สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

kittiphan 20080108 2

กาลชีวิตของผมเดินทางผ่านมาแล้วอีกหนึ่งปี และคงจะเดินทางต่อไปตามเข็มนาฬิกา สายน้ำ สาดลม แสงแดด เช่นนี้อีกเรื่อยๆ ตราบที่ยังคงมีลมหายใจอยู่...

เมื่อปีที่แล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้น อันเกี่ยวข้องกับเยาวชน คนหนุ่มสาวในประเทศนี้มีมากมายทั้งร้ายดี โดยส่วนตัวแล้ว เห็นความพยายามของผู้ใหญ่หลายภาคส่วนที่เข้ามาสนับสนุนการทำกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมของเยาวชนอยู่มากมายหลายหลาก

โครงการพัฒนาเยาวชนจำนวนมาก ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคธุรกิจ ล้วนมุ่งเน้นให้เยาวชนคนหนุ่มสาวเข้ามาทำกิจกรรมทางสังคมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างที่ได้รับรู้มาดังเช่น โครงการเยาวชนไทยไม่ทอดทิ้งสังคม ที่เครือข่ายเยาวชน 14 กลุ่ม ได้ดำเนินการภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, โครงการ Youth Venture โครงการที่ทางมูลนิธิอโชก้า ประเทศไทย ดำเนินการขึ้นเพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการทำกิจกรรมตามที่ตนถนัด, โครงการของภาคธุรกิจ เช่น โครงการที่มูนนิธิซีเมนต์ไทยสนับสนุน โครงการชั่วโมงนี้เพื่อเด็ก ที่ทางสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนฯ ดำเนินการ หรือแม้แต่โครงการแบ่งปันฯ ที่ทางเครือข่ายนักธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับภาคีดำเนินการ ฯลฯ

ลักษณะโครงการตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น มีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนเข้ามาทำกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็น “มือใหม่” หรือ “มือปานกลาง” หรือ “มือเก่า” ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางให้เยาวชน ในการเข้ามาขอรับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ ได้ทั้งสิ้น

กล่าวสำหรับเยาวชนมือใหม่ ที่ออกมาทำกิจกรรมเพื่อสังคม ตามที่โครงการเยาวชนไทยไม่ทอดทิ้งสังคม หรือ ชื่อสั้นๆ ว่า “เยาวชนพันทาง” นั้น ก็ได้ดำเนินการสนับสนุนเยาวชนมือใหม่มากกว่า 300 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่เยาวชนได้คิดเองและดำเนินการเองภายใต้งบประมาณสนับสนุนไม่เกินโครงการละ 8,000 บาท ทั่วประเทศ

kittiphan 20080108 1

จากที่ได้รับฟังความรู้สึกของเยาวชนมือใหม่ที่เข้ามาทำกิจกรรมเพื่อสังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น สอนหนังสือให้ น้อง อาสาสมัครตรวจสอบการเลือกตั้ง ค่ายพัฒนาทักษะ ละครสัญจร ปลูกป่า อนุรักษ์น้ำ เป็นต้น เยาวชนหลายคนต่างมองว่าการทำกิจกรรมทางสังคมนี้ เป็นการทำให้ตัวเองเห็นคุณค่าและประโยชน์ของตัวเองในการทำเพื่อผู้อื่น และยังช่วยทำให้เกิดความรัก ความหวงแหนต่อชุมชนหมู่บ้านของตนมากขึ้น

คือได้ฝึกคิด ฝึกทำ ไปด้วยพร้อมๆ กัน

เมื่อย้อนกลับมามองที่ตัวเอง, ผมจำได้ว่า ตอนเมื่อก่อนที่แรกเข้ามาทำกิจกรรมทางสังคม กิจกรรมเยาวชนนี้ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเท่าใดนัก จะมีเพียงแต่องค์กรพัฒนาเอกชนที่สนับสนุนการทำกิจกรรม และอีกอย่างที่พบก็คือลักษณะกิจกรรมที่บางองค์กรที่สนับสนุนให้เยาวชนทำก็เป็นกิจกรรมประเภทการประชุม เอาเด็ก มานั่งฟังผู้ใหญ่บรรยาย แต่ไม่ได้สร้างการเรียนรู้มากเท่าที่ควร

ช่วงเมื่อก่อนจำได้ว่ากว่าจะเรียกตัวเองได้ว่าเป็นเด็กกิจกรรมนั้นต้องผ่านการอบรม เคี้ยว เค้น ฝึกทักษะ ลงสนามต่างๆ นานา กว่าจะได้มานำกระบวนการ ชวนคุยในวงใหญ่ ได้แสดงละครตามที่ต่างๆ ต้องใช้เวลานานหลายเดือนหลายปี แต่สมัยนี้เยาวชนนักกิจกรรมรุ่นใหม่ๆ มักเข้ามาโดยผ่านการจัดเวทีประชุม เพื่อนำเสนอความคิดเห็นมากกว่า ดังนั้นในช่วงหลังๆ จึงมักได้ยินคำพูดของรุ่นพี่หลายๆ คนว่า “เด็กกิจกรรมสมัยนี้พูดเป็น แต่คิดไม่เป็น”

เมื่อฟังคำพูดและมองสิ่งที่กำลังเป็นไปอยู่ในทุกวันนี้ ผมเห็นว่ามีเวทีต่างๆ มากมายที่ผู้ใหญ่ให้เยาวชนเข้าร่วม ให้เยาวชนออกมามีส่วนสำคัญในการแสดงพลัง แต่มักเป็น ลักษณะเวทีพูดมากกว่าเวทีคิด หลายครั้งเราจะพบว่าเยาวชนพูด นำเสนอเก่ง แต่คิดหรือวิเคราะห์ไม่ค่อยได้(เรื่อง) ซึ่งทำให้ขาดมุมมอง เนื้อหา ประเด็นจากประสบการณ์จริงๆ เข้ามาช่วยสนับสนุน คือถ้าพูดตรงๆ คือ พูดลอยไปลอยมา มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ เทือกนั้นๆ

(เยาวชนหลายคนที่เข้าร่วม “สภาเด็กและเยาวชน” ระดับจังหวัด ของที่ต่างๆ น่าจะทราบดีว่า กิจกรรมแบบที่ให้เยาวชนเข้ามาร่วมแบบผ่านๆ นั้น เกิดผลกระทบต่อตัวเยาวชนอย่างไรบ้าง หรือ เยาวชนที่ไม่ทำกิจกรรมกับสภาเยาวชนจังหวัด แต่เป็นกลุ่มที่ทำกิจกรรมในพื้นที่ ก็จะพบและรู้ว่าการทำงานในพื้นที่แบบจริงๆ จังๆ นั้น ช่วยให้ตัวเองคิด วิเคราะห์เป็นมากน้อยเพียงใด)

นอกจากนี้อีกมุมที่เห็นคือ การพัฒนาเยาวชนให้เป็นนักกิจกรรมที่เกิดขึ้นช่วงหลังๆ มักเป็นกิจกรรมที่เอื้อเฉพาะเยาวชนที่ผู้ใหญ่มองว่าดี และเป็นเวทีพูดมากกว่าคิดนี้ ผมเข้าใจดีว่า ผู้ใหญ่เองมีความมุ่งหวังที่อยากจะทำกิจกรรมกับเยาวชนแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร คือ ไม่รู้ว่าจะทำกิจกรรมอะไรกับเยาวชน และไม่รู้ว่าจะเข้าถึงกลุ่มเยาวชนต่างๆ ที่หลากหลายได้อย่างไร

โดยเฉพาะผู้ใหญ่ระดับ “องค์การบริหารส่วนตำบล” ที่ต่อไปจะต้องทำงานกับเยาวชนมากขึ้น ยิ่งปัจจุบันกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ก็กำลังจะมีการประกาศใช้ ซึ่งจะส่งผลให้ทุกตำบลต้องมีศูนย์เยาวชน, ทุกอำเภอ ต้องมีสภาเด็กและเยาวชนอำเภอ, ทุกจังหวัดต้องมีสภาเด็กและเยาวชนจังหวัด, และรวมทั้งประเทศก็จะมีสภาเด็กและเยาวชนระดับประเทศไทยด้วย

ทีนี้กลับมาว่า เมื่อนโยบายพร้อมสนับสนุน แต่คนทำงานยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ก็เป็นบทบาทจำเป็นอย่างยิ่งของผู้ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเด็กและเยาวชนว่านอกจากจะคิดหรือกำหนดนโยบายในการพัฒนาเด็กและเยาวชนแล้ว ต้องพัฒนาแนวทางในการพัฒนาคนทำงาน องค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนในระดับพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนตำบลและโรงเรียน ที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนอย่างมากในท้องถิ่น

สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในห้วงต่อไป คือความท้าทายของคนทำงานกับเยาวชนและเยาวชนนักกิจกรรมทั้งหลายที่จะดำเนินงานร่วมกัน, ท้าทายเช่นว่าจะสร้างเยาวชนให้มีความคิด วิเคราะห์ พูดเป็น ทำเป็น ได้พร้อมๆ กันอย่างไร โจทย์ใหญ่นั้นน่าจะอยู่ตรงจุดนี้ การที่ผู้ใหญ่จะทำอะไรเพื่อเยาวชนแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการตอนนี้คงจะใช้ไม่ค่อยได้ เพราะแนวทางที่ดีระดับหนึ่งคือ ถ้าจำอะไรเพื่อเยาวชน ต้องถามที่เยาวชน และใช้โอกาสนั้นๆ สร้างการเรียนรู้ที่หลากหลาย ให้เยาวชนพูดเป็น คิดเป็น ทำเป็น พร้อมๆ กัน ...ให้เยาวชนทำได้มากกว่า “พูด”

 

ความเห็น

แหม...เพิ่งรู้หรอกเหรอคะว่า "ผู้ใหญ่" เหล่านั้นคอยหลอกให้เราคิดไม่เป็นมาตลอด
เพราะถ้าเราคิดเป็นขึ้นมาจะไปขัดกับผลประโยชน์ของพวกเขาเราจึงต้องทำกิจกรรมอยู่ภายใต้การสอดส่องเสมอไป

Submitted by กิตติพันธ์ on

ผมกำลังศึกษา แผนพัฒนาเยาวชนฉบับต่างๆ
คงจะเอามาเล่าสู่กันฟังครับ
ว่ากระบวนการ หล่อหลอมเยาวชน
แบบที่ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่นั้น
มันผ่านอำนาจ กลไก รัฐอย่างไรบ้าง?

Submitted by เกรียนสาด ชามะนาว on

ผู้ใหญ่ที่ดีๆ กับลังจะกลับประเทศแล้ว

ป้าอ้อกลับมาล่วงหน้าก่อน

หวังว่าลุงษินจะกลับมาสร้างความสุขให้เด็กๆ ในช่วงสงกรานต์นี้นะครับ

ขอขอบคุณเยาวชนทุกคนที่ไปเลือกพรรคพลังประชาชนมา ณ ที่นี้ด้วย

Submitted by คนแก่ on

เยาวชนที่รัก .... ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการทหาร หรือเผด็จการรัฐสภาที่อ้างเสียงข้างมากในการซื้อเสียง ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยรักไท (พลังประชาชน) ลุงคิดว่าเขาทำกันทั้งนั้น

เยาว์ ที่รัก ... เราต้องพึ่งตนเอง นโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองต่างๆก็คือการใช้หาเสียง เผาผลาญเงินภาษีของประชาชน ของเรา ทั้งภาษีทางตรง และ ทางอ้อม

เยาวฃนที่รัก ลงไปศึกษากับพี่น้องประชาชนชาวบ้าน แล้วเราจักล่วงรู้ความเป็นจริง!!!

Submitted by กิตติพันธ์ on

เราต้องช่วยเหลือตัวเอง, เยาวชนชาติไทยเอ๋ย ประเทศนี้มีอะไรให้เราบ้าง
ขบถ, ปฏิวัติ ตนเอง

ผมเชื่อว่า เราเริ่มจากตัวเรา
ทีละคน ๆ
สังคมมันเปลี่ยนแน่
สังคมเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนตัวเอง

Submitted by เกรียนสาด ชามะนาว on

Submitted by คนแก่ on 11 January 2008 - 14:42:34 - ip: 61.7.170.173

เยาวชนที่รัก .... ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการทหาร หรือเผด็จการรัฐสภาที่อ้างเสียงข้างมากในการซื้อเสียง ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยรักไท (พลังประชาชน) ลุงคิดว่าเขาทำกันทั้งนั้น

เยาว์ ที่รัก ... เราต้องพึ่งตนเอง นโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองต่างๆก็คือการใช้หาเสียง เผาผลาญเงินภาษีของประชาชน ของเรา ทั้งภาษีทางตรง และ ทางอ้อม

เยาวฃนที่รัก ลงไปศึกษากับพี่น้องประชาชนชาวบ้าน แล้วเราจักล่วงรู้ความเป็นจริง!!!

========================
ความคิดปัญญาอ่อนแบบนี้ยังมีหรือเนี่ย
ดูถูกคนจนว่าหลงกับประชานิยม

ตัวเองนั่นแหละ หลงโง่งมในการเป็นชนชั้นกลางผู้รู้เท่าทันคนอื่น
แหวะ

Submitted by ไลออนพันเอกนายแ... on

ขณะนี้ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้อบรมเยาวชนผู้นำ โดยใช้โครงการเพาะพันธ์มนุษย์อัจฉริยะ ไปแล้วโดยมีผู้ร่วมโครงการจาก 13 โรงเรียน วัตถุประสงค์ เพื่อสร้างคนให้เป็นมนุษย์ คือ
ผู้มีจิตใจสูง และชี้ให้เห็นว่าทุกคนเป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องรู้วิธีการรีดเร้นอัจฉริยะภาพของตัวเองออกมา หรือผู้จัดอบรมต้องรู้วิธีรีดเร้นอัจฉริยะภาพของเด็กและเยาวชนออกมา
โครงการนี้ได้รับความอนุเคราะห์ต้นแบบมาจากท่านพุทธทาสภิกขุในการสร้างคนให้เป็นมนุษย์ และ ภาคธุรกิจที่สร้างคนให้เป็นอัจฉริยะ จากเด็กบ้านนอก สอบได้ที่ 43 ขณะนี้รายได้เดือนละ
1 ล้านบาท (ครูผมเอง) และหลักการอบรมโดยใช้ความรู้ด้านสมองเป็นฐาน BRAIN BASED LEARNING จากสถาบันวิทยาการการเรียนรู้ และหลักสูตร LIFE SKILL FOR ADOLECENSE
ทักษะชีวิตสำหรับเยาวชน โดยวิทยากรจากสโมสรไลออนส์เมืองวารินชำราบ และทีมวิทยากร
จาก TEEN CENTER ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี วิทยากรจิตวิทยาสำหรับวัยรุ่นจาก
รพ.พระศรีมหาโพธิ์ อุบลราชธานี และ พระครูศุภกิจมงคล เจ้าอาวาสวัดโนนมะเขือ กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี ฯ ทั้งนี้โครงการจะเพาะสร้างและเครือข่ายมนุษย์อัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง

Submitted by ไลออนพันเอกนายแ... on

ต่อเนื่องจาก comment เดิม โครงการเพาะพันธ์มนุษย์อัจฉริยะ องค์กรใด หรือ โรงเรียนใด
จังหวัดใด สนใจโครงการ สามารถติดต่อได้ที่ 081-2820050 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอแนะนำตัวเองก่อน ผม ไลออนพันเอกนายแพทย์ บวร แมลงภู่ทอง ผู้อำนวยการ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขและผู้อำนวยการศูนย์บริการครอบครัว และศูนย์บริการวัยรุ่น อุบลราชธานี และเครือข่ายชมรมสุขภาพวัยรุ่นและที่ปรึกษาด้านพัฒนาเด็กและเยาวชนสโมสรไลออนส์สากลภาค 310 อี
และที่ปรึกษาโครงการคาราวานสร้างเสริมเด็ก และเครือข่ายสถาบันวิทยาการการเรียนรู้
และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเขตพื้นที่การศึกษาที่ 4 จังหวัดอุบลราชธานี
ถ้าจะให้ประสานเรื่องใดอาจสามารถช่วยได้ กรุณาเรียกใช้บริการได้
ขณะนี้พระราชบัญญัติ่ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ 2550 ลงราชกิจจานุเบกษา เมือ วันที่ 14 มกราคม 2551 มีผลบังคับใช้อีก 90 วัน สาระคือ เด็ก ถึงอายุ 18 ปี เยาวชน ถึงอายุ 25 ปี และ ให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร่วมมือ ส่งเสริม และประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานอื่น (มีต่อ)

Submitted by ไลออนพันเอกนายแ... on

(ต่อ) หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในระดับท้องถิ่น
และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ
ข้อแนะนำ ขอให้ใช้หลักการทรงงานของในหลวง ข้อแรก ต้องรู้จริง เพราะสำเร็จแรกสำเร็จที่คิด ถ้าคิดผิด โอกาสทำถูกน้อย และผลก็คงเป็นไปตามเหตุ
ขอให้เชิญผู้ถือเงิน คนทำงาน นักวิชาการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครู หมอ พ่อแม่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น เด็ก เยาวชน คนสามวัย นักวิชาการผู้มีความรู้ด้านพัฒนาเด็กและเยาวชน (อบรมให้หลายรุ่นแล้ว
จากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ชมรมจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ชมรมสุขภาพวัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ของโรงเรียนแพทย์ ฯลฯ)
สร้าง มนุษย์ (ผู้มีจิตใจสูง = EQ ดี) อัจฉริยะ (ผู้มี IQ ดี Multiple intelligence ) และใช้ Circle of Success ไม่ใช่ทำครั้งเดียว เป็นต้น ผู้ใดสนใจ ติดต่อ 081-2820050 ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้เราทำโครงการนำร่อง คือ โครงการ LEADERSHIP EXPERIENCE OPPORTUNITY ( LEO ) โดยสโมสรไลออนส์เมืองวารินชำราบ เยาวชนได้รับรางวัลเป็นนักเรียนพระราชทาน ฯ

Submitted by ไลออนพันเอกนายแ... on

ที่จังหวัดอุบลราชธานี สภาเด็กและเยาวชนบอกว่า พวกผมอยากเป็นคนคุณภาพ
นักวิชาการให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ IQ เด็กไทยเฉลี่ยทั่วประเทศ เมื่อปี 2545 = 88.0
ภาคอีสานเฉลี่ย 85.9 IQ มาตรฐาน ไม่ควรต่ำกว่า 90 ปัญหาอื่นอีกมากมายล้วนเกิดจาก
ไม่รู้ กับ รู้ผิด และ ไม่ทำ กับ ทำผิด เช่น มีตัวกระตุ้นทางลบเข้า ตา หู ปาก จมูก ลิ้น ผิวหนัง
มากมาย การพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีวิชาชีพ วิชาการ แต่ขาดวิชาชีวิต รู้มากมายยกเว้น
เรื่องที่ต้องรู้ ทำมากมาย ยกเว้นเรื่องที่ต้องทำเป็น ทำถูกต้อง
ปริญญา มาจากคำว่า ปริ แปลว่า รอบ ญา แปลว่า รู้ ปริญญา คือ รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ และสิ่งที่ควรรู้
แต่ขณะนี้รู้มากมาย ยกเว้นเรื่องที่ต้องรู้
ศึกษา มาจาก สิกขา มาจาก ส ๙ อิกข แปลว่า เห็นเอง เห็นตัวเอง เรารู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่อง
ของตัวเอง ไม่สามารถจัดการ กาย วาจา จิต และ ปัญญาให้ถูกต้องได้ มีความเห็นแก่ตัว
มากมาย ความเป็นมนุษย์กำลังจะหายไป เกิดเป็นคน แต่ไม่สามารถเป็นมนุษย์คือผู้มีจิตใจสูง
สมองส่วนคิดไม่ถูกฝึกให้ควบคุมสมองส่วนอยากและส่วนอารมณ์ได้ ไม่มีทักษะใดเกิดขึ้นเอง
ต้องมีตัวกระต้น ต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องปฏิบัติ ต้องฝึก ฯลฯ

Submitted by ไลออนพันเอกนายแ... on

คำถาม เมื่อแรกเกิด ท่านขี่จักรยานเป็นหรือไม่
คำตอบ ไม่เป็น
คำถาม ตอนนี้ขี่จักรยาน เป็นหรือไม่
คำตอบ เป็น
คำถาม ขี่เป็นตั้งแต่เมื่อไร
คำตอบ เมื่ออายุ 9 ปี
คำถาม ทำไมขี่เป็น
คำตอบ พราะ ได้เห็น ได้ยิน และได้ลองปฏิบัติ
คำถาม ขี่ครั้งแรก เก่งไหม
คำตอบ ไม่เก่ง ล้ม
คำถาม ตอนนี้ขี่เก่งไหม
คำตอบ ขี่เก่ง
คำถาม ทำไมตอนนี้ขี่เก่ง
คำตอบ เพราะขี่บ่อยๆ
สรุป ไม่มีทักษะใดเกิดขึ้นเอง ต้องมีตัวกระต้นเข้าทาง ตา หู สัมผัส ฯ และจะทำเก่ง ก็ต้องทำบ่อยๆ จะคิดเก่ง ก็ต้องคิดบ่อยๆ จะพูดเก่งก็ต้องพูดบ่อยๆ เรียนรู้ ปฏิบัติ และพัฒนาบ่อยๆ
อย่างต่อเนื่อง
คำถาม อวัยวะอะไรของมนุษย์ที่ใช้ในการเรียนรู้
คำตอบ สมอง
คำถาม พ่อ แม่ ครู ทราบหรือไม่ว่า สมองเรียนรู้อย่างไร
คำตอบ ..ลองตอบเองก็แล้วกันนะ
คำตอบตามหลักวิชาการ การเรียนรู้คือการสร้างวงจรไฟฟ้าในสมอง
คำถาม คุณมีพี่น้องกี่คน
คำตอบ 2 คน
คำถาม พี่น้องสองคนคิดเหมือนกันไหม
คำตอบ ไม่เหมือน
หลักการ 1. สมองใครสมองมัน ไม่เหมือนกัน ดังนั้น เด็ก เยาวชน แต่ละคนจะคิดแตกต่างกัน
ชอบ แตกต่างกัน
คำถาม ทำไมเด็กติดเกมส์ ทำไมเด็กไม่ติดครู
คำตอบ เกมส์สนุก มีต่อ

Submitted by ไลออนพันเอกนายแ... on

ต่อ
ทำไมเด็กติดเกมส์
หลักการ เกมส์มีตัวกระตุ้นสมอง คือ แสง สี เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว สัญญลักษณ์
ความท้าทาย และรางวัล เกมส์สนุก
ทำไมบางทีเด็กไม่ติดครู
หลักการ ถ้าบรรยากาศการเรียนรู้ น่าเบื่อ ครูดุ แสงสลัว ร้อน ไม่รู้เรียนไปทำไม ท่องไว้สอบ
ไม่เชื่อมโยงกับชีวิต ไม่เห็นอนาคต เด็กจะไม่ติดครู เพราะไม่มีตัวกระตุ้นสมอง
หลักการ คือ อารมณ์มีผลต่อการเรียนรู้อย่างมาก
คนจะเรียนรู้ดีเมื่อสิ่งนั้นเชื่อมโยงกับชีวิตตัวเอง หรือ คุ้นเคย
ปัญหาที่พบบ่อยในนักเรียนไทย อ่านไม่ออก อ่านไม่คล่อง ไม่รักการอ่าน
บวกเลขไม่ได้ บวกเลขไม่คล่อง ไม่ชอบคณิตศาสตร
ภาษาไทยไม่คล่อง ภาษาอังกฤษไม่ได้ เขียนไม่เป็น
คิดวิเคราะห์ไม่เป็น ไม่ชอบคณิตศาสตร์ คะแนน NT ต่ำ
ไม่มีระเบียบวินัย ติดเกมส์ สมาธิสั้น ล้วนเป็นกลุ่มอาการสมองสร้างวงจรไม่เพียงพอสำหรับการเรียนรู้
สาเหตุ เราไม่เข้าใจการเรียนรู้ของสมอง และ อาหารสมอง เราพัฒนาโดยไม่รู้ กับรู้ผิด แล้วผลก็คือที่เห็น ดังนั้นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง คือ ผู้ที่สร้างตัวกระต้นเข้า ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัส ต้องกระตุ้นให้ถูกต้อง

Submitted by กิตติพันธ์ on

ขอบคุณ คุณ "ไลออนพันเอกนายแพทย์ บวร แมลงภู่ทอง 081-2820050 " มากครับ สำหรับข้อมูลดีๆ

ดาวน์โหลด พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.2550 ที่

http://oppy.opp.go.th/news/youth22.pdf

Submitted by ลีโอจิตตราพร จ... on

ขอขอบคุณ คุณหมอบวร แมลงภู่ทอง มากค่ะ ที่ได้ให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงเยาวชน ที่มีความอยากรู้ ในสิ่งที่ไม่รู้ ซึ่งในสิ่งที่คุณหมอได้แนะนำนั้น เป็นสิ่งที่ดีมาก สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันในยุคโลกาภอวัฒน์ และ ยุคโลกานุวัฒน์ ได้
และหมูเอยคิดว่า หมูเอยได้โอกาสก่อนใครๆ ที่ได้เป็น ลีโอ ซึ่งสโมสรนี้สามารถเปลี่ยนเยาวชนได้ ตัว L คือตัวแรกของคำใน 3 ตัว ของอักษร ย่อ และคิดว่า ตัว L นี่แหละที่ทำให้ หมูเอยมีวันนี้ เมื่อ 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา หมูเอยได้เข้าสู่ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเพียงไม่กี่สัปดาห์ ทำให้หมูเอยได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องเรียน และในเวลาต่อมาไม่ช้านี้ หมูเอย ได้รับคัดเลือกให้เป็น หัวหน้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ของโรงเรียนประจำจังหวัด ซึ่งเป็น 1 ใน เด็ก 900 กว่าคนเศษ
และในกิจกรรมที่หมูเอยจะเสนอต่อโรงเรียนนั้น จะขอปรึกษาคุณหมอผ่านทางE-mail นะคะ หวังว่าหากคุณหมอ ได้อ่านcomment นี้ จะตอบกลับนะคะ
สำหรับผู้ใดที่สนใจเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกLEOสอบถามได้ที่leo_mooery@hotmail.com ค่ะ

Submitted by ลีโอจิตตราพร จั... on

ต่อ
ขอขอบคุณ: ไลออนส์ พันเอก นายแพทย์ บวร แมลงภู่ทอง มากค่ะ

หมูเอยหวังว่า ความรู้ทั้งหมดที่คุณหมอย่อสรุปมา หมูเอยจะได้มีโอกาส นำไป เผยแพร่ต่อ ที่

รายการ "เยาวชนคนเมืองอุบล" นะคะ (วันอาทิตย์เวลา 14.00-15.00 FM 98.5 MHz)

Submitted by ธนิสวิชญ์ วสุรั... on

ขอขอบคุณ ท่านคุณหมอบวร มากครับที่นำความรู้นี้มาให้กับเยาวชนและคนทั่วๆๆไป และผมขอนำไปเผยแพร่ที่รายการเยาวชนคนเมืองอุบลฯนะครับ

เพศวิถีมีชีวิต : การเปลี่ยนแปลงจากภายใน อะไรที่ท้าทายเรา?

จากที่ข้อเขียนเรื่องเพศวิถีมีชีวิตทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การวางความคิด เรื่องการเปิดใจคุยเรื่องเพศของตนเอง เรื่องความหลากหลายในรักและความสัมพันธ์ ความรักต่างเพศนิยม เรื่องกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความพยายามที่จะมาสรุปในตอนท้ายของบทความนี้ว่า หากเราจะคุยเรื่องเพศวิถีจากมุมมองภายในจากชีวิตของเรานั้น เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง อะไรที่เป็นความท้าทายที่จะนำไปสู่การจุดประกายให้แต่ละคนได้กลับมาสำรวจ ตั้งคำถาม และสร้างการเรียนรู้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้โดยอาศัยทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของแต่ละคน

เพศวิถีมีชีวิต : เพศวิถีของวัยรุ่นในวันที่โลกหมุนเปลี่ยน

โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ความสัมพันธ์ทางเพศของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในสังคมสมัยก่อน เช่น ในภาคเหนือ การจีบสาวของคนล้านนาจะมีการค่าว (คล้ายลำตัดของภาคกลาง) ตอบโต้กันไปมา การจีบกันต้องให้เกียรติผู้หญิงเป็นคนเลือกคู่ หรือหากจะแต่งงานก็ต้องมีการใส่ผี คือการวางเงินสินสอดจากฝ่ายชายเพื่อบอกกับผีปู่ผีย่าของฝ่ายหญิงให้ทราบว่าจะคบกันแบบสามีภรรยา

เพศวิถีมีชีวิต: เคารพในความหลากหลาย รักเลือกได้อย่างมีศักดิ์ศรี

ความคิด ความเชื่อเรื่องเพศที่หล่อหลอมเรามาว่า ควรมีชายกับหญิงเท่านั้นที่คู่กัน สิ่งนี้เป็นความคิด ความเชื่อที่ฝังหัวเรามาตลอดจนเราไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าทำไมเราจึงต้องรักเพศตรงข้าม และการที่เรารักเพศเดียวกันนั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ

เพศวิถีมีชีวิต: ชีวิตทางเพศ เริ่มคุยจากตัวเอง

สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่และพี่ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิง เห็นการทำงานของผู้หญิงที่ “ศูนย์เพื่อน้องหญิง” จ.เชียงราย เห็นความเข้มแข็งในการทำงานของแม่ของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ทำให้ผมเห็นว่าความเป็นหญิง ความเป็นชาย แท้จริงแล้ว ทุกคนก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน แต่ทว่าการเลี้ยงดูหล่อหลอมของสังคมกลับบอกว่าแบบนี้ผู้หญิงควรทำ แบบนี้ผู้ชายควรทำ

เพศวิถีมีชีวิต: การเปลี่ยนแปลงจากภายใน

เปิดใจเรียนรู้ประสบการณ์ภายในตน

ผมเริ่มต้นทำงานในประเด็นเรื่องเพศ ตอนอายุน้อยๆ จากวันนั้นมาวันนี้ ระยะเวลาหลายปี ที่อยู่บนเส้นทางนี้ได้เจออะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ประสบการณ์ทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทหน้าที่ใด ความรับผิดชอบแบบไหน องค์กรระดับชุมชนหรือเครือข่ายก็ตาม งานต่างๆ เหล่านี้ทำให้ได้ทำประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นไปพร้อมๆ กัน

ผมไม่อาจเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าเป็นคนทำงานเพศวิถี เพราะเข้าใจว่าเรื่องเพศวิถีนี้มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองเป็นนักพัฒนาสังคม เพราะบ่อยครั้งก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับตัวเองว่าที่ว่าเป็นนักพัฒนาสังคมนั้น แน่นอนว่าเราต้องทำประโยชน์เพื่อคนอื่นๆ ที่กำลังเผชิญกับปัญหา เผชิญกับความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า หรือแม้แต่เรื่องสื่อและโลกาภิวัตน์