เขียนให้อากงSMS ทนาย และกองเชียร์ (ขี้เกียจตั้งชื่อ)


30 กันยายน 2554 ณ ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญารัชดาผมบอกตัวเองว่าถ้านานๆ ได้ร้องไห้กับเรื่องราวของคนอื่นบ้างอาจทำให้ชีวิตตัวเองชุ่มชื้นมากขึ้น เวลาดูหนังซึ้งๆ เราก็ร้องไห้ได้ ดังนั้น หากเป็นเรื่องจริงที่หนักหนากว่าในหนังมากปรากฏอยู่ตรงหน้า การเสียน้ำตาบ้างคงไม่ตุ๊ดเกินไป

 

ผมติดตามคดี “อากง SMS” มาสักระยะในฐานะที่เป็นคดีมาตรา 112 ที่ดราม่าที่สุดคดีหนึ่ง ซึ่งผมมักจะใช้เล่ายกตัวอย่างให้กับคนที่ไม่เข้าใจปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ได้ฟัง  

คนที่เราเรียกว่า “อากง” หรือ นายอำพล (ขอสงวนนามสกุล) ถูกจับเมื่อกลางปี 2553 หลังเหตุการณ์การชุมนุมของเสื้อแดงได้ไม่นาน เป็นคดีผลงานคดีเดียวที่ตำรวจไล่จับตามที่อ้างว่าพวกเสื้อแดงมีขบวนการหมิ่นฯ ล้มล้างสถาบันฯ และออกแถลงข่าวใหญ่โต ข้อหาคือการส่งSMS เข้ามือถือเลขาฯนายกรัฐมนตรี เป็นข้อความผิดกฎหมาย 4 ข้อความ ซึ่งแอบดูมาเห็นว่าหนักทีเดียว เป็นข้อความที่แรงและหยาบคายที่สุดสำหรับการฟ้องร้องคดีหมิ่นฯ ทั้งในยุคนี้และยุคก่อน

คดีนี้มีชื่อเสียง นอกจากจะเพราะตำรวจแถลงข่าวใหญ่โตแล้ว ยังมีเรื่องราวเป็นนัยน่าสนใจมากมายเพราะอากงเป็นคนแก่ที่ไม่ได้ถนัดเทคโนโลยี แกบอกว่าแกไม่เคยส่ง SMS แกส่งไม่เป็น อากงไม่ได้ประกันตัว แกมีโรคประจำตัวและแกก็เครียดจนไม่สบายหนักในช่วงที่โดนจับใหม่ๆ งานของผมบังคับให้ผมต้องติดตามคดีนี้ ทั้งที่หากผมประกอบอาชีพอื่นและนอนดูทีวีอยู่บ้านผมก็อาจจะนึกสาปแช่งอากงไปแล้ว ไม่ต่างจากที่หลายๆ คนอาจเคยทำ

 
ผมไม่เคยรู้จักอากงมาก่อน รู้ตามสื่อว่าแกเคยไปชุมนุมกับเสื้อแดง และเสื้อเหลืองแกก็ไปร่วมกับเขาเหมือนกัน ผมเคยเข้าเยี่ยมอากงในคุก 1 ครั้ง ไปกับคนอื่นแบบไม่ได้ตั้งใจ คุยกับอากงไม่กี่คำก็สามารถเชื่อเหมือนที่หลายๆ คนเชื่อได้ ผมเห็นอากงซึ่งเป็นคนแก่ อายุ 61 ปี แม้จะไล่ๆ กับแม่ผม แต่แกดูแก่มาก เดินช้า หลังค่อม ผมขาว สายตาฝ้าฟาง พูดจาสุภาพกับทุกคน พูดภาษาไทยไม่ชัดติดสำเนียงจีน แกเหมือนชาวบ้านที่ใส่ซื่อ ยากจนและหวาดกลัว แกยิ้มแย้มอย่างมีกำลังใจเสมอเมื่อพบคนที่มาเยี่ยม แต่ข่าวทุกสายบอกว่าอากงไม่สบายและก็แอบนอนร้องไห้บ่อยๆ ในห้องกรง
 
อากงไม่รู้เรื่องอะไรเลย แกบอกว่าไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งข้อความ ไม่รู้ว่าทำไมตำรวจมีหลักฐานทางคอมพิวเตอร์โยงมายังมือถือของแกได้ ไม่รู้จักเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งถึง ไม่รู้ๆๆๆๆ รู้แต่ว่าไม่ได้ทำ ทีมทนายความก็ไม่รู้จะตั้งประเด็นในการต่อสู้คดีอย่างไร ที่จริงทีมทนายไม่รู้ด้วยว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร อัยการก็ไม่รู้ ตำรวจที่มาเบิกความก็ไม่รู้ ศาลก็ไม่รู้ ผมเองก็ไม่รู้ ... แต่เรารู้ว่าต่อให้แกทำจริง ก็เป็นการเกินไปที่คนอย่างแกต้องเผชิญหน้ากับโทษจำคุกสูงสุดหกสิบปีเพียงลำพัง
 
หลังอัยการส่งฟ้อง ศาลอ่านข้อความที่ถูกฟ้องแล้วคงรู้สึกไม่ต่างจากคนไทยหลายต่อหลายคนจึงสั่งไม่ให้ประกันตัว อากงนอนอยู่ในห้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมแล้วเกือบหนึ่งปี ก่อนจะได้รับการพิจารณาความถูกผิด และในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน 2554 สายตาจำนวนมากก็จดจ้องมาที่บัลลังก์พิจารณาคดีของศาลอาญา
 
ตามบันทึกการประชุม ในฐานะสมาชิกเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนผมอยู่ในคดีนี้ด้วย แต่ไม่ได้รับผิดชอบเต็มๆ ผมเพิ่งได้เข้าร่วมประชุมกับทีมทนายความในช่วงใกล้ๆ วันสืบพยานทำให้เห็นว่างานนี้ไม่ง่าย หลายคนอาจรู้สึกว่าคดีนี้ไร้สาระทีเดียว เพราะไม่มีทางมีใครเห็นอากงหยิบโทรศัพท์มากดส่ง SMS ไปเบอร์นั้นเบอร์นี้ แต่เมื่อตำรวจนำส่งหลักฐานเป็นข้อมูลการใช้โทรศัพท์จากผู้ให้บริการ ขณะที่อากงก็ไม่รู้อย่างเดียว ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้เพื่อต่อสู้ ไม่มีนิทานชักใยถึงตัวผู้กระทำผิดจริงมาบอกศาล คดีนี้จึงหินโคตรๆ
 
ทนายความอายุน้อยทั้งสามคนที่มีแต่ใจไม่มีความรู้อะไรพยายามเปิดประเด็นต่อสู้เรื่องหลักฐานทางเทคโนโลยีในวันแรกๆ แต่ก็โดนตอกกลับจากพยานฝั่งโจทก์ซึ่งเป็นคนจากDTAC True และตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่เตรียมกันมาอย่างดี ประกอบกับเมื่อผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้ยินว่าเป็นคดีหมิ่นฯ ก็ไม่มีใครกล้ามาเบิกความเป็นพยานเข้าข้างจำเลย พยานหลักฐานชิ้นสำคัญที่สุดที่ฝั่งจำเลยมีอยู่ คือ ตัวอากงเอง บุคลิกสุภาพ ยิ้มแย้มกับความใสซื่อของคนแก่ที่สุขภาพไม่แข็งแรงอาจเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันได้ว่า แกทำความผิดที่ร้ายแรงขนาดนี้หรือไม่
 
30 กันยายน 2554 ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญารัชดา เวลา 9.00 น. เป็นวันที่อากงจะขึ้นเบิกความต่อศาลเอง หลังจากที่พยานหลักฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีและกระบวนการสืบสวนที่อากงฟังไม่เข้าใจได้ถูกนำสืบไปหมดแล้ว
 
ผมรู้ว่าผมเป็นคนอินกับอะไรค่อนข้างง่าย และก็ชอบ dramaticise ข้อเท็จจริงให้ emotional มากขึ้น แต่เรื่องราวของคดีนี้มันดราม่ามาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และก็ดราม่าในวันสืบพยานทุกวันที่อากงแกจะนั่งมองศาลอย่างเหม่อลอย และร้องไห้กอดกับหลานๆ ก่อนถูกนำตัวกลับเรือนจำ
 
วันนี้ กองเชียร์เข้ามาเต็มห้อง ส่วนหนึ่งเป็นนักกฎหมายสิทธิเพื่อนๆ ทีมทนาย ส่วนหนึ่งเป็นนักข่าว ส่วนหนึ่งเป็นคนเสื้อแดงที่ไม่ได้รู้จักอะไรกับอากงมาก่อน ป๊าอุ๊ ภรรยาสุดรักที่อากงเรียกว่า “แฟนผม” และหลานๆ 4-5 คนที่อากงเลี้ยงมาเองกับมือ
 
อากงเริ่มเรื่องให้มันดราม่าตอนที่สาบานตัว และแกมองไม่เห็นแผ่นคำสาบานจึงต้องให้ทนายอ่านให้ เมื่อศาลถามชื่อ ที่อยู่ และถามอาชีพ แกก็ตอบเต็มปากเต็มคำ “เลี้ยงหลานครับ” สร้างเสียงฮาปนสะเทือนใจให้กับกองเชียร์ ก่อนแกอธิบายว่าเคยขับรถขนส่งแต่สุขภาพไม่ดีเลิกทำงานมาสิบกว่าปีแล้ว จึงมีหน้าที่เลี้ยงหลาน ไปส่ง ไปรับ ไปโรงเรียน
 
อากงตอบคำถามอย่างฉะฉาน ด้วยสำเนียงไทยปนจีน เล่าถึงชีวิตประจำวันแก ประวัติการใช้มือถือ เมื่อถามว่าบ้านที่แกอยู่เป็นยังไง คือ ทนายตั้งใจจะให้บอกว่าอยู่กันหลายคน แกก็มองรอบๆ ทำหน้างงๆ แล้วตอบว่า “ประมาณครึ่งนึงของห้องนี้” (ห้องพิจารณาคดี 801) พร้อมทำมือประกอบ
 
ทนายความถามแกไปตามสูตรที่เตรียมมา ถามว่ากรณีที่ถูกฟ้องนี้แกทำจริงหรือเปล่า
“ผมไม่ได้ทำครับ” อากงเงยหน้ามองศาล พูดอย่างฉะฉาน
 
ทนายความถามว่าเบอร์โทรศัพท์ของเลขาฯนายกนี้อากงรู้ไหมว่าเป็นเบอร์ของใคร
“ผมไม่รู้ครับ” อากงตอบฉะฉานเช่นเดิม
 
แล้วทนายก็มีคำถามที่เราไม่ได้เตรียมร่วมกันมาก่อน โดยเอาข้อความที่ถูกฟ้อง ซึ่งเป็นถ้อยคำหยาบคายมาเปิดให้แกดู ทนายพูนสุข ถามอากงว่า “พยานเห็นข้อความนี้แล้วรู้สึกอย่างไร”
 
อากงตอบไม่ฉะฉานแล้ว เสียงแกสั่นเครือ “ผมเสียใจมากครับ ... ก็เค้าด่าในหลวง” มองจากข้างหลังเห็นคอแกแดงก่ำ แกร้องไห้ นาทีนั้นทั้งห้องเงียบกริบ
 
ทนายบอกว่า ใจเย็นๆ ค่ะ แล้วพยานมีความรู้สึกอย่างไรต่อในหลวงคะ?
 
“ผมรักในหลวงครับ” อากงยังร้องไห้อยู่ ตอบเต็มปากเต็มคำอย่างช้าๆ
 
หลังจากนั้นอากงยังเล่าให้ศาลฟังว่า ตอนในหลวงป่วยก็ไปเยี่ยมที่ศิริราช เคยไปลงนามถวายพระพร ไปร่วมงานเฉลิม และ “งานที่วางดอกไม้จันทร์ ผมก็ไป” อากงเสียใจมากที่ถูกฟ้องคดีนี้เพราะอากงรักในหลวง ตลอดการกล่าวถึงประวัติของแกกับสถาบันฯ คนแก่อายุ 61 ยังคงร้องไห้ต่อหน้าบัลลังก์ศาลและต่อหน้าทุกคน ถ้าอากงกำลังโกหก นักแสดงฮอลลีวู้ดรางวัลออสการ์คงต้องกลับมาให้อากงสอนใหม่
 
ผมเห็นสีหน้าของศาลอ่อนโยนลงบ้าง ศาลผู้หญิงยกมือขึ้นปิดปาก อัยการรุ่นใหม่ 3 คนที่ก่อนหน้านี้ยังทำเสียงดุขู่ทนายจำเลยนั่งซุบซิบกันด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความเป็นมนุษย์ ช่วงระยะเวลาหนึ่งผมเริ่มบกพร่องในหน้าที่ ตาผมเริ่มฝ้าฟาง สมาธิหลุดและไม่ค่อยได้ฟังการสืบพยาน
 
“กลั้นเองๆ อย่าเอาทิชชู่เช็ด” พี่หน่อย พรเพ็ญ ที่นั่งติดกันกระซิบบอกผม ขณะที่แกก็นั่งก้มหน้าอยู่เหมือนกัน น้องข้างหลังสะกิดขอทิชชู่ผมสักแผ่นแต่ผมไม่ได้ยิน เพราะผมไม่กล้าหันไปมองกองเชียร์ที่อ่อนไหวข้างหลังนั่น ทนายความหันมายิ้ม ให้กับหมู่กองเชียร์ สักพักน้องอีกคนวิ่งหนีออกไปจัดการความรู้สึกนอกห้องพิจารณา ก้อนความรู้สึกที่พุ่งเข้ามาปะทะกับความเป็นมนุษย์ของคนกว่า 30 ชีวิตในนาทีนั้นคงไม่ต่างกัน
 
อากงเบิกความจบอย่างรวดเร็วมาก เพราะไม่ได้มีประเด็นข้อต่อสู้อะไรนอกจาก “ผมไม่ได้ทำครับ”
และ “ผมไม่รู้ครับ” อากงลุกขึ้นยกมือไหว้ศาลทั้งสามคนที่อายุรวมกันแล้วคงไม่มากกว่าอายุของแกนัก บอกว่า “ขอบคุณมากครับ” แกยังเชื่อมั่นของแกเสมอ หลานๆ วิ่งเข้าไปคุกเข่ากอดอากง (ในห้องพิจารณาคดีถ่ายรูปไม่ได้) ศาลนัดฟังคำพิพากษา 23 พฤศจิกายนนี้
 
ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะพาอากงขึ้นรถกลับไปยังเรือนจำ อากงเดินเข้าไปไหว้ลาอัยการอายุรุ่นราวคราวลูก บอกว่า “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ” อากงยกมือไหว้กองเชียร์ที่ไม่เคยรู้จักกัน ไหว้ผมด้วย ป๊าอุ๊ก็ไหว้ผม ก่อนอากงจะเดินอย่างเชื่องช้าไปไหว้ทนายทั้งสามคนที่อายุรวมกันแล้วคงไม่มากกว่าอายุของแกนักเช่นกัน
 
หลานๆ เดินไปส่งแกถึงประตูทางลงไปยังห้องขังใต้ถุนศาล ผมแอบถ่ายรูปไว้ เพื่อให้ดราม่าเพิ่มขึ้น
 
 
ปริศนาของคดีนี้ยังไม่มีใครรู้ความจริง ใครเป็นคนส่งข้อความ? ส่งทำไม? และทำไมหลักฐานถึงโยงมาว่าเป็นอากง? ทนายความได้ใช้ความเป็นมนุษย์เข้าต่อสู้กับหลักฐานทางคอมพิวเตอร์อย่างดีที่สุดแล้ว มีคนคนเดียวที่รู้คำตอบนี้นั่นคือ ตัวอากงเอง และวันนี้อากงได้ใช้โอกาสเดียวที่มีบอกความจริงกับโลกแล้ว
 
 

 

ความเห็น

Submitted by jk on

คดีนี้เป็นคดีอาญาใช่ไหม อัยการมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า จำเลย ผิดจริง มีหลักฐานไหนบอกหรือพิสูจน์ได้ว่า จำเลย กดส่งข้อความนั้นด้วยมือตัวเองบ้าง? หลักฐานที่มีบอกเพียงว่า โทรศัพท์ หมายเลขอะไร ส่งขอ้ความอะไร ไปยังหมายเลขอะไร เท่านั้นหรือ ได้ระบุสถานที่ที่ส่งข้อความ และจำเลยอยู่ ณ ที่นั้น ในเวลานั้นด้วยหรือไม่?

Submitted by LK on

คดีหมื่นเป็นคดีที่หาคนมาเป็นพยานยาก คนทำงานก็ทำยาก ขนาดแค่จะสั่งฟ้องหรือไม่บางทียังยากเลย เดาเอาเองว่าส่วนใหญ่น่าจะสั่งฟ้องไปก่อน

หากศาลยังมีความเคลือบแคลงใจ ก็ต้องสั่งยกฟ้อง เพราะเป็นคดีอาญา

อ่านแล้วเศร้าใจจริงๆ

Submitted by YA on

แกเขียนดีอ่ะ เหมือนเข้าไปนั่งห้องพิจฯเองเลย
แทบกลั้นก้อนสะอื้นที่ถาโถมโจมตีไม่ได้เหมือนกัน
23 พ.ย.มาเล่าต่อด้วยนะ รอฟังอยู่ว่ะ

Submitted by okovski on

ด้วยความเคารพต่อดุลพินิจของศาลและแนวทางการต่อสู้ของทนายความจำเลยครับ ผมเห็นด้วยกับคุณ jk ผมว่าถ้าอัยการพิสูจน์ไม่ได้ว่าอากงกดส่งข้อความด้วยตัวเองก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย เฉพาะแค่หลักฐานทางคอมพิวเตอร์เพียงแค่ยืนยันว่าข้อความถูกส่งจากเครื่องของอากง แต่องค์ประกอบความผิดจะลงโทษอากงได้ต้องเป็นตัวอากงเองที่เป็นคนส่ง เพียงแค่ข้อความส่งจากเครื่องอากงไม่น่าเพียงพอที่จะสรุปเอาได้ว่าอากงเป็นคนส่ง

ทางเป็นไปได้ก็คงต้องลองสืบพยานผู้เชี่ยวชาญดูถึงความเป็นไปได้ที่ข้อมูลจะคลาดเคลื่อนด้วยวิธีการต่างๆ เช่นสายพันกัน การเจาะแฮ็กข้อมูลระบบเครือข่ายโทรศัพท์เพื่อสร้างเลขหมายและรหัสเครื่องลวง ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น คดีนี้หินครับ แต่ก็ไม่น่าถึงปิดประตูชนะเสียทีเดียว

Submitted by jk on

อีกทางที่น่าทำได้ คือ พิสูจน์ว่า อากง ไม่มีความสามารถในการส่ง SMS

ข้อสังเกตอีกอย่าง คือ ในคดีหมิ่นที่มีส่วนสัมพันธ์กับเสื้อแดง หากพิสูจน์ได้ว่ามีการจัดตั้งเป็นระบบไม่สามารถทำงานเพียงคนๆเดียวได้ ควรต้องพิจารณาว่า อากง เป็นส่วนหนึ่งของระบบหรือไม่ มีบทบาทอะไร และยิ่งหากการจัดตั้งมีเครือข่ายกว้างขวาง มีผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีโทรคมนาคมเกี่ยวข้อง อากงอาจจะเป็นเพียงเหยื่อในกรณีนี้

Submitted by Lex on

อยู่ข้างนอก เข้าไปพร้อมทนายอานนท์ ตั้งแต่สืบโจทก์ครั้งแรก จนกระทั้ง สืบจำเลยวันสุดท้าย มันเป็นหนังชีวิตที่โหดร้ายมาก
เขียนได้ดีมาก แต่อยากให้ทุกท่านไปเห็นบรรยากาศจิงมากกว่า

Submitted by Songkrant on

เป็นงานเขียนที่บีบคั้นหัวใจของคนอ่านมาก ๆ ครับ ไม่ว่าผลคดีจะออกมาอย่างไร มันจะเป็นเอกสารที่สะท้อนให้เห็นปัญหาสำคัญของกระบวนการยุติธรรมไทย รวมถึงข้อจำกัดของกระบวนการยุติธรรมไทย ที่มีชีวิตและเสรีภาพของมนุษย์เป็นเครื่องเซ่นสังเวย ขอบคุณคนเขียนที่เขียนงานดี ๆ ให้อ่านและทำให้เห็นความเป็นมนุษย์ของคนในระบบที่แข็งทีอของกระบวนการยุติธรรม

Submitted by panu on

มีคนแนะนำว่า น่าจะลองพิสูจน์สายตาอากงและระยะการเห็นตัวอักษรในโทรศัพท์ดู เนื่องจากคนแก่จำนวนมากมองตัวหนังสือบนจอไม่เห็น "แกมองไม่เห็นแผ่นคำสาบานจึงต้องให้ทนายอ่านให้"

Submitted by lomi on

จากที่อ่านทำให้ผมได้คิดว่า แค่คดีส่ง SMS ที่ยังพิสูจน์คนทำไม่ได้ ติดคุกรอไปแล้วเป็นปี(ถ้าเกิดผมส่งมือถือไปซ่อม แล้วคนซ่อมมันส่ง sms ผมจะรู้ไหม ซวยเลยว่างั้น กว่าจะรู้ตัวว่าโดนก็ลืมไปแล้วมั้งว่าเอามือถือไปทำอะไรบ้าง ฝากใครไว้มั่ง ทุกคนไม่ได้ใช้ Iphone จะได้เคลมศูนย์ได้นี่นะ) ส่วนพวกที่มีอำนาจ มีเงินมีทอง ฆ่าคนตาย(ขับรถชน/จ้างวานฆ่า/...) ยังไม่เห็นจะโดนจับ หลักฐานไม่พอ เยาวชน ??? หลบหนีไปนอกประเทศ?? บางครั้งทำให้ผมสงสัยว่ากฎหมายมีไว้ใช้กับคนที่ ยากจน ไม่อำนาจอย่างนั้น หรือ ???

Submitted by มักคังคัง on

น่าสงสารอากงนะครับ ถ้าท่านไม่ได้ทำ
อ่านมาก็สงสัยว่า คดีนี้มีส่วนสนันทำให้ควรแก้ไข ม.112 ด้วยเหรอครับ
มันดูเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายมากกว่า และถึงจะเป็นคดีหมิ่นบุคคลทั่วไปทาง SMS ก็คงต้องสู้กันไปอย่างนี้

ขอให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรมนะครับ

Submitted by tul_tooru on

คดีนี้ ศาลมีคำพิพากษาหรือยังครับ อยากทราบมากๆ

Submitted by groomgrim on

เรียนทุกท่าน ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ

ตอนเขียนไม่คิดเลยว่าบล็อกนี้จะเป็นบล็อกที่มีคนอ่านมากที่ีสุดตั้งแต่ผมเขียนบล็อกมาสองปี

เรียนทราบว่า คดีนี้ จริงๆ แล้วตำรวจไม่ได้มีหลักฐานว่าเบอร์อากงเป็นคนส่งนะครับ แต่มีหลักฐานว่าเบอร์ที่ใช้ส่งซึ่งเป็นเบอร์ใครไม่รู้ ใช้ส่งจากโทรศัพท์ที่มีเลขหมายประจำเครื่อง(เลขอีมี่) ตรงกับเครื่องที่อากงยอมรับว่าเป็นคนใช้อยู่คนเดียว และส่งจากบริเวณแถวๆ บ้านของอากง คดีนี้หลักฐานทางคอมพิวเตอร์มาเท่านี้ครับ

ส่วนพฤติการณ์ความสามารถของอากงในการอ่าน เขียน ส่งSMSและกระทำความผิดที่ร้ายแรง คิดว่าศาลได้เห็นแล้วครับ

หลักฐานของตำรวจที่ว่ามานี้เพียงพอจะยืนยันชัดเจน ปราศจากข้อสงสัยหรือไม่ ต้องให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัย คดีนี้นอกจากจะเป็นคดี 112 แล้วยังเป็นคดีอันอาจเป็นบรรทัดฐานเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และการพิสูจน์ตัวบุคคลจากเลขอีมี่โทรศัพท์ด้วยครับ

ร่วมเป็นกำลังใจให้อากงและลุ้มผลคำพิพากษาด้วยกันแล้วกันนะครับ

Submitted by Lon on

อ่านแล้วร้องไห้เลยอ่ะ ยอมรับว่าสงสารอากง แกอายุมากแล้ว ต้องใช้ชีวิตแบบนั้นทั้งที่ยังพิสูจน์ความจริงไม่ได้
ว่าแกเป็นคนส่ง อ่านแล้วรู้สึกว่า ทำไมกระบวนการยุติธรรมของบ้านเรามันเป็นอย่างนี้

Submitted by hfff on

ผมสงสัยมากว่า ทำไมอากงต้องส่งSMSเข้ามือถือเลขาฯนายกรัฐมนตรี ไม่เข้าใจ

Submitted by อดีตพิธีกรงาน 5... on

ผมเชื่อ 99.9 % ว่าอากงไม่ได้ส่งข้อความนั้นครับ ความผิดพลาดทางโทรศัพท์เกิดขึ้นได้ ผมเคยวางโทรศัพท์มือถือไว้เฉยๆ ไม่ได้สัมผัสมันด้วยซ้ำมันโทรออกเฉยเลย เห็นกับตาครับ วางอยู่ตรงหน้า มันโทรออกไปเฉยๆ เรื่องจริงครับ เขาถึงบอกให้ล็อคโทรออกตอนไม่ได้ใช้ไงครับ...

Submitted by หมอน on

ขอบคุณค่ะ ที่เขียนมาให้รับรู้กันในวงกว้างยิ่งขึ้น
ขออนุญาตเอาไป "แบ่งปัน" นะคะ

คดีอากง ถ้าศาลยังตัดสินไม่ได้ ก็เข้าใจได้นะ
แต่ที่ไม่เข้าใจเลย และรู้สึก (I think and I feel . . .) มากๆ
ว่า ทำไมถึงไม่ให้ประกันตัว ในกรณีนี้ ที่เป็นผู้สูงอายุ ไม่ได้มีความประพฤติ
หรือนิสัยที่สืบได้ว่า ร้ายแรง เป็นอันตราย หรือจะหนีคดี
และที่สำคัญ คือไม่ได้มีหลักฐานแม้แต่น้อย
ว่า อากงเป็นคนส่งข้อความ นอกจากหลักฐานจากคอมพิวเตอร์
เฮอะ! คอมพิวเตอร์มันคง set program เองได้หรอกนะ

เราเรียกคดีนี้ว่า "คดีไร้ใจว่ะค่ะ"
เมืองพุทธ แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง . . . ของใครกัน

เคยเห็นป้าย และข้อความในสื่อ ใน ฟบ.
ที่มีเนื้อความว่า "๑๑๒ หนักหัวใคร"

เห็นรูปนี้ คนที่ถามหรือสงสัย จะได้คำตอบมั้ยนะ
เราว่า "๑๑๒ อย่างน้อยๆ ก็หนักหัวอากง และหลานๆ แก ๔ คน" นี่ล่ะ
ถ้าคนที่ในหัวมีความคิด
และในหัวใจมีความรู้สึกอยู่บ้าง คงรับรู้ได้

Submitted by ช้อคค่าSMS on

ผมเคยเกิดปัญหาเรื่อง SMS กับ True มันส่งบิลมาเก็บค่าส่ง SMS 5500 บาท (ห้าพันห้าร้อย) ผมไม่เคยส่งSMSเยอะขนาดนั้นในรอบเดือนเดียว เลยขอดูรายละเอียดปลายทางเบอร์ที่ผมส่งไป ปรากฎว่าเป็นเยอร์ของผมเอง คือเครื่องผมเงส่งเข้าเครื่องผมเองครับส่งทุกวินาทีจนหมดวงเงินใช้งาน มันบอกว่ายังไงคุณกต้องจ่ายเงินมาก่อนแล้วจะพิจารณา ผมบอกมันว่าให้ไปฟ้องให้ศาลสั่งมาสิถ้าผมส่งSMSถึงตัวผมเอวจริงจริงแล้วผมได้ประโยชน์อะไร นี่ถ้าเบอร์ปลายทางเป็นเบอร์คนอื่นผมคงเสร็จมัน ผมขอเลิกใช้และไม่จ่ายทั้งสิ้น แล้วมันก็เงียบไปเลย
อย่าคิดว่าเครื่องคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มันเชื่อถือได้เสมอไปนะครับ ผมโดนกับตัวมาแล้ว

Submitted by ช้อคค่าSMS on

อันที่จริง เอาหลักฐานของผมซึ่งน่าจะคงอยู่ในServerของ TRUE เมล์หาผมครับผมจะแจ้งรายละเอียดให้เพื่อไปประกอบให้ศาลพิจารณาครับ
อนึ่งเครื่องจักรกลไฟฟ้ามันมีค่าผิดพลาดประจำทุกตัว ขนาดตัวต้านทานที่ใช้ประกอบแผงวงจรไฟฟ้าชนิดดีที่สุดที่มีขายในปัจจุบัน จำได้ว่าค่าคลาดเคลื่อน +- 0.5 % ก็คือ1%ครับ จึงเจอเสมอที่สายพันกันโทรไปติดที่อื่น หรือคนอื่นโทรผิดมาหาเรา

Submitted by groomgrim on

วันนี้ทุกสายตา กับทุกอารมณ์ อาจจะจดจ้องไปที่โทษ 20 ปีของ อากง SMS อาจจะมีคำถาม คำสาปแช่ง หรือก่นด่า ในนาทีนี้อยากขอ 2 อย่างครับ 1.อย่าโทษทนาย 2.อย่าด่าศาล(แบบเจาะจงตัวบุคคล) วิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเป็นธรรมและสุภาพ ทนายน้อมรับครับ ผมน้อมรับ เพราะฉะนั้นกองเชียร์ ใจเย็นๆ ครับ

เวลานี้สิ่งที่แย่ที่สุดอาจจะไม่ได้อยู่ที่ระบบยุติธรรม แต่เป็นความรู้สึกของภรรยาอากง ลูกๆ หลานๆ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของอากงดีกว่าครับ ว่าสักวัน มันจะต้องมีอะไรดีขึ้น 20 ปี อาจจะไม่ได้มีตลอดไป (ภาวนา)

และเราจะไม่หยุดคิด หยุดตั้งคำถามกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่เราจะทำได้

ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันเป็นกำลังใจให้อากงครับ

เด็กหนุ่มในอพาร์ทเม้นต์

 
ชั้น 10 ของอพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่ง 

เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี นั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่คนเดียวบนชั้นนั้น

เด็กหนุ่มเพิ่งเข้าเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง แต่วันนี้เขาขี้เกียจไปเรียน จึงนั่งเล่นคอม แชทคุยกับสาวๆ อยู่ที่บ้าน