์รีทรีฟเวอร์ อายุ 9 ปี กับ 5 ปี มันเป็นพ่อลูกกัน ตัวลูกชอบอิจฉาพ่อมัน เวลาเรียกพ่อมันมาหามันก็จะกันท่า อุ้มเด้กก็ไม่ได้ เห่าไม่เลิกจนกว่าจะเอาเด็กลงมันถึงจะเลิกเห่า
แต่มันก็น่ารักทั้งคู่ มีอิสระเกือบทุกอย่าง ตอน เช้า-เย็น หลังกินข้าวเสร็จก็จะได้ออกนอกบ้านไปวิ่งเล่น ก็อย่างที่บอก ที่บ้านทำนากุ้ง มีที่ให้มันวิ่งเล่นกัน วิ่งตามคันนากุ้ง วิ่งเข้าดงหญ้าบ้าง แล้วก็วิ่งกลับมาหาหน้าตาร่าเริง บางครั้งเจ้าตัวลูกไปติดสาวข้างบ้าน สาวไปไหนมันก็ตามเขาไปไม่ยอมกลับบ้าน นานผิดปกติก็ตามออกไปดู ปรากฏว่า มันตามสาวข้างบ้านไปทะเล (อ้อ ลืมบอกว่านากุ้งอยู่ติดทะเล) ตอนกลับมาบ้านเดินหูตกหัวลีบ กลัวจะโดนตี แต่ก็ไม่เคยทำโทษกัน ไม่เคยขัง เวลาไม่อยู่บ้านวันสองมัน กลับมามันจะดีใจมาก กระโดดใส่ ดมทั้งตัว เป็นความรู้สึกที่ดี ทั้งคนทั้งหมา คุณดารณีล่ะครับ มีสัตว์เลี้ยงบ้างหรือเปล่าครับ ถ้าคุณดารณีเลี้ยงหมาไว้ มันคงเฝ้าคอยคุณกลับมาลูบหัวมัน ให้ข้าวมันเหมือนอย่างที่เคยทำ
 
สุดท้ายนี้ ขออวยพรให้คุณดารณีกลับบ้านไปหามันในเร็ววันนี้ ขอให้สุขภาพกายและจิตใจแข็งแรง
 
จนกว่าจะถึงวันนั้น
 
มานะ เตียวนิชย์

ความเห็น

Submitted by คุณนายสีหวาน on

สู้ๆๆๆๆ

Submitted by หุหุ on

อ้าว ตกลงฉบับแรกนั่นแมวหรือหมีนิ อิอิ

ไม่รู้ถึงเจ้าตัวมั่งหรือเป่า

Submitted by มะม่วง on

เห็นจดหมายจากหลายมุม
พอดี เราก็เลี้ยงหมา เลี้ยงแมว และเห็นด้วยกับคุณมานะเต็มๆ ค่ะ

คนคนหนึ่งจำต้องหายไปจากที่ที่เคยอยู่
สะเทือนหลายชีวิตจริงๆ

หมาเมืองไทยบางท่าน ยังมีอิสรภาพและสถานภาพดีกว่าคน ฮ่วย. . .

Submitted by คนโบราณ on

หวังว่าซักวันหนึ่งคุณดาคงจะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำลงไปมันถูกหรือผิดเสรีภาพใครๆก็อยากได้แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตด้วยอย่าตกเป็นเหยื่อของใครไม่มีใครรักเราจริงหรอกนอกจากพ่อแม่ของเราเองขอให้โชคดีน่ะครับ