เต้นเปลือยอก...ผิดตรงไหน

กลายเป็นเรื่องฮือฮาสำหรับการฉลองสงกรานต์ในปีนี้ (2554) เมื่อมีคนนำคลิปของเด็กสาวขึ้นเต้นโชว์เปลือยอกในการฉลองสงกรานต์ย่านสีลมที่มีผู้คนชมและเชียร์กันอย่างเมามันมาเผยแพร่กันอย่างแพร่หลายผ่านทางสังคมออนไลน์ รวมทั้งนักข่าวทุกสำนักก็ให้ความสนใจและนำเสนอกันอย่ากว้างขวาง มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายว่า นี่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือการกระทำที่ทำลายวัฒนธรรม บางคนถึงขั้นกล่าวหาเด็กสาวเหล่านี้ว่าเป็นโรคจิตด้วยซ้ำ

หลังเหตุการณ์ตำรวจก็มาควานหาเด็กสาวเหล่านี้กันให้วุ่นฐานที่กระทำผิดกฎหมาย การวิพากษ์วิจารณ์นั้นดูเหมือนจะมีความพยายามที่จะหาคนผิดและหาประเด็นการกระทำความผิดที่ปล่อยให้มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น แน่นอนหากจะอ้างประเด็นกฎหมาย การกระทำดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท ซึ่งการกระทำลักษณะนี้เป็นเพียงความผิดลหุโทษและเป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล อันที่จริง กรณีการเต้นเปลือยอกแบบนี้ มีเพื่อนที่คร่ำหวอดอยู่ในย่านสีลม พัฒน์พงศ์ มานานนับสิบๆ ปีบอกว่าก็มีการเต้นกันทุกปี นี่ไม่ได้หมายรวมถึงการเต้นโชว์ในพื้นที่ปิดซึ่งมีการเต้นอย่างเปิดเผยเช่นเดียวกันนี้อยู่แล้ว    เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านั้นไม่มีคนมาถ่ายคลิปมาเผยแพร่และสื่อมวลชนไม่ได้เอามาทำเป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวให้ใหญ่โตขึ้นมา เรียกได้ว่านี่ก็เป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งทางเทคโนโลยีที่ทำให้ใครๆ ก็สามารถกระจายข่าวได้ การที่คลิปถูกนำมาแพร่และกลายเป็นข่าว ทำให้ตำรวจในพื้นที่เสียหน้าเลยต้องเอากฎหมายมาบังคับใช้เสียหน่อย พอไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ หรือทางเขตที่มาแจ้งความก็เกรงสังคมจะมาลงที่ตนเองในฐานะ ผู้รับผิดชอบในพื้นที่ ทั้งๆ ที่จริงก็อาจไม่ได้คิดอะไรมาก

สำหรับโทษทางกฎหมายนั้นดูจะไม่หนักหนา ปรับเพียงเบาๆ แต่ประเด็นที่มากกว่านั้นคือสื่อหรือสาธารณชนจำนวนหนึ่งออกมาประณามว่านี่เป็นเรื่องเสื่อมเสียโดยแท้ และเด็กเหล่านี้กำลังจะทำให้วัฒนธรรมอันดีงามของไทยที่เกี่ยวข้องกับวันสงกรานต์เสียหาย

พอแบบนี้จึงสงสัยว่าแล้วทุกวันนี้ที่คนจำนวนหนึ่งอ้างการเล่นน้ำสงกรานต์โดยเอาน้ำมาราดใส่ผู้คนได้โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือการเที่ยวเอากระบอกหรือปืนฉีดน้ำมายิงใส่ผู้คนที่กำลังสัญจรไปมา หรือว่าขับขี่รถอยู่ทำให้เกิดอันตราย หรือเอาแป้งเหนียวๆ มาทาหน้าทาตัวคนอื่นเล่นนั้นกำลังรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของไทยหรือไม่ ทำไมคนเหล่านี้ไม่ถูกประณามว่าทำลายวัฒนธรรมเท่ากับการไปเต้นเปลือยอก หรือหากการเปลือยอกเป็นการทำลายวัฒนธรรมอันดีของชาติจริงๆ ทำไมการถ่ายแบบนู้ด หรือเปลือย หรือมีเสื้อผ้าน้อยชิ้นของดาราทั้งหลายกลับถูกมองว่าเป็นงานศิลปะ ไม่เป็นการทำลายศีลธรรมวัฒนธรรมอันดี  

มีคนไม่น้อยที่ออกมาตั้งตนเป็นไม้บรรทัดตรวจวัดศีลธรรมและวัฒนธรรมที่มาเถียงในประเด็นนี้ว่า ดาราที่ถ่ายนู้ดก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่า ต้องไปจับคนที่เปลื้องผ้าให้หมด แต่เป็นเพียงข้อสงสัยว่า อะไรคือมาตรฐานของคำว่าวัฒนธรรมอันดีงามของไทย หรืออะไรที่ถือเป็นการกระทำอันควรขายหน้า หรือลามกตามที่กฎหมายกำหนด และการโชว์เรือนร่างแค่ไหนที่รับได้หรือรับไม่ได้ในบริบทของวัฒนธรรมไทย

ในการออกสื่อสาธารณะ เวลามีภาพโป๊หรือเปลือย เรามักจะเห็นมีการทำภาพเบลอตรงส่วนที่เรียกว่าหัวนม ซึ่งหมายความว่าเห็นส่วนอื่นได้ทั้งหมด แต่ถ้าเห็นส่วนนั้นถือเป็นภาพลามก ในขณะเดียวกัน การวิพากษ์ วิจารณ์ เรื่องการแต่งกายของผู้หญิงในยุคนี้ที่เปิดเผยเนื้อตัวมากขึ้นว่าไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย ข้อกล่าวหานี้เท่ากับการผลักภาระให้ผู้หญิงนั้นเป็นฝ่ายที่จะต้องรักษาวัฒนธรรมอยู่เพียงฝ่ายเดียวหรือไม่  อย่างไรก็ตาม ว่ากันตามจริงแล้ว การแต่งกายมิดชิดใช่วัฒนธรรมไทยจริงหรือ

วัฒนธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นและปฎิบัติต่อๆ กันมา มีความเลื่อนไหล และการแต่งกายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เสมอ การแต่งกายแบบมิดชิดในสังคมไทยในยุคปัจจุบันนั้นเป็นการรับเอาการแต่งกายยุควิคตอเรียนเข้ามาเป็นมาตรฐานเมื่อครั้งที่ไทยคิดจะพัฒนาประเทศไปสู่ความศิวิไลซ์ในสมัยรัชกาลที่
5 แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นในเหล่าชาววังหรือชาวเมืองก่อน ในขณะที่ชาวบ้านก็ยังคงไม่ใส่เสื้อกันอยู่ และผู้คนในสมัยนั้นก็จะค่อนขอดคนที่แต่งกายแบบฝรั่งในยุคนั้นอยู่ไม่น้อย ต่อมาจึงแต่งกายกันแบบมิดชิด  ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันกลับมาแต่งกายเปิดเผยเนื้อตัวกันอีกครั้งก็กลายเป็นว่า การแต่งกายแบบนี้ตามแบบฝรั่งและทำลายวัฒนธรรมไทยไปอีกครั้ง นี่คือความเลื่อนไหลของวัฒนธรรมและการแต่งกาย
 
 
"แม่ญิงลานนาเมื่อ 100 ปี ที่แล้ว  ขัดใจผู้ตรวจการวัฒนธรรมไทยปัจจุบันหรือเปล่า"
 

เนื่องจากมีผู้คนจำนวนหนึ่งยังคงยึดถือหลักเกณฑ์ที่ผู้คนสมัยหนึ่งกำหนดเอาไว้ว่านี่คือวัฒนธรรมของไทย ดังนั้นการแต่งกายให้มิดชิดในระดับหนึ่งจึงถูกกำหนดว่าเป็นวัฒนธรรมการแต่งกายของคนไทย เมื่อใครก็ตามไม่ปฎิบัติตามเกณฑ์ที่วางไว้ก็เท่ากับเป็นพวกทำลายวัฒนธรรม ซึ่งมักถูกตัดสินในทางสังคมว่าเป็นคนไม่ดีได้ทันที และการกระทำแบบนี้อาจเทียบเท่าหรือมากกว่าการก่ออาญชากรรมร้ายแรงด้วยซ้ำ

อันที่จริงหากจะดูให้ลึกซึ้งถึงประเด็นวัฒนธรรม จากกรณีเด็กสาวเต้นเปลือยอกโชว์ในครั้งนี้ก็จะพบว่ามีเรื่องที่น่าสนใจอยู่ประการหนึ่งคือ แม้ว่าจะมีการเชียร์ให้มีการเปลือยอก ผู้ที่อยู่บริเวณนั้นต่างดูสนุกสนานเหมือนกำลังดูโชว์ชนิดหนึ่งที่ผู้ชมได้ใกล้ชิดกับนักแสดงอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่เห็นว่ามีใครมีท่าทีที่จะเข้าไปจับต้องเนื้อตัวร่างกายหรือจับต้องของสงวนของเหล่าสาวๆ ที่กำลังโชว์อยู่  หากมองมุมบวก ถือเป็นความก้าวหน้าของบรรดาผู้ชมที่ยังคงเคารพในสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้อื่น ซึ่งจุดนี้ควรจะถูกมาไฮไลท์ในการนำเสนอในสื่อหรือมาส่งเสริมให้จริงจังว่า ไม่ว่าเราจะแต่งตัวอย่างไร จะปิดอกหรือเปิดอกก็ไม่ควรจะมีใครมีสิทธิมาละเมิดในเนื้อตัวและร่างกายของเรา และตรงนี้ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แน่นอนต้องแยกให้ออกจากประเด็นการกระทำผิดกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายต้องมาดำเนินการไปตามกฎหมายของแต่ละประเทศ แต่บุคคลอื่นไม่มีสิทธิไปละเมิดในเนื้อตัวร่างกายของเขา กลุ่มผู้ชมตรงนั้นก็ได้แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในการแสดงเปลือยอกแบบนั้นในฐานะของการดูโชว์โดยที่ไม่ได้เข้าไปละเมิดในสิทธิส่วนตัวของผู้แสดง จุดนี้ควรส่งเสริมให้เป็นวัฒนธรรมประจำชาติ กล่าวคือ “วัฒนธรรมการเคารพในสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้อื่น
” และควรนำมาเป็นประเด็นที่นำมารณรงค์ในเกิดการปฏิบัติอย่างจริงจัง

การรณรงค์ให้เคารพในสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของบุคคลอื่นถือเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในหลายประเทศในโลกนี้และแม้แต่ในประเทศไทยเองนั้นพบว่า ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยยังคงถูกลวนลามแม้จะแต่งตัวมิดชิดแล้วก็ตาม เนื่องจากบุคคลอื่นส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความเคารพในสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้หญิง ในทางกลับกัน สำหรับประเทศไทยควรเลิกการณรงค์ที่บอกว่าห้ามผู้หญิงแต่งตัวเปิดเผยออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ เพราะจะเป็นสาเหตุให้ถูกลวนลามได้ เพราะว่าการรณรงค์เช่นนั้นเท่ากับบอกว่า หากใครก็ตามไปลวนลามผู้หญิงที่แต่งตัวเช่นนั้นไม่ผิดแต่ผู้หญิงผิดเอง การรณรงค์เช่นนั้นจึงเป็นการรณรงค์เพื่อให้ร้ายผู้หญิงมากกว่าเพื่อป้องกันหรือ รับรองความปลอดภัยให้กับผู้หญิง
 ควรเปลี่ยนมาเป็นรณรงค์เรื่องการเคารพในสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้อื่นแทน หวังอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะมีคนที่มีวัฒนธรรมในเรื่องของการเคารพในสิทธิในเนื้อตัวและ ร่างกายของบุคคลอื่น  

ส่วนคำถามข้างต้นที่ว่า เปลือยอกโชว์ผิดตรงไหน กล่าวโดยสรุปก็คือ ผิดตรงความสับสนและไม่ลงตัวทางความคิดในการกำหนดมาตรฐานความถูกผิดทางศีลธรรมของสังคมไทยที่ทำให้มีพื้นที่ที่ยังเบลอๆ อยู่มากว่า อะไรคือ วัฒนธรรมไทยแท้จริงในโลกปัจจุบัน รวมทั้งเป็นความสับสนของสังคมไทยที่ไม่ยอมรับและไม่ยอมเข้าใจ ว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว ในขณะที่คนบางกลุ่มนั้นปรับตัวตามไม่ทันและไม่ยอมปรับวิธีคิดให้อยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริงของปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้การเต้นเปลือยอกในวันสงกรานต์ จึงกลายเป็นความผิดใหญ่ในฐานทำลาย วัฒนธรรมไทยในสายตาของคนบางกลุ่มและผู้ที่กระทำการฝืนกฎที่วางไว้ในยุคสมัยหนึ่งก็ต้องกลายเป็นจำเลย ของสังคมไป
 
 

 

ความเห็น

Submitted by น้องหาร on

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 ว่าด้วย ผู้ใดกระทำการอันขายหน้าต่อธารกำนัล โดยการเปลือย หรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอนาจารอย่างอื่น ต้องโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ค่ะ

Submitted by โสมคาน on

มิใช่เพียงแค่เปิดนมวันสงกรานต์
แต่อาการเด้าดิ้น เหมือนสิ้นสาว
คนหัวเก่า เข่าอ่อน แทบนอนยาว
ถ้าลูกสาวกูเป็น จะทำไง

เปิดนมนั้น ขั้นท้าย เรื่องปลายเหตุ
ของสังคมทุเรศ แต่ครั้งไหน
เป็นส่วนตัว สุดท้าย ไม่อายใคร
กูจะเปลือย ทำไม เรื่องของกู

เรื่องแบบนี้ ไม่เกิด ในหมู่บ้าน
มีวงศ์วาน ว่านเครือ ของแม่หนู
แต่ในเมือง ไม่มีบ้าน เหมือนอยู่รู
เหมือนพวกปู เขียดกบ อยู่ครบครัน

ขออย่าเอา ภาพเก่า เข้ามาเทียบ
หญิงล้านนา งานเพียบ ล้วนขยัน
เป็นแถวท่อง เดินตาม ดูงามครัน
ไม่กระสันต์ เช่นสาว แถวสีลม

Submitted by ชัยดาวแดง on

ก็อย่างว่า .... ภาพนู้ด ภาพโป๊มีขายเกลื่อยเมืองตามแผงหนังสือ ...ทำไมกระทรวงวัฒนธรรมไม่ออกมาโวยวาย ก็ไม่รู้ เอาละ ถ้าจะถือตามกฎหมายเจ๊สามคนก็ต้องโดนปรับ... ลหุโทษ... เอาเป้นว่า แกก็เมา และมันส์ จนแก้ผ้า ก็เท่านั้น อะไรกันนักหนา กระทรวงวัฒนธรรม สื่อมวลชน และสังคมไทย

ปล. แล้วก็แปลกคนที่ออกมาว่า ๆๆๆ ด่า ๆๆๆ เจ๊สามคนนี้ ต่างก็เคยเมาอ้วก แล้วเมาแก้ผ้ากันมาซะเป้นส่วนมากด้วยดิ๊

Submitted by bb on

ที่เขียนมา คุณอยากให้โชว์ ว่างั้นเถอะ เป็นประชาธิปไตยเสรีนิยมจ๋าไปเลย ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ก็อย่าไปใส่ใจมัน ศาสนาก็ไม่ต้องมีนะ เพราะทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีแล้วกระทรวงวัฒนธรรม คุณจะเรียกร้องอะไรก็เรียกร้องเอา ดูสิประเทศไทยจะเป็นยังไงต่อไป

Submitted by khonsoui19688 on

สุดยอด

Submitted by ทนไม่ได้ไม่ใช่ศาสดา on

ศาสดาสาวเปลืองผ้าหลายคนมายั่วยวนต่อหน้าก็หลับตา
คิดถึงหนังเรื่อง บุดด้า คีนูลิบ แสดงได้หล่อมาก
แต่ผู้ที่บอกว่าตัวเป็นพุทธ กลับทนดูไม่ได้
แสดงให้เห็นว่า มือถือปากสากถือศิล
คือไม่ซึมซับใดๆ ได้แม้แต่น้อย
ได้แต่ .. เห๊อ โง่จริงๆ
ถูกมารทดสอบแค่นี้ก็ฮือแตกกัน
กุจะบ้า ต่อให้เย็ดโชว์กันเลยก็ได้ อ่ะ
พุทธจริง ย่อมไม่สะท้าน
แต่มันไม่ใช่งัย พวกที่สะท้านอ่ะคือพวกที่
ไม่มีปัญญา คุณดีงาม ก็พอแล้วไม่ต้องไป
ไล่จับใครเค้าหรอก เค้าไม่ได้ทำร้ายใคร
เค้าอวดร่างกายของเค้า
มีชักวาวในรถไปด้วยนะ
อันนี้ ก็น่าจะบ้า
ไอ้พวกกะพือข่าวนี่แหละบ้า
จริงๆก็ บ้าทั้งหมดแหละทั้งฝ่าย ขาวฝ่ายดำ
คือไม่รู้จักอยู่ในที่ของตนเอง
ก้าวก่ายเค้าไปทั่ว

Submitted by กูเองแหละ on

ปีหน้าก็อย่าลืมพาน้องสาว ญาติ ๆ ที่เป็นผู้หญิงรวมทั้งเจ้าของบทความไป แก้ผ้าเต้นกันด้วยละ จะคอยดู

Submitted by กูเองแหละ on

ฉันใดก็ฉันนั้นแหละ เจ้าของบทความเอากับผัวในบ้านตัวเองอย่างมิดชิด ไม่ว่าจะในครัว ห้องนอน ห้องรับแขก ไม่มีใครว่าหรอก แต่ถ้าออกมาเอากันนอกบ้านะดิ ลองดูมั้ยละ

วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยแน่นอนซักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นพลวัตเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อย สมัยหนึ่งหญิงไทยโทงๆ นมห้อยนมยาน ไม่มีใครคิดอกุศลอุบาทว์เพราะเป็นปรกติวิสัยในบทริบทสงคมสมัยหนึ่ง มาอีกสมัยหนึ่งเช่นไทยในสมัยนี้ นมเป็นสิ่งหวงห้าม ห้ามไม่ให้ใครที่ไม่รู้จักจับเล่น และหวงไม่ให้ใครที่ไม่คุ้นและไว้ใจดู การเผยของที่คนอื่นเค้าห้าม คนอื่นเค้าหวงในที่สาธารณะ ไม่ว่าหญิงเผยนม ชายเผยหัม ถ้าอ้างเอาโน่นวัฒนธรรมอย่างชนิดที่เรียกว่าอัสเดิมเริ่มแรกของการบังเกิดมีอารยธรรมเข้าแล้ว ไม่มีใครผิด

แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ฝรั่งอาจไปไกลเกินกว่าที่การแก้ผ้าจะผิด แต่เค้าก็เลือกที่จะแก้ และนั้นก็เป็นการแก้ของฝรั่งในสังคมฝรั่ง ในวัฒนธรรมเชื่อว่าการแก้ผ้าไม่เป็นอนาจาร (สำหรับบางที่ของเมืองฝรั่ง) สันดารคนไทยทำไรชอบอ้างฝรั่งมารองรับการกระทำตลอด แล้วก็ชอบมาร้องแรกแหกปาก หาเสรีภาพ เสรีทางความคิด เสรีทางวัฒนธรรม การแต่งตัว ห่าไรไปเรื่อยๆ แหมแค่เด็กสาวอายุ 10 กว่าปี แก้ผ้านี้ จะด่ามันก็ไม่ได้ จะจับมันก็มีคนโวย หาว่าละเมิดเสรีภาพ เสรีภาพ(อย่างฝรั่ง) (อ้างมาเฉพาะเรื่องเฉพาะกาลที่เห็นว่าเข้าข้างฝ่ายใจตัวเองชอบ)

( ๐ )( ๐ )

Submitted by เด็ดดอกไม้สะเทื... on

โดย กูเองแหละ (ผู้เยี่ยมชม) | 26 เมษายน, 2011 - 14:44
ปีหน้าก็อย่าลืมพาน้องสาว ญาติ

ปีหน้าก็อย่าลืมพาน้องสาว ญาติ ๆ ที่เป็นผู้หญิงรวมทั้งเจ้าของบทความไป แก้ผ้าเต้นกันด้วยละ จะคอยดู
-------------------------

คุณก็ไม่น่าพูดแบบนี้ เขาทำไม่ได้หรอก ไม่เข้าใจหรือไร เขาไม่มีปัญญาทำแบบที่คุณพูดหรอก
เพราะแค่ปัญญาคิดสร้างสรรค์ คิดสมเหตุสมผลตามตรรกกะ เขายังไม่มี

เข้าใจนะ เขาไม่มีปัญญา

Submitted by ืแสงดาว ศรัทธามั่น on

แต่ฉันคิดว่าคนเขียนบทความนี้เขามั ปัญญานะ เราอย่าพึงด่วนสรุปและตัดสินทำตัวเป็นผู้พิพากษาเอง กฏหมายนั้นใครเขียน เราประชาชนมีสิทธิ์เขียนไหม เราอย่ายอมจำนน ประชาชนต้องช่วยกันเขียนกฏหมาย มิฉะนั้นมันก็เป็น กดหมายเผด็จการที่ขอใช้คำนี้นะ เป็นกดหมายที่กดขี่ประชาชนที่ทำไมต้องจำยอม การเปลือยอกเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ที่ใหญ่กว่านั้นก็คือทำไมไม่ออกกฏหมายเก็ยภาษีที่ดิน ของพวกเจ้าที่ดิน พวกนายทุนที่มีที่ดินเป็นพันเป็นหมื่นไร่บ้าง ดีแต่พูดทุกรัฐบาล น้องอภืสิทธิ์ก็ดีแต่พูดหาเสียงไม่ทำซักกะที (ต้องเรียกน้องเพราะฉันแก่กว่าน้องอภิสิทธิ์ม๊ากกกกก ) มีคำกล่าวว่า " ชนชั้นใดร่างกฏหมาย ก็ร่างเพื่อชนชั้นนั้ัน" ฉันเห็นด้วย มีไหมชาวบ้าน กรรมกร ชาวนา แม้กระทั่งชนชั้นกลางก็เถอะ มีสิทธิ์ร่างกฏหมายไหม? โปรดอย่ามาสอ้างว่าผู้แทย สส. เป็นตัวแทนของประชาชนมาร่างกฏหมาย ขอโทษ ขอผายลม ตด หน่อย พวกนักธุรกิจกินเมืองโกงเมือง นักเลือกตั้งนะหรือที่มันจะมาร่างกฏหมายเพื่อประชาชยคนไพร่ราบ คนรากหญ้า ฯลฯ เมินซะเถอะ ฉันจึงว่าเรื่องเปลือยเป็นเรื่องขี่ปะติ๋ว ถ้าเราไม่เข้าใจสภาพโครงสร้างสังคมอันห่วยแตกนี้(โครงสร้างสังคมใหญ่ๆก็คือ ... โครงสร้างทางเศรษฐิจ ... โครงสร้างทางการเมือง และโครงสร้างทางงการศึกษาฯ ที่โคตรห่วยแตก ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างอันห่วยแตกนี้ เราก็จะไม่สามารถทำให้สังคมดีงามขึ้นได้ ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า... " ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นแต่เหตุ ถ้า เหตุดับ ทุกสิ่งมทุกอย่างก็ดับ " นี่คือสัจธรรมจริง ใครที่อ้างว่าเป็นศิษย์ตถาคตทำไมไม่ทำบ้าง ? มันดูทูเรชั่น ้เจ้า ... ทูเรชั่นนี้ ฉันบัญญัติศัพท์ขั้นมาเอง มาจาก คำว่า ทุเรศ + กะภาษาปะกิต คือ tion ขอแลกเปลี่ยนพวกมหากูรู้แค่นี้เอง เจ้า ถ้า ระคายเคืองบาทาของพวกทั่นก้อขอ พระอภัยมฌี โตย

Submitted by BABAECOM on

ใครจะว่าก็ช่าง ผมว่าน่าดู
ใครไม่ดูก็อย่ามาหาว่าผิด
เพราะว่าเค้าไม่ได้โกงใคร
ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

แต่ถ้าให้คุณเดือนร้อนก็ขออภัย
เพราะคุณก็ไม่ต่างจากคนที่ดู
คุณอยู่ในรูุคุณก็เอากัน

Submitted by พี่ต้อม on

ขอบคุณที่ สุดธิดา ได้นำเสนอมุมมองสำหรับเพศสภาพหญิง ที่มีมายาคติของสังคมปกคลุมให้ไม่มีความเป็นตัวตนของมนุษย์คนหนึ่งโดยเสมอมา

พี่ต้อม

Submitted by kk on

อย่าคิดมากเลยครับ ผมคิดว่าวัฒนธรรมมีความหลากหลายในตัวเอง
ผมเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคนเปลือยอก
แต่แม่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น....
คุณอาจมีความคิดที่ก้าวหน้า
แต่อีกหลายๆคนในสังคมคิดตรงข้าม
ผมว่าทำไรก็ทำ คิดไรก็คิด แต่ต้องอยู่กันให้ได้ด้วยครับ

เต้นเปลือยอก...ผิดตรงไหน

กลายเป็นเรื่องฮือฮาสำหรับการฉลองสงกรานต์ในปีนี้ (2554) เมื่อมีคนนำคลิปของเด็กสาวขึ้นเต้นโชว์เปลือยอกในการฉลองสงกรานต์ย่านสีลมที่มีผู้คนชมและเชียร์กันอย่างเมามันมาเผยแพร่กันอย่างแพร่หลายผ่านทางสังคมออนไลน์ รวมทั้งนักข่าวทุกสำนักก็ให้ความสนใจและนำเสนอกันอย่ากว้างขวาง มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายว่า นี่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือการกระทำที่ทำลายวัฒนธรรม บางคนถึงขั้นกล่าวหาเด็กสาวเหล่านี้ว่าเป็นโรคจิตด้วยซ้ำ

ที่แท้แล้วมนุษย์นั้นมีพัฒนาการน้อยเหลือเกิน

 
 
ญี่ปุ่น นับเป็นประเทศที่มีพัฒนาการอย่างมากในเรื่องของเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในทางวัตถุอย่างรวดเร็ว มีรถไฟหัวกระสุนที่มีความเร็วสูง มีตึกสูงๆที่สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ หรือแม้แต่โรงปฎิกรณ์ปรมาณูนั้นก็ยืนยันว่ามีระบบความปลอดภัยเป็นเยี่ยม นอกจากนั้นยังเป็นประเทศที่มีประชากรที่มีระเบียบวินัยและคุณภาพที่พร้อมรับมือกับภัยร้ายๆได้อย่างดี ทว่า สุดท้ายแล้วเมื่อธรรมชาติพิโรธอย่างหนัก ประเทศระดับญี่ปุ่นเองก็ยังยากที่จะรับมือ ประสาอะไรกับประเทศที่ไร้ระเบียบและขาดการเตรียมการอีกหลายประเทศ เห็นภาพภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นแล้ว ไม่ว่าใครที่เป็นมนุษย์ปุถุชนนั้นย่อมรู้สึกสะเทือนใจและแน่นอนหากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครก็ตามก็นับว่าคงยากที่จะรับมือหรือทำใจได้

เมื่อ ไทย- กัมพูชา หันหน้ากันคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง

 

เป็นเวลานานหลายสิบปีที่พื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรซึ่งยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจนนั้นไม่ได้ถูกให้ความสนใจ ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่น แม้ต่างตอบตัวเองได้ว่าตัวเองเป็นพลเมืองของชาติใดหากต้องติดต่อกับทางราชการแต่ก็อยู่ร่วมกันด้วยดี ถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกันและทำมาหากินร่วมกันมายาวนาน การเดินข้ามไปข้ามมาในบริเวณนั้นก็มิได้เป็นปัญหา มิได้คิดว่าใครจะเข้ามารุกล้ำดินแดนใคร และในการใช้ชีวิตนั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข ทว่า บัดนี้มาเกิดกรณีพิพาทอันเนื่องมาจากการอ้างสิทธิ์บนพื้นที่นี้เกิดขึ้นจากรัฐบาลทั้งสองประเทศและยังไม่อาจแน่ใจว่าข้อพิพาทนี้จะยุติลงได้เมื่อใด ที่น่าเศร้าคือปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนในพื้นที่นั้นไม่ได้ถูกสร้างโดยคนในพื้นที่และคนในพื้นที่เองไม่ได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา>

อำเภอ 878 ไปทางไหน

 
 
“พี่รีบๆไปดูเถอะ ตอนนี้ยังดีอยู่ ได้ข่าวว่านายทุนเข้าไปซื้อที่ตรงนั้นไปเยอะแล้ว ไม่ช้าก็คงจะเปลี่ยนไปแน่นอน” ผู้จัดการเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งใน อ.ปาย บอก เมื่อถามว่า อำเภอใหม่เป็นไงบ้าง เพราะว่าดูจะไม่ไกลจากปายมากนัก และในอนาคตอาจไม่เห็นความเป็นธรรมชาติของที่นั่นแล้ว
 

การย้ายถิ่นเป็นการพัฒนาคน




การย้ายถิ่นไม่ได้เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติทางประวัติศาสตร์แต่เป็นมิติของการพัฒนาที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน” ตอนหนึ่งในรายงานการพัฒนามนุษย์ปี 2552 (Human Development Report 2009) จัดทำขึ้นโดยโครงการการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nation Development Programme –UNDP) ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้