สิ่งดี ๆ ในชีวิต พ่อค้าแวะมาหาคนสวนที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ตรงหน้ากระท่อม Grain เขียน, ภารณี วนะภูติ แปล |
ผมอ่านงานชิ้นนี้แล้ว ทำให้ครุ่นนึกไปถึงชาวบ้านในหลายๆ พื้นที่ ที่ผมเคยเดินทางไปเยือน ไปนั่งพูดคุย เฝ้าถาม เรียนรู้ ถึงวิถีความเป็นอยู่ของชีวิตของคนทำนา ทำสวน ทำไร่ กลางทุ่งนาป่าเขา
นึกไปถึงความเรียบง่ายของพ่อเฒ่าชาวปวาเก่อญอบ้านแม่คองซ้าย ซึ่งตั้งอยู่ฉากหลังของดอยหลวงเชียงดาว จำได้วันนั้น “พะตีศรี” พาพวกเราลัดเลาะทุ่งนา ลำห้วย ไปตึดแค เอาเศษไม้ใบหญ้า ดินเหนียวโปะกั้นทางน้ำอีกสายให้แห้ง ก่อนลุยโคลน ก้มงมจับปลา ปู กุ้ง ส่วนหมู่แม่หญิงปวาเก่อญอช่วยกันก้มเก็บเด็ดยอดผักกูด ผักไม้ไซร้เครือริมห้วย อีกกลุ่มหนึ่งช่วยกันก่อไฟ หลามปลาด้วยกระบอกไม้ไผ่ ใส่ยอดผักกูด เติมพริก ใส่เกลือ เพียงเท่านั้น ก็ได้อาหารมื้อเที่ยงที่แสนเอร็ดอร่อย
นึกไปถึงใบหน้าของ “พ่อปรีชา ศิริ” ปราชญ์ปกาเกอะญอ ผู้นำธรรมชาติแห่งบ้านห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข อารมณ์ดี
“ทุกวันนี้ เฮาถือว่าหมู่บ้านของเฮานั้นร่ำรวยแล้ว แต่ไม่ใช่ร่ำรวยเงินทอง แต่ร่ำรวยธรรมชาติ เฮามีทุกอย่าง มีดิน น้ำ ป่า มีอากาศให้หายใจ มีอาหาร ยาสมุนไพร เฮาอยู่ได้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง ที่ไม่ต้องดิ้นรนเหมือนคนข้างนอก...”
ใช่, ในหลายๆ พื้นที่ หลายหุบเขา หลายดงดอย ที่พี่น้องชนเผ่าอาศัยอยู่กัน ต่างมีวิถีที่คล้ายคลึงกัน ในทุ่งนา ทุ่งไร่ พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ปลูกข้าวอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังใช้พื้นที่นาปลูกพืชผัก เก็บกินได้ตลอดปี ไม่ว่า แตงกวา หัวเผือก หัวมัน ผักกาด งา ฟักทอง ถั่วฝักยาว พริก มะเขือ ฯลฯ จนพูดได้เต็มปากเลยว่า ชาวบ้านไม่ต้องพึ่งพาตลาดข้างนอก เพราะเอาทุ่งนาเอาไร่หมุนเวียนเป็นตลาดสด คนที่นี่จึงไม่เคยอดตาย
และทำให้นึกไปถึงคำพูดของ “ป๊ะป่า” ชาวบ้านลาหู่บ้านก็อตป่าบง ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว ที่บอกย้ำกับผมในวันที่พาผมเข้าไปดูแปลงเพาะกล้ากาแฟ กลางไร่ข้าวโพด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ผมว่าอยู่แบบพออยู่กิน ไม่ต้องรวยก็ดีเหมือนกัน รวยแล้วเป็นทุกข์ เห็นทักษิณมั้ย รวยแต่ไม่ได้อยู่บ้าน...”
จริงสิ, บางที... “สิ่งดี ๆ ในชีวิต” คงไม่ใช่วัดกันที่ความร่ำรวยหรือคนรวย แต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต อาจเป็นเพียงการใช้ชีวิตอยู่กับความเรียบง่ายธรรมดา อยู่กับธรรมชาติ เรียนรู้และรักษา เฝ้าดูทะนุถนอม ด้วยความรักและความเข้าใจ.
ความเห็น
อ่านแล้ว
อ่านแล้วชอบมากค่ะ อ่านเสมอค่ะ แม้ไม่ได้แสดงความเห็น
ขอบคุณภาพและเรื่องราวๆ ดีที่แบ่งปัน
ชอบมากเห
ชอบมากเหมือนคนข้างบนครับ
เรื่องราวโดนใจทั้งนั้นเลย
ว่างๆขอไปแอ่วสวนที่เชียงดาวได้มั้ยครับ
ดีจัง อ่า
ดีจัง อ่านแล้วคิดต่อไปได้ว่า แต่ละคนเลือกเส้นทางชีวิตที่ต่างกัน แต่ที่น่าขันคือ มองเห็นปลายทางที่เหมือนๆกัน เหมือนกรณีของ Grain ที่คุณภู ยกมา เลือกซะวนเชียวสุดท้ายก็มองหาความเรียบง่ายเหมือนกัน การเดินทางของความคิดนี่สำคัญเนอะ คุณภูเนอะ
เขาเร
เขาเรียกว่า "ความรุ่มรวย" มิใช่ "ความร่ำรวย" ตั้งแต่โบราณกาลรุ่นโครตพ่อโครตแม่ของหมู่เฮา เขาไม่รูจักกับศัพย์คำว่า "ร่ำรวย" คำนี้มันมาพร้อมกับสมัย "สฤษดิษ ธะนารัติ (คงสะกดผิด... ขอโทษ ...ช่างแม่งงงงง มัน เผด็จการผ้าขะม้าแดงตนนี้โครตฟัสซิสต์ เล๊ย) ที่เริ่มทำลายธรรมชาติรากเหง้าวิถีชีวิตของชาวบ้าน ของชุมชน ของสังคม ของโลกชีวิตฯลฯ มันมาพร้อมกับคำว่า "ความเจริญ การพัฒนา " ... คำขวัญของเผด็จการ สฤษดิษ ที่กรอกหูประชาชนในวิทยุก็คือ " งานคือ เงิน เงินคืองาน บรรดาลสุข " คำว่าความร่ำรวยมันมาจากพวกฝรั่งนักล่าอาณานิคม ตวย
อยู่อย่างมีรากเหง้า วิถีชีวิต เช่น" คนสวน, ตะตี่ศรี, พ่อปรีชา ศิริ, ป๊ะป่า และพ่อหลวงจอนิ โอโดเซา กระทั่งแบบอ้าย พะโลโด๊ะ ... วีระศักดิ์ ยอดระบำ และ ฯลฯ นั่นแหละ คือความรุ่มรวยแห่งวิถีชีวิต แล้ว " บ่าเฮ้ย" (คำของ พะตี่ จอนิ โอโดเซา )
ฮักษาสุขภาพ เน้อ อ้ายภูฯ และเพื่อนมนุษย์ทุกๆคน
อ่านแล้ว
อ่านแล้วคิดถึงตอนไปเป็นครูดอยอยู่โรงเรียนบ้านขุนห้วยไคร้ไปตึดแคว เก็บผักกูด ผักหนัง ผักหนามขุดตุ่น ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนั้นนาน สิบแปดปีแล้ว ลูกศิษย์ตัวน้อยคงมีลูกมีครอบครัวกันหมดแล้ว คิดถึงครับ ครูอู๋
ขอบคุณทุ
ขอบคุณทุกคนเลยครับที่แวะเวียนมาอ่านงานครับ
ล่าสุด ผมมีโอกาสไปเยือนเวียงแหง ถิ่นเก่า เจอลูกศิษย์ มีลูกมีเต้ากันหมดแล้ว แต่ยังดีที่ทุกคนยังจำได้ และเจอแม่เฒ่าวัยแปดสิบกว่า เดินตัวสั่นเข้ามาจับมือผมพร้อมบ่นบอกว่า คิดถึงๆ
แค่นี้เหมือนกับว่าได้รับพลังอะไรบางอย่างเข้ามาสู่ชีวิตเลยครับ...
กระท่อมห
กระท่อมหลังนี้ ภาพแรก อยู่ที่บ้านแม่แพม เมืองคองแม่นก่อเจ้า เคยประทับใจ๋ขนาดแต่บ่าได้เอากล้องไป เข้ามาอ่านเรื่องราวดีๆของอ้ายภู เชียงดาว ที่นี่ได้หันภาพนี้อีกครั้งดีใจขนาดเจ้า และเรื่องราวความทรงจำเกี่ยวกับ ดอยหลวงเชียงดาว และชนเผ่รอบๆ หวลกลับมาในมโนภาพแหมครั้ง ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาบอกเล่าเจ้า