ยำส้มไข่ปลาบึกกับเหล้าขาว และโง่เง่ากับผู้ดีน้ำครำ

19 January, 2010 - 00:00 -- sumart

ผู้ดีตีนแดง-ขอ โทษ เท้าแดง ตะแคงเท้าเดิน เวลาเหยียบปุ่มปมของพรมผืนนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ นั่นแหละเท้าของผู้ดี และโลกของผู้ดีมีแต่น้ำครำ –น้ำคำ แห่งการหลอกลวง ทั้งผู้ดีจริง และผู้ดีกลวง ขณะเดินย่ำไปบนเส้นทางสู่ร้านอาหารเลิศหรู เมนูไข่คาเวียกับบรั่นดีแก้วทรงสูงดัดจริตวางรอ ผู้ดีน้ำครำละเลียดเมรัยรสคมผ่านลำคอ และละเลียดไข่คาเวียที่มีอยู่นับจำนวนได้บนจานราคาแพงกว่าการขึ้นห้องกับปอง ของโฉน ไพรำ


ผู้ดี น้ำครำมองออกไปนอกหน้าต่างสูงลิบของห้องอาหารโรงแรมเสียดฟ้า เบื้องล่างแม่น้ำไหลเอื่อยเหนื่อยปานจะขาดใจตาย ผู้ดีน้ำครำละเลียดไข่คาเวียราคาแพง เพื่อเลิศหรูมีหน้ามีตา แต่คนหาปลาแม่น้ำโขงกินยำส้มไข่ปลาบึกโดนด่าว่าทรมานสัตว์

ริยำ! ไหมละ ผู้ดีน้ำครำ...

\<\/--break--\>
ปลา บึก และปลาตัวเป็นเจ้าของไข่คาเวีย ต่างมิได้หมายปองเป็นของผู้ใด เพราะล้วนแต่อาศัยอยู่ในน้ำ ผู้มีความสามารถต่างจับหามาได้ แต่การจับก็แตกต่างกันออกไป ปลาบึกตัวใหญ่อาศัยในน้ำจืดถูกมองจับได้ราวเดือน ๕ เดือนเมืองภาคเหนือ..สุ มาเต๊อะ คนหาปลาในแม่น้ำโขงจับปลาบึกมาหลายชั่วอายุคน พอๆ กับคนหาปลาในทะเลจับไอ้เจ้าของไข่แล้วรีดไข่ในอุทรมาทำไข่คาเวียนั่นแหละ มิต่าง แต่แตกต่าง


ยำ ส้มไข่ปลาบึกใช้เวลาหลายวันกว่าจะกินได้ สำคัญต้องกินแกล้มเหล้าขาว สี่สิบดีกรีขึ้น แต่อย่าเป็นเหล้าโรง ต้องเหล้ากลั่น ตอนกินเอาช้อนตักไข่ปลาบึกเข้าปาก แล้วหยิบหอมขาว (กระเทียม) กับพริกกระเหรี่ยงเม็ดเล็กแต่เผ็ดดุดันพอๆ กับแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์เวลาขึ้นชก ทุกอย่างไม่ทำให้สุก แต่ฆ่าเชื้อด้วยเหล้าขาว ...สุมาเต๊อะ ลำขนาดนัก


ผู้ดีน้ำครำละเลียดน้ำองุ่นหมักเปรี้ยวบนเก้าอี้นั่งราคาแพงกว่าควายไถนา และเรือหาปลาลำเล็ก แพงระยับสำหรับค่าอิ่มเอม...


ใน ดงผู้ดีน้ำครำต่างประณามการจับปลาบึกของคนหาปลาที่เชียงของ ราวกับว่าพวกเขาคือฆาตกรผู้โหดร้าย แต่พวกเขาลืมประณามนักล่าปลาในท้องทะเลผู้ออกแสวงหาไข่คาเวีย ดัดจริตในการกินพิลึกสำหรับผู้ดีน้ำครำ


ขอ โทษเถอะท่านผู้ดีทั้งหลาย หากคนหาปลาอยากเอาไข่คาเวียมาทำส้มไข่ปลากินแกล้มเหล้าขาวบ้างจะได้ไหม มันไม่แปลกไปหรอก รสลิ้นที่สัมผัสไม่เคยแตกต่างกัน แม้จะเป็นรสลิ้นของผู้ดี หรือรสลิ้นของคนหาปลาผู้ลอยเรือชีวิตเหนือสายน้ำชะตากรรม เราต่างมีลิ้นอันเดียวและไม่เคยมีสองแฉก แต่ลิ้นของผู้ดีน้ำครำอาจมีสองแฉก ส่องดูลิ้นของท่านบนแก้วน้ำองุ่นหมักเปรี้ยวแก้วนั้นเถอะ แล้วอย่าได้หวาดกลัวกับลิ้นของตัวเอง


กว่า จะได้ปลาบึกไข่เต็มท้องมาทำส้มไข่ปลาต้องรอกันข้ามปี รอจนดอกซอมพอแดงเด่นเหนือริมฝั่งน้ำ แล้วค่อยไปเลี้ยงผีเรือผีลวงบนบานศาลกล่าวก่อนลงมือจับปลาบึก บางครั้งโซน่าที่สายตาแม่นยำต้องนั่งตากแดดบนห้างเสือตาไฟหลายชั่วโมงกว่าจะ ได้เห็นคลื่นน้ำ แล้วส่งสัญญาณไปหาคนหาปลาให้เอาเรือออกไปจับปลาบึก


วิธี การจับปลากินไข่แตกต่างกันสิ้นเชิง ส้มไข่ปลาบึกกว่าจะกินได้ต้องรอข้ามปี และกินบนพื้นฐานการเคารพวัฒนธรรม รวมทั้งดำรงอยู่อย่างมีวัฒนธรรม แม้จะกินบนผืนทรายริมฝั่งน้ำ แต่ไข่คาเวียแดกด่วนในโรงแรมหรูที่เบื้องล่างคือน้ำครำอย่างแท้จริง

 

โง่เง่าบัดซบกับความคิดของผู้ดีน้ำครำ...แม้แต่การกินยังแยกผู้คนสองตีนสองมือออกจากกันและกัน

 

 

ความเห็น

Submitted by หลานลุงสุพา on

จำนวนปลาบึกลดน้อยลงไปไม่ใช่เพราะชาวพื้นบ้านเข้าไปรุกรานแม่โขง หากแต่เกิดจากมหาอำนาจสังคมนิยมเข้ามากระทำมิดีต่างหาก ชาวพื้นบ้านแม่โขงก็ต้องพลอยรับเคราะห์ ทั้งถูกประนามจากผู้ดีตีนแดงเมืองใหญ่ ....เคยได้กินยำส้มไข่ปลาบึกแกล้มน้ำยอดข้าวที่เชียงแสนสิบปีที่แล้ว วันนี้ยังรู้สึกเสียวปาก ถวินหา.

Submitted by ปรา on

สำนวนลวดลายคล้ายๆ คุณรงษ์ แฮะ.......

Submitted by ภูฝันปั้นดาว on

เคยแวะเวียนผ่านพอได้รับรู้เรื่องราวที่ริมโขงกับท่านผู้เขียนเมื่อนานมาแล้ว
แต่คราวนี้..ได้อ่านบทความสะท้อนเรื่องราวชาวริมโขง ยิ่งทำให้นึกถึงวันวาน..วันวานของการต่อสู้

Submitted by อ้ายแสงเมา ศร... on

อ้ายมาด, เหย ... อยากกิ๋นไข่ป๋าบึก (และอยากินไข่ปลาคาเวีย ตวย แต่คงไม่มีอาสหนา เพราะมันแปง ต้องไปกิ๋นใน เหลา และโรงแรมหย่ายๆ) ไว้อ้ายแสงเมาไปแอ่วเจียงของ อ้ายมาด มีจังหวะเอาไข่ป๋าบึกฮื้ออ้ายกิ๋นตวยเน้อ จักเป็นพระคุณอย่างสูง ว่าแต่ว่าจะมีอาสหนาใหมหนอ? รำลึกเพื่อนร่วมชีวิตทุกๆคน , คับ ฮักษาสุขภาพตวย จะไปฮ้ายนัก

Submitted by น้ำลัด on

"ส้มไข่ปลาบึก" ท่าจะลำแต๊ๆ

เลยกึ๊ดเติงหา "แมงมันจ่อม" น่อ

มันจะเป๋นจะใด ?
เมื่อไข่ของแมงตั๋วหน้อย
มาป้ะกั๋บไข่ของป๋าตั๋วใหญ่

...แต่ที่แน่ๆเหล้าดีกรีสูงจะละลายให้มันหายไปเข้าในปาก

เสียงแคน มิตรภาพ และความหวัง

1 April, 2010 - 00:00 -- sumart

สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน

พญามังกร แม่น้ำ และความตาย

23 March, 2010 - 00:00 -- sumart

แม่น้ำนิ่งงันลงชั่วการกระพริบตาของพญามังกร ชาวบ้านริมฝั่งน้ำไม่มีใครรู้ว่า พญามังกรกระพริบตากี่ครั้ง หรือด้วยอำนาจใดของพญามังกร แม่น้ำจึงหยุดไหล ทั้งที่แม่น้ำเคยไหลมาชั่วนาตาปี วันที่แม่น้ำหยุดไหล คนหาปลาร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะปลาจำนวนมากได้หนีหายไปจากแม่น้ำ

๑๔ มีนา วันหยุดเขื่อนโลก

16 March, 2010 - 00:00 -- sumart

แดดร้อนของเดือนมีนาคมแผดเผาหญ้าแห้งกรัง หน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าทุกปี เพราะฝนไม่ตก ยอดมะม่วงอ่อนจึงไม่ยอมแตกช่อ มะม่วงป่าเริ่มออกดอกรอฝนพรำ เพื่อให้ผลได้เติบโต ความร้อนมาพร้อมกับความแห้งแล้ง ในความแห้งแล้ง ดอกไม้ป่าหลากสีกำลังผลิบาน มีทั้งดอกสีส้ม แดง ม่วง ความแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง

ความแห้งจะไม่ใช่ภัยพิบัติอีกต่อไปหากเราเข้าใจในธรรมชาติ

7 March, 2010 - 00:00 -- sumart

ย่างเข้าเดือนห้า น้ำท่าก็เริ่มขอดแล้งคนแก่บางคนว่าอย่างนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิด) คำพูดนี้ได้สะท้อนบางอย่างออกมาด้วย นั่นคือสิ่งที่ผู้คนในยุคสมัยก่อนเห็น พอถึงเดือนห้า น้ำที่เคยมีอยู่ก็แห้งขอดลงเป็นลำดับ ผู้คนในสมัยก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังคมเกษตรอุตสาหกรรมเช่นทุกวันนี้ทำอะไรบ้าง ในสังคมภาคกลางยุคที่ทำการเกษตรไม่ใช่อุตสาหกรรม หน้าแล้งไม่มีใครทำนา เพราะทุกคนต่างรู้ว่า หน้าแล้งแล้วนะ น้ำท่าจะมาจากไหน แต่พอยุคอุตสาหกรรมเกษตรเรืองอำนาจ หน้าแล้งผู้คนก็ยังคงทำนา เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการเกษตรกันอยู่