เพลงของลูกชายจ่าเพียร ชุมพล เอกสมญา (1)

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ในทีวีมีคนพูดปด   ใครบางคนเล่นบทก่อการร้าย
ในทีวีมีคนพูดปด   ใครบางคนยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ความรุนแรงถูกทำให้เอนเตอร์เทน
สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

หลีกทางให้ฉันหน่อย   หลีกทางให้ฉันเดิน

ฉันกำลังจะรีบไป

หลีกทางให้ฉันหน่อย  หลีกทางให้ฉันไป

นั่น ตากำลังจะฆ่ายาย

ตากำลังจะฆ่ายาย

ตากำลังจะฆ่ายาย

ความรุนแรงถูกทำให้เอนเตอร์เทน

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

คุณชื่ออะไร  คุณชื่ออะไร

คุณชื่ออะไร  คุณชื่ออะไร

ไม่แตกต่าง

ถูกทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ฉันกำลังจะรีบไป

ถูกทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ตากำลังจะฆ่ายาย

ถูกทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

นั่น ตากำลังจะฆ่ายาย

ตากำลังจะฆ่ายาย

ตากำลังจะฆ่ายาย

พ่อครับ  ผมจะไม่เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

แม่ครับ  ผมจะไม่เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

เขามาถึงพร้อมกับกีตาร์โปร่งคู่มือคู่ใจ   guild รุ่น True American  กีตาร์สัญชาติอเมริกันตัวนี้  เดินทางกับเขาตลอด

เขาเปิดกล่องและเริ่มต้นส่งเสียง  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์  คิวห้องอัดกำลังว่าง  เขาเตรียมเข้าห้องอัด  เขาเดินทางมาจากหนองบัวลำพู  จากสวนยางที่เขาฝันว่า  พ่อปลดเกษียนเมื่อไหร่  จะมาอยู่ดูแลสวนด้วยกัน

เพลงใหม่เสร็จแล้ว!!” …
ไม่พูดใดๆอีกแล้ว  เอาเนื้อเสียง
guild ออกมา  เปล่งเสียงร้องดังลั่นบ้าน  ทางคอร์ดหนักแน่น  อัดก๊อปปี้เข้าไปเต็มแรง  เต็มพลังของความรู้สึก

แรกได้ยินหนักอัดแน่นหัวอกจริงๆ  กับบางประโยค  ตากำลังจะฆ่ายาย

เขาได้ประโยคนี้  ระหว่างตกรถรอเวลารถที่อุดรธานี  เด็กคนหนึ่งมานั่งฟังเพลงเขา  เขาถามว่าทำไมยังไม่กลับบ้าน
ตากำลังจะฆ่ายาย  เด็กพูดตอบ
ฆ่าในความหมายภาษาของแดนดินอีสานคือทุบตี
เขาบอก  คำนี้จะเอาไปทำเป็นเพลงนะ

ในช่วงเวลาคนแบ่งฝ่ายแบ่งสีลุกลามมาถึงในบ้าน   เขาได้ฟังมาว่า  ความร้าวลึกในบ้านมาจากทัศนะคติจากการเมือง  สัมพันธ์ในบ้านร้าวแตกแยก  ดูทีวีกันคนละเครื่อง  ตีความเข้าใจไปคนละทาง
ในทีวีมีคนพูดปด  ใครบางคนเล่นบทก่อการร้าย

เขาแต่งเพลงนี้ระหว่างเดินทางจากกรุงเทพไปหนองบัวลำพู  ในช่วงเวลาฝ่ายเหลืองบุกยึดสนามบิน  เครื่องบินไม่บิน  คนนั่งเครื่องบินมานั่งรถปรับอากาศชั้นหนึ่ง  คนนั่งรถปรับอากาศชั้นหนึ่งไปนั่งรถปรับอากาศชั้นสอง  คนนั่งรถปรับอากาศชั้นสองไปนั่งรถพัดลมธรรมดา
คนนั่งรถพัดลมธรรมดา  ตกรถ
เขาอยู่ในกลุ่มคนตกรถ  และรอรถธรรมดาว่างที่นั่ง
เขายืนไปตลอดคืน  เขาเห็นถึงความยากลำบากของชีวิต  ในช่วงเวลาความขัดแย้งเผชิญหน้าแบ่งสี  ไม่อาจละลายเนื้อสีให้จางลงง่ายๆ
เขาเขียนไว้ในใจ ฮัมถ้อยคำทำนองเพลงไว้ในใจ  เขียนอยู่ในใจ  ท่องในใจ
เขียนท่ามกลางมวลอากาศอุดอู้บนรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดหนองบัวลำพู
ไหลเป็นคำที่หนองบัวลำพู  แต่ยังเขียนไม่จบ

 


ผมชวนเขาไปเล่นด้วยกันที่อำเภอปาย  ในงานหนึ่งที่ข้องเกี่ยวกับวิถีชีวิตชุมชน  เราไปพักกันใน
guest house ที่เจ้าภาพจัดให้  ระหว่างเวลารอขึ้นเล่น  เขากับกีตาร์ของเขา  เดินงุ่นง่านไปมา  ซ้อมทำนองเดิมซ้ำๆ  แก้เนื้อเติมเนื้อเข้าไป  ร้องประโยคเดิมซ้ำๆ

เขาบอก  เขียนเพลงไม่จบก็เหมือนคนติดสาว  ต้องเดินตามตื้อ  ตื้ออยู่นั่น  ไม่แล้วใจเสียที
เขียนเสร็จที่ปาย

งานนั้นเราเล่นกันในทุ่งนา  เพลงของเราแรงขนาดไหน
!!??

ถึงขนาดชาวนาคนหนึ่งเดินมาถึงตัว  บอกผ่านลมอากาศชิดติดหูจนแทบแย่งไมโครโฟน  พูดอย่างมีอารมณ์  ว่าเมื่อไหร่จะเล่นจบเสียที  คนเขารอเต้น
เราเล่นกันอย่างเกรงอกเกรงใจ  ใครชอบบ้าง  ไม่ชอบบ้างไม่รู้แล้ว

ได้เวลาทำงานในห้องอัดเสียง  เขาตั้งใจจะเล่นกีตาร์โปร่งนำ  สุดท้ายได้รังสรรค์ ราศีดิบ มาช่วยเติมสีกีตาร์ไฟฟ้าเข้าไปด้วย  ด้วยน้ำเสียงที่ดูราวคมเขี้ยวตามไล่บดกลืนกินซากอาหารดิบๆให้เรียบราบเป็นหน้ากลอง

เขาพูดถึง guild รุ่น True American  ของเขาให้ฟัง  อยู่กับเขาตั้งแต่ทำงานเพลงชุดแรกกับ มาโนช  พุฒตาล ด้วยราคาเกือบ 3 หมื่นบาทราคาจากร้านขายเครื่องดนตรีในกรุงเทพ    
แต่โรงจำนำรับได้สูงสุดราคา 1,800 บาท
เขากำลังจะบวชอย่างไม่อาจรู้วันสึกได้  สิ่งเดียวที่ค้างคาใจ  คือ
guild กีตาร์  แต่อยู่ในโรงรับจำนำในเมืองหลวง
แม่หิ้วกีตาร์กลับบ้าน  ใส่กล่องเก็บไว้บนตู้เก็บเสื้อผ้า
Guild นอนอยู่ในกล่องอย่างนั้นเป็นเวลา  8 ปี
เท่าเวลาที่เขาบวช

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์  เขาสะเทือนใจกับข่าวสารที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ  นับวันจะกลายเป็นหนังดรามา  ไม่ใช่ข่าวคือข่าว  ข่าวถูกขยับเสริมเติมอารมณ์ความรู้สึก  สร้างให้มีลักษณะของหนังดรามาขึ้นมา

เขาบอกว่าเหตุการณ์ไหนๆ  หรือเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เช่นกัน  คนเห็นภาพจนเคยชิน  เหมือนดูละคร  กลายเป็นเรื่องจริงที่เคยชิน  เหมือนดูหนัง   

****  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์  บันทึกเสียงที่ ดื่มดนตรีเร็คคอร์ด  ซอยอุโมงค์ เชียงใหม่

 

 

 

ความเห็น

Submitted by พี่ยาย on

พี่ก็ชอบเพลงลูกชายของจ่าเพียร

Submitted by การะเกต์ on

ชอบมากค่ะ ตั้งแต่เพลงชุดแรก ยังประทับใจไม่คลาย

Submitted by ฝน on

ยังอึ้งอยู่เรื่องข่าวร้ายของพล...

แต่พี่นนท์...น้ำเสียงราวคมเขี้ยวไล่บดซากอาหารดิบจนราบเรียบเป็นหน้ากลอง โอย เข็ดฟัน แล้วก็ใจเต้นแรงเลยพีี่่ ความเปรียบนี้

คิดถึงค่ะ ทั้งสามคนเลย

Submitted by ชนกลุ่มน้อย on

ภาพบนสุด ฝีมือ ชวด สุดสะแนน นะครับ รูปถัดมา เป็นฝีมือเจ้าชายน้อย

ขอบคุณครับพี่ยาย และการะเกต์ครับ ดีใจกับเจ้าของงานด้วย
และฝนครับ คำว่า เข็ดฟัน สำเนียงบ้านพี่เป็นอย่างไร ค่อยออกเสียงให้ฟังครับ
คิดถึงสามคนในบ้านหลังนั้น จะแวะไปร่ำกาแฟสักเช้าครับ

Submitted by น้ำลัด on

น่ากลัวอำนาจเวทย์มนต์ของแวมไพร์อาจจะเสื่อมลง
ลูกชายจ่าเพียรถึงจะไม่เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

แวมไพร์ชอบอยู่ในที่มืดและปกป้องตัวเองสูง
อันตรายอันใหญ่หลวงต่อแวมไพร์คือความสว่าง

เราจะทำอย่างไรให้ฟ้าเปิดสว่าง
วันนั้นประชาชนไม่ต้องเป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์ต่อไป

Submitted by ชิ on

โอะ มึ โช เปอ แฟนๆ พี่นนท์ครับ

28 มีนา ที่ผ่านมา ลูกชายจ่าเพียรฯ ได้บอกเล่าเื่องราว บันนาสตัง ที่งานคอนเสริตพันแสงรุ้ง ตอนดนตรีชาติพันธุ์ ร่วมกับ ชิ เรียกน้ำตาจากผู้ฟังจนเงียบกริบทั้งโรงละครในม.มหิดล

ต่าบลื๊อครับ

เพลงของลูกชายจ่าเพียร ชุมพล เอกสมญา (2)

ห้องครัวซ้อมดนตรี ถึงเพลงบันนังสตา
บ้านเช่าบ้านไม้เป็นบ้านชาวนาในหมู่บ้านแม่เหียะ ชานเมืองเชียงใหม่  
ห้องครัวคือห้องทำงาน  ห้องนอนบางเวลา  ห้องซ้อมดนตรี   ห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก 

หมายเหตุบันนังสตา คืนหนึ่ง

สองทุ่ม   อังคารที่ 16 มีนาคม  2553   นักดนตรีในเชียงใหม่  และคนในแวดวงหนังสือ ศิลปะ  นัดรวมตัวกันที่ร้านสุดสะแนน  ร่วมรำลึกถึงการจากไปของ จ่าเพียร(พ.ต.อ สมเพียร เอกสมญา) วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด  ด้วยสายสัมพันธ์กับไวล์ดซี๊ด (ชุมพล  เอกสมญา) ลูกชายจ่าเพียรที่ผ่านมาเล่นดนตรีในเชียงใหม่อยู่เสมอๆ   เยียวยาจิตใจเมล็ดเถื่อนจากบันนังสตา 

ร่วมรำลึก ...   

ดนตรีของใต้สวรรค์ ร็องแง็งเร็กเก้ในกลิ่นอันดามัน (4)


ขอต่อยาวสาวความยืดถึงน้ามาดบางมุมดูหน้าดุ เวลาเดินเหมือนนุ่นลอยอีกหน่อย อย่างที่บอกไว้ บุรุษไร้นาม(และหนาม)ตามใจคนนี้ อย่าให้นั่งหน้าทับหน้าหนังกลองแล้วกัน ความจืดของหน้าจะถูกขับออกมาอย่างเผ็ดร้อน ไม่เรียบเฉยปล่อยวางอีกแล้ว บางด้านดูดุเทียบได้ใบหน้าเสือจ้องขบ กลับเกลี่ยเสียใหม่ เป็นเสียงทะลวงไส้พุงเร้าใจผิดหน้าผิดหูผิดตาไปทันที

ดนตรีของใต้สวรรค์ ร็องแง็งเร็กเก้ในกลิ่นอันดามัน (3)


 


เลสาปหน้าร้อนเปื่อยหมดแล้ว” ประโยคนี้ถ้าเขียนใหม่ตามภาษาบรรพบุรุษของใต้สวรรค์ ต้องบอกว่า เลสาปหน้าร้อนเปื่อยแผล็ดๆ เหตุที่เปื่อยเห็นด้วยตา ถ้าพูดผ่านปากของบ่าวทอง ต้องเริ่มต้นว่า“ที่จริง”เช่นเคย

ที่จริงมันไม่เปื่อยหร็อก ที่มันเปื่อยเพราะเลกลายเป็นโคลน เปื่อยแผล็ดๆไปทั้งเล” …