เทศกาลโคมลอยผ่านไปอย่างท้าทายภาวะโลกร้อนที่คนทั้งโลกต่างพากันหวั่นวิตกอยู่ในขณะนี้ ประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงของคนไทยเพิ่งผ่านไป...
เมืองเชียงใหม่มีโคมลอยเป็นเอกลักษณ์ และเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของประเพณีนี้ จนคนทั่วประเทศนำการปล่อยโคมไปใช้ในงานต่าง ๆ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ภาพโคมนับร้อยนับพันที่ปล่อยขึ้นฟ้า แสงไฟระยิบระยับ เป็นความงามอันต้องตาต้องใจผู้คน เป็นภาพประทับใจนักท่องเที่ยว จนกลายเป็นจุดขาย ปีนี้มีการปล่อยโคมที่ข่วงประตูท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ พันห้าร้อยลูกเพื่อถวายพ่อหลวง ยังไม่นับการปล่อยทุกปีที่แม่โจ้ และตามถนนหนทางต่าง ๆ แม้แต่ถนนนิมมานเหมินท์
จากวิถีชีวิตของชาวบ้านกลายเป็นวิถีชีวิตของการท่องเที่ยว ปีที่แล้วฉันขายโคมลอยได้เงินมามากอย่างไม่น่าเชื่อ และพบว่าหลังจากนั้นไม่นาน เมืองเชียงใหม่ตกอยู่ในภาวะหมอกควันพิษ จาการเผาไหม้สิ่งต่าง ๆ ที่ตามมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งควันเหล่านั้นมาจากโคมลอยด้วย เนื่องจากพื้นที่เชียงใหม่เป็นแอ่งกระทะ ควันลอยขึ้นไปยังไม่ทันพ้นเมือง ก็โดนมวลอากาศเย็นกดทับลงมา ควันพิษจึงลอยไปไหนไม่ได้
เดิมชาวเหนือปล่อยโคมลอยเพื่อนมัสการพระธาตุจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ ลอยกระทงเพื่อบูชาพระแม่คงคา บนพื้นที่ที่ไม่มีแม่น้ำจึงมีปล่อยโคมลอยแทน การปล่อยโคมของชาวบ้านนั้น เพื่อนชาวเหนือเล่าว่า เขาจะแบ่งเขตในหมู่บ้าน แต่ละเขตจะร่วมมือร่วมใจกันทำโคมขึ้นมาหนึ่งลูกแล้วร่วมกันปล่อยโคมบูชาฟ้า
ไม่ได้ปล่อยเป็นบ้าเป็นหลังบูชาการท่องเที่ยวอย่างทุกวันนี้ ปีนี้ฉันไม่ซื้อโคมมาขาย เพราะตระหนักถึงภาวะโลกร้อน ที่ควรเป็นภาวะแห่งโลก และทุกคนควรตระหนักอย่างยิ่ง แต่จุดขายทางการท่องเที่ยวก็ยังชนะเหมือนเดิม
ถ้าเรารักโลก โลกก็รักเรา การปล่อยโคมลอยปีนี้มีสัญญาณเตือนจากฟ้ามาถึงผู้บริหารเมือง เมื่อนายกเทศมนตรีสาวปล่อยโคมลอยซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษจากการจัดขึ้นเพื่อให้เป็นจุดเด่นในพิธีกรรมทางการท่องเที่ยว ภาพข่าวที่ควรจะสวยสดงดงาม เป็นการเปิดฤดูการท่องเที่ยวไฮซีซันปีนี้ จึงกลายเป็นภาพขึด (อัปมงคล) เมื่อโคมยักษ์นั้นลอยขึ้นไปไม่ถึงไหนก็ร่วงตกลงมาโดนยอดเจดีย์ขาว เจดีย์คู่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่หน้าเทศบาลหักลงมา สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับชาวบ้านยิ่งนัก
หรือนี่คือเสียงเตือนจากผีบ้านผีเมือง จากฟ้า ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณควรจะหันกลับมามองความเป็นจริงตรงหน้า มองชาวบ้านที่หลับตาลงอย่างหวาดกลัวกับเทศกาลยี่เป็ง กลัวว่าโคมลอยจะตกลงหลังคาบ้าน (เฉพาะวันที่ 24 พ.ย.50 ไฟไหม้จากเหตุโคมลอย 17 จุด ในเมืองเชียงใหม่) ไฟไหม้บ้านทีก็ไม่รู้จะจับมือใครดม ทั้งที่เป็นอาญาแผ่นดิน ไม่นับเสียงประทัดใหญ่น้อยที่ดังจนกลายเป็นเชียงใหม่ในสงคราม หมาแมวนอนสะดุ้งกันทุกคืน
ประเพณีบูชาฟ้า บูชาน้ำอันงดงามของชาวเหนือหายไปไหนหมด
ถึงเวลาหรือยังที่เราต้องปิดเสียงการท่องเที่ยวลงบ้าง และหันมามองดูโลกแห่งความเป็นจริงที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้.
ภาพประกอบ ดูในนี้ค่ะ http://www.cm108.com/news2web/yeepeng.php
ความเห็น
เขาทำกัน
เขาทำกันมาหลายร้อยปี ผลกระทบ ลบ บวก ก็มีมากน้อยคละเคล้ากันไป ถ้าไม่เกินเลยไปนัก ธรรมชาติก็จะดูแลตัวเองได้ เจ๊! อย่าจับแพะชนแกะเลอะเทอะซิ ไอ้โลกร้อน กับ โคมลอยยี่เป็งมันสัมพันธ์กันไม่มากหรอก ไม่ควรวิตกจริตเกินเหตุ
ไอ้ที่ลอ
ไอ้ที่ลอยมาหลายร้อยปีมันไม่ได้บ้าคลั่งอย่างทุกวันนี้
เลอะเทอะเหรอ...ไม่เป็นไร
"สัมพันธ์กันไม่มาก" ก็สัมพันธ์นะ ไม่มากรวมกันมาก ๆ ก็กลายเป็นมาก
"วิตกจริต" อันนี้ขอเป็นสิทธิแล้วกันนะ ถ้าคุณไม่วิตกจะรอให้ธรรมชาติเยียวยาตัวเองก็รอไป
ส่วนอิฉัน ยินดีเริ่มต้นในเรื่องเล็ก ๆ คนเดียวก็ไม่เป็นไร
ลองมองหล
ลองมองหลายๆ มุมดูนะคะ ถ้าเอาความคิดของเขามาคิดตามไป เราอาจจะคิดเหมือนๆ กับเขาก็ได้นะคะ เรื่องอย่างนี้เราก็ต้องช่วยกันสอดส่องบ้างล่ะคะ ถ้ามันมีแนวโน้มเกี่ยวกับโลกร้อนจริงๆ เราก็ต้องช่วยกันจุดประกายนะคะ..vov