Asia Leaders Programme, University for Peace: ทุนนี้ท่านได้แต่ใดมา

ก่อนจะไปพูดเรื่องอื่น อาจจะมีคนสงสัยอยู่พอประมาณว่าทุนการศึกษาบ้าอะไรส่งคนไปเรียนที่ประเทศคอสตาริกา (อะไรนะ? แองโกล่า! อะไรนะ? อันดอร์ร่า! ไม่ใช่ ก็บอกว่าคอสตาริกา! -- นี่คือปฏิกิริยาที่ได้รับจากผู้คนเวลาบอกว่าจะไปเรียนหนังสือที่คอสตาริกา หรืออีกประเภทก็จะทำตาลอยๆ ถามเสียงค่อยๆ ว่า "มันอยู่ส่วนไหนของโลกอ่ะ") สาเหตุที่ต้องไปเรียนที่ฟิลิปปินส์และคอสตาริกานั้นเป็นเพราะว่าทุนการศึกษานี้เป็นโปรแกรมร่วมระหว่างสองมหาวิทยาลัยคือ Ateneo De Manila และ The University for Peace โดยมี Nippon Foundation เป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงิน โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือสร้างคนทำงานชาวเอเชียในองค์กรระดับนานาชาติ เพราะแม้ว่าประชากรในทวีปเอเชียจะเท่ากับเศษสองส่วนสามของประชากรโลก แต่เมื่อพิจารณาบทบาทของคนทำงานชาวเอเชียในระดับนานาชาติก็ยังถือว่ามีไม่มากนัก

ลักษณะโปรแกรมนั้นถูกออกแบบมาโดยเอเชียเพื่อเอเชียของเอเชีย เริ่มจากคอร์สภาษาอังกฤษที่มะนิลา (ยาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับคะแนนไอเอลส์และโทเฟลของคุณ มีทั้งแบบ 6 เดือนและ 2 เดือน) ถ้ามีปัญญาผ่านคอร์สภาษาอังกฤษที่มะนิลานี้ก็จะได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่คอสตาริกา โดยมีให้เลือกตามใจชอบ 11 สาขา อันได้แก่

Environmental Security and Governance

Environmental Security and Governance - Specialization in Climate Change  and Security (CCS)

Gender and Peace Building

International Law and Human Rights

International Law and the Settlement of Disputes

International Peace Studies 

Media, Peace and Conflict Studies

Sustainable Natural Resource Management

Peace Education

Responsible Management and Sustainable Economic Development

Sustainable Urban Governance and Peace


และเมื่อจบคอร์สที่ University for Peace (เรียกสั้นๆ ว่า UPEACE) แล้ว ทุกคนต้องกลับมาที่มะนิลาอีกรอบเพื่อเรียนวิชาที่เหลือโดยเน้นการสร้างสันติภาพในบริบทเอเชีย และหลังจากนั้น นักเรียนทุนทุกคนต้องฝึกงานในประเทศไหนก็ได้ในทวีปเอเชีย (ยกเว้นประเทศตัวเอง) อีกประมาณสามเดือน เป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาอย่างโหดร้ายทารุณแต่ก็น่าจะตอบโจทย์การสร้างผู้ปฏิบัติงานชาวเอเชียในองค์กรนานาชาติได้ (เรียบจบแล้วจะมาบอกอีกทีว่าโหดขนาดนี้มันตอบโจทย์ได้หรือไม่ได้!) แต่ข้อดีของทุนนี้คือมันเป็นทุนเต็ม ซึ่งหมายความว่าคนเรียนไม่ต้องออกอะไรเลย นอกจากค่าเอกสารและค่าใช้จ่ายบางอย่างที่รวมกันไม่เกินหมื่น ในขณะที่ตั๋วเครื่องบินไปกลับฟิลิปปินส์-คอสตาริการาคาร่วมแสน มองมุมไหนก็คุ้ม :)

รายละเอียดของทุนในปีการศึกษา 2013-14 ตามไปดูได้ที่ http://www.upeace.org/academic/spec_masters/alp.cfm

มหาวิทยาลัยทั้งสองอาจจะไม่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองไทย (อย่าว่าแต่โด่งดัง เรียกว่าไม่รู้จักเลยดีกว่า เพราะกพ.ไม่รับรองปริญญาจาก UPEACE นะจ๊ะ) แต่ Ateneo De Manila นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นมหา'ลัยอีลีตในฟิลิปปินส์ เพื่อนปินอยนายหนึ่งถึงกับกล่าวให้ฟังว่า "If you have brain and money, you go to Ateneo, if you have brain but no money, you go to UP" ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของฟิลิปปินส์ Noynoy Aquino ก็เป็นศิษย์เก่าที่นี่ และ Noynoy นั้นเคยเป็นลูกศิษย์ของ Gloria Arroyo ที่ Ateneo ก่อนที่ศิษย์และครูต้องมาฟาดฟันกันในสนามการเมือง

ส่วน UPEACE เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งขึ้นในปี 1980 ตามมติที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ "เพื่อให้มีสถาบันการศึกษานานาชาติสำหรับสันติภาพ และเพื่อจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมเจตนารมณ์เพื่อความเข้าอกเข้าใจ, การยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในมวลหมู่มนุษยชาติ ตามที่ได้ประกาศไว้ในกฏบัตรสหประชาชาติ" แต่ถ้าถามว่าทำไม UN ต้องแถไปตั้งมหา'ลัยอยู่ที่คอสตาริกา ให้คนทำหน้างงเวลาบอกว่าจะไปเรียน อันนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่แน่ใจในเหตุผล แต่เกร็ดน่าสนใจบางประการเกี่ยวกับประเทศนี้คือคอสตาริกาเป็นหนึ่งใน 15 ประเทศในโลกที่ปราศจากกองทัพและกองกำลังทหารทุกชนิด

และบล็อกชื่อเรียกยากอย่างเซอร์เรียลนี้ ข้าพเจ้าคาดหวังให้มันเป็นบันทึกการเดินทางไปตามหาปริญญาโท ณ อีกซีกโลกหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยรู้จัก (ถ้าไม่ถูกส่งกลับเพราะตกภาษาอังกฤษอ่ะนะ!) นอกจากใบปริญญาและความรู้, ผู้คน เรื่องเล่า และเรื่องราวที่พบเจอระหว่างทางก็เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำหล่นหายไปจากความทรงจำ ข้าพเจ้าเชื่อว่า, วิธีการหนึ่งที่จะทำให้ความทรงจำมีอายุยืนยาวก็คือการเขียนถึงความทรงจำเหล่านั้น, ทำให้มันมีชีวิตเป็นของตัวเอง.  

 

ความเห็น

ขอบคุณทุกความเห็น โดยเฉพาะของคุณ mhonism มันคุ้มจริงๆ ค่ะ คุ้มยิ่งกว่าถูกหวยรวยไฮโลอีกนะคะคุณ :D

จะพยายามอัพบ่อยๆ ค่ะ แค่ฟิลิปปินส์นี่ก็เป็นประเทศที่มีอะไรน่าสนใจเยอะมาก ประเด็นที่คิดๆ ไว้ตอนนี้ว่าจะเขียนก็มีเรื่องปาเกียว, เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 1984 แต่ไม่เคยเดินเครื่องเพราะภาคประชาชนคัดค้านสำเร็จ และก็เรื่องกฎหมายอนามัยการเจริญพันธุ์ที่ควรจะต้องผ่านเพราะประชากรล้นเกาะ ทะลุหลักร้อยล้านไปแล้ว แต่ก็โดนโบสถ์คัดค้านอย่างหนัก (ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีประชากรนับถือคาทอลิกมากเป็นอันดับสามของโลก) ขอเวลาเรียบเรียงอีกสักหน่อย

ป.ล.ถ้าอยากวิจารณ์ก็วิจารณ์ได้เลยค่ะ ไม่ต้องชมอย่างเดียว เจ้าของบล็อกชอบให้ด่า จะได้รู้ว่าตรงไหนควรปรับปรุง อย่างเช่นสไตล์การเขียน การเล่าเรื่อง การเรียบเรียง เนื้อหา :D

Submitted by บลาสต์ on

เข้ามาเชียร์ให้เขียนประจำ
ชอบมุกข์เล่าเรื่องเวลาไปต่างประเทศ มีสไตล์ดี
เอาไว้รวมเล่มด้วยก็ดี อยากขายหนังสือของเพื่อน อิอิ

ถามไปตอบมา by ศิราณี ณ UPEACE

หลังจากอัพบล็อกไปคราวก่อนก็มีคำถามส่งมาหลังไมค์ ว่าด้วยทุนและหลักสูตรปริญญาโทของ University for Peace คำถามยาวเหยียดชุดนี้มาจากคุณป.ผู้ซึ่งทำงานอยู่ ณ องค์กรว่าด้วยกฎหมายและสิ่งแวดล้อมแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าอยากจะตอบคำถามเหล่านี้เผื่อว่าคำตอบจะเป็นประโยชน์กับหลายคนที่สนใจหรือจดๆ จ้องๆ อยู่ว่าจะสมัครดี

Asia Leaders Programme, University for Peace: ทุนนี้ท่านได้แต่ใดมา

ก่อนจะไปพูดเรื่องอื่น อาจจะมีคนสงสัยอยู่พอประมาณว่าทุนการศึกษาบ้าอะไรส่งคนไปเรียนที่ประเทศคอสตาริกา (อะไรนะ? แองโกล่า! อะไรนะ? อันดอร์ร่า! ไม่ใช่ ก็บอกว่าคอสตาริกา!