'สนธิ' และฐานที่มั่นชื่อ ASTV

ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ

 

หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค.

พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า

พี่น้องครับ พี่น้องหลายคนอาจจะเคยชินว่า ตื่นมาตอนเช้าก็เปิดโทรทัศน์ก็จะเห็นรายการข่าวจัดโดย คุณอัญชลี ไพรีรัก จัดโดย น้องเก๋ กมลพร วรกุล และต่อมาด้วย คุณสำราญ รอดเพชร ต่อมาเรื่อยๆ ถึง คุณบัณฑิต ต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตกค่ำ ก็จะมีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วงดนตรีตั้ว เสก ซูซู วงดนตรีแฮมเมอร์ วงดนตรีหลายๆ วงดนตรี

พี่น้องครับ พี่น้องยังจะได้รับความเคยชินเช่นนี้อยู่เหมือนเดิม ผมเห็นใจว่า ตกเย็นพี่น้องอาจจะรู้สึกหงุดหงิด ว่า เอ๊ะวันนี้ไม่มีที่ไปหรอ วันนี้เคยไปทำเนียบ มาทุกวัน วันนี้ตื่นมาตอนเย็นไม่รู้จะทำยังไง หรือว่าตกเย็นแล้วไม่รู้จะไปไหน พี่น้องครับ เราจะจำลองเหตุการณ์ที่ประท้วงข้างนอกเข้ามาสู่ห้องส่ง นับตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป หรือพรุ่งนี้ถ้าทำได้ทัน

เมื่อพี่น้องตื่นเช้าแล้วเปิด ASTV ตอน 7 โมงเช้า พี่น้องจะได้พบกับ คุณอัญชลี ไพรีรัก และ น้องเก๋ กมลพร วรกุล 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า 9 โมงเช้าต่อจากนั้นถึง 11 โมงเช้า ก็จะเป็นคุณสำราญ รอดเพชร พร้อมกับนักพูดฝีปากกล้า มานั่งวิเคราะห์ข่าว ตอนเช้าฟังการวิเคราะห์เหน็บแนมของคุณอัญชลี อย่างดุเดือดเผ็ดมันและชวนฮา 9 โมงถึง 11 โมง ได้รับการฟังการวิเคราะห์ข่าวของคุณสำราญ รอดเพชร ซึ่งจะประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น คุณประพันธ์ คูณมี ท่านทูตสุรพงษ์ ชัยนาม ท่านทูตกษิต ภิรมย์ และหลายต่อหลายท่าน 11 โมงถึงเที่ยงจะเป็นการฉายเดี่ยวของ คุณบัณฑิต นะครับ หรือคุณต๋องของผม พิธีกรปากกล้า หลังจากเที่ยงมีการประกาศข่าว หรือว่าอ่านข่าวรอบเที่ยงแล้ว บ่ายโมงเป็นต้นไปจนถึง 4 โมงเย็น จะเป็นรายการของคุณหมี ยุทธยง และ คุณปุ้ย วศมล ช่างปรีชา คู่หูคู่ฮา บนเวทีพันธมิตรฯช่วงบ่าย 4 โมงเย็นต่อไปจนถึง 6 โมงเย็น เป็นรายการ News Hour นำโดย คุณเติมศักดิ์ จารุปาน พิธีกรที่เด็ดขาด ลึกซึ้ง พิธีกรที่เด็ดขาด ลึกซึ้ง พูนเพียบด้วยปัญญา และสติ และควบคู่กับ เก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์

ต่อจากนั้นไป จะเป็นรายการ อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และต่อด้วยข่าวราชสำนัก

หมดจากข่าวราชสำนัก ประมาณ 3 ทุ่ม หรือ 2 ทุ่มครึ่ง ก็จะเป็นรายการ พบกับพันธมิตรฯ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหมือนกับที่ทำเนียบ ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรผิดเลย เพียงแต่ว่า การพบแกนนำนี้ วันนี้เราจะพาแกนนำทั้ง 2 รุ่นมา ยกเว้นบางคน ซึ่งขณะนี้ ติดภารกิจที่งานศพ เพื่อมาแนะนำตัวก่อน หลังจากนั้น ทุกๆ วัน จะมีแกนนำอย่างน้อย 1 คน เข้ามาร่วมสนทนา ผู้ให้การสนทนาก็อาจประกอบด้วย คุณแอน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ คุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ และอาจเป็น คุณอุษณีย์ เอกอุษณีย์ หลายๆ ท่านเข้ามาร่วม และขณะเดียวกัน แกนนำท่านอาจจะเชิญแขกผู้มีเกียรติบางท่านขึ้นมา และสนทนาให้ความรู้กัน จะเป็นเช่นนี้ไป วันจันทร์จนถึงวันอาทิตย์ไม่ขาด ยกเว้น เสาร์ อาทิตย์ ตอนบ่าย

ตอนบ่ายนั้น วันเสาร์และอาทิตย์ จะเป็นรายการวาไรตี้ พี่น้องจำวงดนตรีต่างๆ จำ วง แฮมเมอร์ จำ วง เสก ซูซู จำวง คีตานชาลี วงโฮป จำลำตัดได้ไหม จำการฟ้อนรำที่สวยงาม เราจะเอานี่มาจัดเป็นรูปร่างและมาเสนอให้พี่น้องดูในวันเสาร์ตอนบ่าย และวันอาทิตย์ตอนบ่าย ต่อจากนั้น ตั้ว ของเรา ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ก็จะมีรายการของ ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ให้พวกเราชม ในวันเสาร์และวันอาทิตย์วันละ 1 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ASTV ก็จะมีละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรกแบบฟรีทีวีอื่นๆ โดยสนธิจะให้เป็นการกำกับโดยศรัณยู วงศ์กระจ่าง นักแสดงชื่อดังและอดีตพิธีกรเรื่องจริงผ่านจอที่ถูกถอดออกจากช่อง 7 เมื่อไม่นานนี้ หลังจากผันตัวมาเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 โดยรูปแบบจะเป็น ละครสะท้อนความจริงในสังคมไทย จะเป็นละครสะท้อนการต่อสู้ ของพ่อแม่ พี่น้อง จะเป็นละครที่ฉีกแนวออกจากละครน้ำเน่าของทุกๆ ช่อง จะเป็นละครที่ให้สาระ จะเป็นละครที่ให้อุดมการณ์ จะเป็นละครที่เน้นเรื่องศรัทธา เน้นเรื่องความเชื่อมั่น และเน้นในเรื่องความเพียรที่จะทำความดีให้กับสังคมไทย

สนธิออกตัวในรายการว่าการสร้างละครต้องใช้เงินเยอะ แต่เขาบอกว่าได้ยืนยันกับศรัณยูแล้วว่า ไม่ต้องห่วง ทำไปก่อนเถอะแล้วเงินมันจะมา สปอนเซอร์มันจะมา จะเป็นละครเรื่องเดียว และเจ้าเดียวในประเทศไทยที่จะมีคนโทรศัพท์มาบริจาคสมทบทุนการสร้างละคร

 

สนธิยังกล่าวว่า ASTV “ไม่ใช่โทรทัศน์ฟรีทีวีผ่านดาวเทียมอีกต่อไปแล้ว แต่ ASTV นั้นเป็นฟรีทีวีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เป็นเจ้าของ และ ASTV จะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อเป็นอาวุธ เป็นเครื่องมือสื่อสาร เพื่อจะโยงใยพี่น้องทุกๆ ภาค และดูเหมือนว่าผู้ชม ASTV จะมีภารกิจที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือต้องบริจาคเป็นประจำเพื่อให้ ASTV อยู่ได้ด้วย โดยสนธิกล่าวว่า

พี่น้องครับ คนดู ASTV มีกว่า 15 ล้านคน พี่น้องครับ ASTV อยู่ได้ เพราะแรงใจ แรงบริจาคของพ่อแม่พี่น้อง ถ้าพ่อแม่พี่น้องต้องการจะเก็บ ASTV เอาไว้เพื่อเป็นสมบัติของพ่อแม่พี่น้อง เพื่อเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งเดียวเท่านั้นในประเทศไทย ที่กล้าให้ความจริงกับพ่อแม่พี่น้อง และ ASTV เท่านั้น ที่นำพาพี่น้องและให้พี่น้องเข้ามามีส่วนร่วม ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันกู้ชาติครั้งนี้ และกู้ได้สำเร็จเกือบจะหมดแล้วตอนนี้ ก็เพราะว่าเรายึดมั่นในการขายความจริงโดยไม่กลัวภยันอันตรายทั้งสิ้น พี่น้องครับ ไม่ได้เป็นการมาขอเงินขอทองพ่อแม่พี่น้อง แต่ว่าการสนับสนุนของพ่อแม่พี่น้องเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะว่า ASTV ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะพ่อแม่พี่น้อง

000

การประกาศยุติการชุมนุม โดยอ้างว่าได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการต่อสู้อันได้แก่ 1. คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 2. ขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิด เพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่

ทั้งที่ คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรค ไม่ได้ทำให้สภาพของรัฐบาลที่พันธมิตรฯ ขับโค่นสิ้นสุดลงอย่างฉับพลันทันที บรรดานักการเมืองที่รอดตายจากดาบของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญก็พร้อมไปเข้าร่วมพรรคใหม่ และหากไม่มี สัญญาณแทรกพวกเขาก็พร้อมกลับมาตั้งรัฐบาลในนามพรรค เพื่อไทย

ทั้งที่ กระแสสังคมที่กดดันและประณามพันธมิตรตลอดการชุมนุม 193 วัน และกระแสนั้นก็ดังขึ้นและชัดเจนขึ้นหลังปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สภาพเงื่อนไขเช่นนี้ ก็ห่างไกลที่พันธมิตรฯ จะสามารถเอาชนะขั้วพลังประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนสามารถสถาปนาการเมืองใหม่ได้

ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่าตลอด 193 วัน พันธมิตรฯ ยังห่างไกลจากการบรรลุวัตถุประสงค์ของการต่อสู้ที่พวกเขาตั้งไว้ก่อนหน้านี้

คำประกาศชัยชนะก่อนยุติการชุมนุมจึงเป็นเพียงคำปลอบใจมวลชนที่อ่อนล้าจากยุทธการ ม้วนเดียวจบ และ สงครามครั้งสุดท้าย ระหว่างพันธมิตรฯ V.S. รัฐบาล คงไม่ยุติศึกเพียงเพราะคำสั่งยุบพรรคแน่นอน

ดังนั้น การประกาศยุติชุมนุม ตามมาด้วยการ จำลองม็อบไว้ใน ASTV จึงไม่ใช่อะไรอื่น หากแต่เป็นการเปลี่ยนยุทธวิธีการเคลื่อนไหว หลังจากบอบช้ำจากการใช้ยุทธวิธีชุมนุมกดดันกลางถนน จนถูกสังคมประณาม และลดการสูญเสียจากการถูก กองกำลังไม่ทราบฝ่าย จองกฐินด้วยการถล่มแบบรายวันจนเกิดบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จนถอยจากทำเนียบแทบไม่ทัน

ยุทธวิธีต่อสู้ด้วยการ จำลองม็อบไว้ใน ASTV แทนการชุมนุมจริง จึงเป็นการลดเสียงต้านพันธมิตรฯ ที่เกิดจากการชุมนุมกดดันบนท้องถนน หรือยึดสถานที่ราชการ และลดการบาดเจ็บล้มตายจากการถูกจองกฐินจาก กองกำลังไม่ทราบฝ่าย

ที่สำคัญคือเป็นการกลับมาทำสงครามในสมรภูมิ สื่อที่สนธิมีความถนัดกว่าสมรภูมิ การชุมนุม ที่จำลองมีบทบาทเด่น และในสมรภูมิสื่อนี้เองสนธิจะสามารถกุมสภาพการนำได้เหนือกว่าแกนนำคนอื่นๆ ผ่านการทำสงคราม สื่อและวางผังรายการ ASTV ที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของ

การชุมนุมอยู่หน้าจอ ยังถนอมกำลังมวลชนของพันธมิตร ที่เหนื่อยล้าตลอดการชุมนุมบนท้องถนน 193 วัน โดยสามารถใช้ ASTV หล่อเลี้ยงข้อมูลให้กับผู้สนับสนุนพันธมิตรได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และเมื่อมีเงื่อนไขที่เหมาะสม แกนนำก็สามารถใช้ ASTV ระดมพลเพื่อออกมาเคลื่อนไหวทุกเมื่อ

อาจมีคำถามว่าการ จำลองม็อบ จะรักษากระแสการต่อสู้ของพันธมิตรในระดับที่เข้มข้นอย่าง ม็อบจริงๆได้อย่างไร คำตอบที่ต้องไม่ละเลยก็คือ การก่อตัวขึ้นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้มีองค์ประกอบเพียงการชุมนุมในพื้นที่จริงเท่านั้น แต่พื้นที่ข่าว ที่ได้รับการหนุนเสริมโดย ASTV และหนังสือพิมพ์ในเครือทั้งรูปแบบสิ่งพิมพ์ออนไลน์ ก็ช่วยรักษารูปมวยของการต่อสู้ไว้ด้วย

ที่ผ่านมา ASTV ก็มีบทบาทเชิงรุกสำหรับการชุมนุมด้วยซ้ำ ทั้งการถ่ายทอดสดการชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง และถ่ายทอดสดทุกวันยาวนานกว่า 193 วัน และมีการใช้ ASTV นัดหมายสถานที่ๆ ผู้ชุมนุมในแต่ละจังหวัด ในแต่ละอำเภอสามารถไปรวมตัวกันที่นั่น แล้วเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ แบบ เต็มออก เต็มออก ฯลฯ ทำให้ ASTV เสมือนเป็นเวทีปราศรัย เป็นรถบัญชาการการชุมนุมแห่งที่สองของพันธมิตรฯ แบบที่สนธิเคยพูดเปรียบเทียบเมื่อ 29 พ.ย. ว่าการรักษา ASTV ก็เหมือนการรักษาที่มั่นอย่างทำเนียบรัฐบาล หรือ สนามบินสุวรรณภูมิ

โดยในวันนั้นเองที่เขาบัญชาการการชุมนุมมาจากห้องส่ง ASTV เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรที่ทำเนียบ-ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ รักษาพื้นที่ด้วยชีวิต ถ้าจำเป็นก็ต้องหลั่งเลือด ชนิดที่ว่า ถ้าบุกเข้ามา ถ้ายิงเรา เราก็ยิงสวนกลับไป[2]

000

 

สถานการณ์การเมืองไทยช่วงนี้จึงเป็นเพียงการพักรบชั่วคราวเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาของวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านพ้นไป จึงต้องจับตาว่าสนธิ ลิ้มทองกุลและแกนนำที่จะไปจัด จำลองม็อบผ่าน ASTV นั้น วันดีคืนดีพวกเขาจะบัญชาการพ่อยกแม่ยกผ่านทางโทรทัศน์ นัดหมายให้ไปปฏิบัติการตามแนวทาง อารยะขัดขืนหรือ ดาวกระจายหรือ ม้วนเดียวจบหรือไม่

เมื่อนั้นจะได้เห็นว่าการ จำลองม็อบ ผ่าน ASTV จะเป็นอาวุธที่รัฐบาลต้องครั้นคร้าม ประชาชนต้องเอือมระอา แบบการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรเฟส 2 หรือไม่

หรือเป็นแค่ ‘Group Psychotherapy’ ของลุงๆ ป้าๆ นักรบมือตบ และนักรบศรีวิชัยผู้เสพติดการ มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ

 

อ้างอิง

[1]สนธิเชิดชูวีรชนกู้ชาติ-ย้ายกิจกรรมชุมนุมสู่จอ ASTV, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 3 ธ.ค. 2551 21:53 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000143170

[2] สนธิสั่งมวลชนยอมหลั่งเลือด พิทักษ์ทุกฐานที่มั่น, ประชาไท, 30 พ.ย. 2551 http://www.prachatai.com/05web/th/home/14681

ความเห็น

Submitted by จันทร์ส่องหล้า on

@..อำนาจความคลั่งไคล้.......ครองคน
จากสื่อทรามนำชน...............ชั่วช้า
ปลุกเร้าเร่งเร้าคน..................เข่นฆ่า.......กันนา
สื่อดั่งเอเอสอ้า......................อย่าได้ดูมัน

พันธมารพาลเร่งเร้า..............เริงฤทธิ์
ปลุกปั่นดันความคิด.............คลั่งบ้า
เสพติดพาเห็นผิด.................เป็นชอบ
อันสื่อทรามชั่วช้า.................เช่นนี้ควรเมิน

Submitted by นายมี on

ดี ที่ไมมีจาน ASTV
ป่านนี้คงเป็นบ้าไปแล้ว

Submitted by charee on

Thank.

ฝากข้อคิดถึงพันธมิตรเพื่อ พปช การที่เราไปเบียดเบียนคนอื่น ทำให้เขาเป็นทุกข์ เช่นไปปิดถนน เขาจะไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ ฯลฯ มันเป็นบาป ผิดศีลข้อที่ 1 คือเว้นจากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์ ทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ อีกอย่างขึ้นเวทีมีแต่กล่าวคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ เดี๋ยวให้ยุบสภา เดี๋ยวให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลแห่งชาติ เดี๋ยว -------- เปลี่ยนไปเรื่อย ผิดศีลข้อที่ 4 คือ เว้นจากการพูดโกหก พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด พูดหยาบคาบ
ถามว่าพวกผู้นำรู้ไหม เขารู้ เพราะเขามีความรู้ และฉลาด แต่ดันพาคนที่ไม่รู้ไปตกนรกกันหมด โดยที่ตัวเองมีตัณหา คืออยากชนะ คำเดียว แต่ผลพลอยเสียคือ พวกที่ไปชุมนุม ไม่รู้ศีลธรรม ไม่รู้มรรค 8 แห่งอริยสัจ 4 ที่พระพุทธเจ้า ตรัสรู้และทรงสอนให้พวกเรา เดินตามสายนี้ และพวกเขาก็ไม่รู้ว่า ถ้าผิดศีลข้อที่ 1 ตายแล้วชาติหน้าต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

Submitted by ไตรลักษณ์ on

การดำเนินชีวิตที่ดี ต้องเป็นไปตามทางโลกให้สอดคล้องกับทางธรรม
พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ หลังจากตรัสรู้ เป็นหลักคำสอนใหญ่ที่พวกเราชาวพุทธควรจำ คือ
1. การไม่ทำความชั่วทั้งปวง (มโนทุจริต 3 คือ 1. คิดไม่เป็นไปตามธรรมนองคลองธรรม คือคิดว่าทำชั่วได้ดี 2. คิดพยาบาท และ 3. คิดลักฉ้อโกง) (วจีทุจริต 4 คือพูดโกหก พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด พูดหยาบคาย) และ กายทุจริต 3 คือเบียดเบียนผู้อื่น ลักฉ้อ และประพฤติผิดในกาม
2. การทำความดีให้เต็มที่ (ไม่ลงรายละเอียด)
3. การทำจิตให้ผ่องใส (คือการเจริญภาวนา วิปัสนากรรมฐาน)
ถ้าพวกเราจำขึ้นใจได้ ปฏิบัติตามนี้ ชีวิตก็จะมีแต่ความสงบสุข ไม่ใช่มีเงินน่ะ
และยังสอนให้โลกรู้อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุหทัย นิโรธ มรรค 8 แนวทางในการดำเนินชีวิต
ดังนั้นรัฐธรรมนูญ จึงควรเขียนให้สอดคล้องกับ มรรค 8 ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เช่นอย่างทุกวันนี้ คือ ฉันเดือดร้อน ฉันก็จะปิดถนน คนอื่นต้องเดือนร้อนกับฉันด้วย ฉันอยากได้โน่นอยากได้นี่ อย่าง พั้นธมิตร ปชต ฉันก็จะปิดถนน คนอื่นเดือดร้อน ต้องไปด่ารัฐบาล แบบนี้ไม่ใช่มรรค 8 ที่พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเราดำเนินชีวิต ขัดแย้งกันหมด

Submitted by ไตรลักษณ์ on

การไปกดดันไม่ให้เบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์ ไม่ถูกต้อง เพราะธุรกิจเขาต้องดำเนินของเขาไป ที่แต่ละคนทำก็ทำไปตามกระแส และเป็นไปตามกระแสการเมือง
สิ่งที่ควรทำคือ รณรงค์สร้างเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ ลดกำลังผลิตเหล้าและบุหรี่ลง จนถึงไม่มี อาจเป็นยุทธสาสตร์ 20 ปี เพราะธุรกิจเขากำไรคืนทุนแล้ว ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศปลอดเหล้าปลอดบุหรี่ เป็นไปตามศีลข้อที่ 5 ของพุทธศาสนา คือเว้นจากการดื่มสูราเมรัย และสิ่งเสพติด อันเป็นต้นเหตุแห่งความประมาท
เพราะฉะนั้น ที่คนไปชุมนุมกัน เขายังขาดปัญญา ทำไปตามกระแส อย่าลืมน่ะครับว่า ปลาเป็นเท่านั้น ที่ว่ายน้ำทวนกระแส ปลาที่ว่ายน้ำตามกระแสน้ำเป็นปลาตายแล้วทั้งนั้น ขอเถิดพวกเรากลับมาพิจารณาโดยใช้อริยสัจ 4 พวกเราก็จะเห็นนิโรธ การดับทุกข์ไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ และมรรค คือสร้างยุทธศาสต์แห่งชาติ ให้ประเทศไทย เป็นประเทศปลอดเหล้าปลอดบุหรี่
ขอบคุณมากครับ ...... ช่วยบอกต่อๆ กันด้วย เพราะชีวิตเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ถ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้น

Submitted by อู๊ด บางกรวย on

ฝากถึงคุณ ไตรลักษณ์ รถติดแค่เสียเวลาเท่านั้นแต่ชาติยังอยู่ ลองไปถามคนใช้รถใช้ถนนหรือ ไปถามนักศึกษาดูหรือยัง ว่าระหว่างรถติดกับเสียชาติ เอาแบบไหน อะไรสำคัญกว่ากันหรือทำให้เกิดทุกข์กว่ากัน(แถมไปว่าพวกเขาเป็นสัตว์อีกนะ ปากร้ายจริงๆ) และสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นอุดมการณ์ไม่ใช่สิ่งที่เพื้อเจ้อ พูดหยาบคายกับไอ้พวกที่จะโกงชาติไม่ผิดหรอก น้อยไปด้วยซ้ำ แต่เรามีอหิงสา ถ้าไม่มี เหตุการณ์อาจจะหนักกว่านี้ อาจจะเห็นทะเลกรุงเทพฯเป็นสีเหลืองอร่ามไปทั่ว ในพุทธศาสตร์สนา สอนไว้ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คนที่ปกป้องชาติเพื่อส่วนรวม แล้วตายไป ไม่มีทางเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานหรอกครับ นอกจากเทวดากับนางฟ้าเท่านั้น ส่วนแกนนำเขามีตัณหาแน่นอน คุณพูดถูก แต่เป็นตัณหาของการที่จะชนะเพื่อคนทั้งชาติโดยเฉพาะ สถาบันฯแล้วอีกอย่างถ้าสิ่งที่พธม.ทำมันไม่ดี แล้ว ทำไมไอ้พวกความจริงวันนี้และพวกนปช.ถึงทำเลียนแบบทุกอย่างละ คิดซิ แสดงว่าคุณไม่รู้เรื่องระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเลยแม้แต่นิดเดียว มาตรา 70 รู้หรือเปล่าคืออะไร ไปหาอ่านดู พวกนปช.ทำหนักกว่าพธม.เสียอีก เล่นทำลายข้าวของๆรัฐซึ่งเป็นภาษีของเราแท้ๆ แล้วอีกอย่างถ้ารู้ว่าพวกรัฐฯโกง

Submitted by อู๊ด บางกรวย on

เงินแผ่นดิน เป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ต้องไปด่าใครละครับ หมาที่เดินตามท้องถนนดีไหมครับเพราะไม่ยอมไปกัดพวกมันปล่อยให้มันโกงอยู่ได้ เอาเงินออกไปฟอกซะสะอาดเลย แต่มีหมาชนิดเดียวที่กัดไม่ยอมปล่อยนั่นคือ หมายามเฝ้าแผ่นดินไง คิดให้มากๆครับ คิดเพื่อส่วนรวมคิดแล้วต้องมีการเสียสละเพื่อชาติและลูกหลานของเราเองในอนาคต ส่วนเรื่องที่เห็นด้วยคือเรื่องเบียร์ไม่ว่ายี่ห้ออะไร ไม่ควรห้ามครับปล่อยไปตามกระแสแห่งชีวิต อยากผิดศีลข้อ 5 ก็เชิญ แดกกันไห้หัวลาน้ำไปเลย จะได้เหลือแต่คนดีๆที่ถือศีล อย่างที่คุณว่า แล้วเหล้าเบียร์จะขายใครก็ต้องปิดโดยปริยาย แต่ก็ต้องเสี่ยงกันหน่อยกับไอ้พวกขี้เมา อาจสร้างความหายนะให้กับเราได้ เช่นเมาแล้วขับรถยนต์ รถมอเตอร์ไซร์ ส่ายไปส่ายมา แล้วมาชนเราถึงตายได้ ก็ถือว่าซวยไป ส่วนบุหรี่ขายให้ถูกๆใครอยากโง่ก็ไปซื้อสูบ ทั้งๆที่เขาเขียนไว้ข้างซองว่าดูดแล้วตายมันยังซื้อก็ไห้มันเป็นมะเร็งตายไป เหลือเอาไว้แต่คนที่ไม่สูบบุหรี่ แล้วมันจะขายใคร ก็ปิดไปเหมือนเหล้าเบียร์ ผมว่าอย่างนี้ดีกว่านะ

Submitted by อู๊ด บางกรวย on

คนที่ไม่มีจาน ASTV.ก็โง่ต่อไป ขนาดพวกรัฐมนตรี คนรวยๆ นักธุระกิจพันล้านเขายังซื้อมาติดเพื่อหาข้อมูล ข่าวและความจริงที่ไม่บิดเบือน แล้วเราเป็นใคร ไม่เหมือนพวก FREE TV.ต้องออกข่าวตามคำสั่ง ผู้ใหญ่ที่คิดไม่ดีต่อบ้านเมือง

Submitted by สามัคคีไม่มีจริงใจ on

เข้าใจประชาธิปไตยแค่ไหน..หรือเพียงแต่ประชาธิปไตยคือเสียงข้างมากและพวกมากลากไปเท่านั้นเอง เป็นความหมายของประชาธิปไตย...ทุกวันใส่เสื้อประชาธิปไตยที่ไม่พอดีตัวอยู่แล้วยังมีพวกปากหวังดีอ้างประชาธิปไตยเพื่อความชอบธรรม (ทำตามอำเภอใจและแก้เกมส์ผลประโยชน์ของตัวเอง) เมื่อไหร่ถ้าได้เสื้อตัวใหม่มาใส่จากที่มีคนอื่นตัดเอามาใส่ให้ อำนาจการปกครอง การเมือง เศรษฐกิจ หรืออื่นๆ นั้น ประชาธิปไตยแบบใหม่ตามที่อ้างเพื่อความชอบธรรมผลสุดท้ายจะตกอยู่ที่ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนใด กลุ่มใดของประเทศก็ตาม..หากยังยีนอยู่บนผืนแผ่นดินไทย...ดินที่กลบหน้าไป...จะมีใครขุดขึ้นมากระทำย่ำยีหรือไม่ไม่มีใครรู้ได้ แต่คนที่อยู่เบื้องหลังต้องจำยอมรับสภาพไป.....โอ้.....แลนด์ (Land)..

Submitted by เบื่อเซ็ง on

เออ เนอะ ป่านนี้ยังมีพวกที่หลงว่าตัวเองชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ อหิงสาแบบเถื่อนๆ อยู่อีกหรือนี่

Submitted by ชัย on

สาธุ ใครที่โกหก หลอกลวงใส่ร้ายคนดี ปกป้องคนผิด ขอให้มันทำอะไรไม่ประสพความสำเร็จ
มีแต่เสื่อมลง เสื่อมลง ทุกวันทุกวัน และให้กรรมตามสนองโดยเร็ววัน............

แค่ผัวเมียทะเลาะกัน...ครับ

 
โจว ชิงหมาเกิด
 
 
ประเด็นฮอตฮิตในรอบสัปดาห์นี้หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือบทสัมภาษณ์ "สมชาย หอมละออ"แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53 ผัวเมียทะเลาะกัน... ผิดทั้งคู่ (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14:00:45 น. สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์)
 
 

ด้วยรักและไว้อาลัยแด่การสอบโอเน็ต (และบทสัมภาษณ์ 'ติ่งหู' กับ 'ผู้ไม่เชี่ยวชาญ')

เดือนมีนาคมแล้วค่ะท่านผู้อ่าน

ช่วงเวลาที่นักเรียนชั้น ม.6 ต้องจำจากจรสถาบันอันเป็นที่รักเพื่อก้าวไปข้างหน้า ทั้งจากความต้องการของตัวเองและกระแสสังคมที่ต่างคาดหวังว่าการ ศึกษาคือหนทางแห่งการเป็น “เจ้าคนนายคน”

หากท่านผู้อ่านเคยผ่านช่วงเวลาของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นระบบเอนทรานซ์หรือระบบแอดมิชชันคงยังจำช่วงเวลาหฤโหดของการเข้าห้องสอบที่แบกเอาความฝันของตัวเอง ความคาดหวังของผู้บุพการี และหน้าตาของสถาบันระดับมัธยมศึกษา (ที่มักจะวัดกันด้วยจำนวนนักเรียนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้)ตลอดจนท่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครู อาจารย์ ไปจนถึงผู้บริหารสถานศึกษาก็ต่างลุ้นตัวโก่งกับผลการเข้ามหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ….ช่างเป็นช่วงชีวิตที่ลืมไม่ลง เสียจริง ๆ

รักเทอซะให้เข็ด ..แม่เจ็ดสาวลีโอ

ปีนี้บรรยากาศเหน็บหนาวที่มาพร้อมกับลานเบียร์หลายแห่งตามห้างสรรพสินค้า มีเรื่องสนุกสนานทวีคูณมากขึ้น เมื่อเกิดปรากฏการ “สาวลีโอ” ที่ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังเมื่อไปพันกับการเมืองยุคอำมาตย์ฝึกหัดครองเมือง

เมื่อมาถึงปลายปีที่มีบรรยากาศหนาวๆ ชวนให้เปล่าเปลี่ยว ธรรมเนียมปฏิบัติของบรรษัทค่ายน้ำเมาต่างๆ จะต้องมีแคมเปญอะไรมาเป็นของกำนัลให้กับหนุ่มๆ คึกคักมีชีวิตชีวา โดยปฏิทินรูปแบบวาบหวามมักจะถูกเข็นออกมาในช่วงนี้ และลีโอก็ไม่เคยพลาด หลังจากที่ได้ “ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม” มาช่วยเป็นแม่ทัพดูแลการผลิตด้านสื่อหวาบหวิวให้ค่ายลีโอ เป็นส่วนหนึ่งในการฟาดฟันต่อสู้กับค่ายช้างจนทำให้เบียร์ลีโอเป็นเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศ โดยกลยุทธการตลาดที่สำคัญนั้นก็คือการขายความเซ็กซี่และมีระดับกว่าช้างมาหน่อย

ขออนุญาต "ไม่แปล"

สถานการณ์ในเมืองไทยตอนนี้ทำให้พวกเราไม่สามารถนำเสนออะไรหลายอย่างได้โดยเฉพาะสิ่งที่มาจากต่างประเทศ ก็เพราะประเทศสยามกำลังพยายามปิดกั้นไม่ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลจากสื่อต่างชาติ หรือถ้าจะให้รับรู้ก็จะถูกบิดเบือนหรือรับเอามาดัดแปลงให้เป็นวาทศิลป์มุ่งสำเร็จความใคร่ในการทำลายล้างศัตรูของตนเอง โดยไม่สนถึงผลกระทบที่ตามมาว่าจะบานปลายร้ายแรงขนาดไหน