Skip to main content

เรื่องใดที่ไม่มีในเมืองไทย ชาน่าสรรค์หามาเม้าท์ เพราะถือว่าหากโอกาสพาไป ไม่เสียหาย ทำไมจะไม่ล่ะ... ? หลายคนอยากรู้เรื่องราวความเป็นไป เป็นมา หรือแอบคิดในใจว่า "คิดได้ไง ไปหาดเปลือย ?..." บางคนอาจจะมองในแง่ลบทันใดว่า "นังนี่ต้องเป็นโรคจิตแน่เลย ...." ต่างคนนานาจิตตังนะคะ เอาล่ะค่ะให้เวลาตั้งคำถาม ก่อนที่คุณจะได้ทุกคำตอบที่ต้องการ

คนที่เข้ามาอ่านย่อมมีจุดประสงค์คืออยากจะรู้บางสิ่งที่ยังไม่รู้ แต่รับรองว่า หากอ่านเรื่องนี้แล้ว คุณได้มากกว่าที่คุณคิดซะอีกค่ะ ถือว่าเป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ต่างแดนที่ไปสัมผัสมาละกันนะคะ

  

หาดเปลือย หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "Nude Beach" บ้างก็เรียกกันให้สมกับจุดประสงค์ว่า " Naturist Beach" ซึ่งเป็นหาดธรรมชาติ

 

การไปเยือนหาดเปลือยครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกของการไปหาดเปลือย แต่เป็นครั้งแรกที่ไปเยือนหาด Haulover Beach ที่ South Beach ,Miami Florida. ซึ่งเป็นหาดเปลือยอย่างเป็นทางการของไมอามี่ รัฐฟลอริด้าค่ะ

 

เรือจะเข้าจอดที่เมือง Ft.Lauderdale รัฐฟลอริด้าทุกเจ็ดวัน คือวันเสาร์ ปกติเพื่อนชายของชาน่า (โทมัส) ก็จะมารับไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ประจำ วันนั้นจึงเอ่ยปากถามเค้าว่า "ไปหาดเปลือยกันดีมั้ย" ผู้ชายก็บอกว่า "ไปสิเดี๋ยวผมจะพาไป ผมก็ไม่รู้ว่าชาน่าอยากจะไป จึงไม่กล้าถาม เพราะเพื่อนผมเคยพาผมไปแล้ว"


ทำงานหกโมงเช้าถึงแปดโมงรีบจัดของอุปกรณ์เสริม "พร้อม" ทุกสถานการณ์ เพราะต้องกลับมาทำงานบ่ายสามโมง


โทมัสขับรถจากท่าเรือไปถึงไมอามี่ โดยถนนสาย 95 ด้วยเวลาแค่ยี่สิบกว่านาที เราก็ถึงจุดหมายปลายทาง ชายหาดทางตอนใต้ของไมอามี่ ยาวสุดลูกหูลูกตา ตึก คอนโด โรงแรม ตั้งตระหง่านอย่างสวยงามซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาใช้ชีวิตหนีหนาวมาสู่ "The sunshine state" เพื่อนชายของชาน่าก็มาพักร้อนในช่วงนี้ โทมัสมาที่นี่เป็นครั้งที่สองหลังจากคราวที่แล้วเคยพาเพื่อนชาวเยอรมันมาเที่ยวที่นี่ บรรยากาศสายๆ ของวันเสาร์ หลายคนรีบจองลานจอดรถในอุทยาน เพราะถ้ามาตอนบ่ายจะหาที่จอดยากมาก หลายคู่นักรักธรรมชาติหาดเปลือยทั้งชาย หญิงทะยอยกันจอดรถ ค่าจอดรถ 5 เหรียญ ชาน่าได้โทมัสเป็นไกด์พาไปเที่ยวครั้งนี้


แม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่สัมผัสหาดเปลือยแต่ก็ตื่นเต้น ด้วยความที่อยากเห็นสถานที่ "เมืองน๊อก เมืองนอก" เราเตรียมอุปกรณ์อาบแดด ว่ายน้ำ ครบครัน หลังจากนั้นจึงปักหลักอยู่มุมหนึ่งซึ่งมุมนี้เต็มไปด้วยคู่เกย์ เพื่อนเกย์ โดยสังเกตได้จากพฤติกรรม และสัญลักษณ์บ่งบอกคือ สีรุ้ง โทมัสพาชาน่าไปอยู่ท่ามกลางมหาชนชาวเกย์ ตอนนั้นก็ยังอึ้งๆ งงๆ ตื่นๆ ตื่นตาตื่นใจ (แต่อย่างอื่นไม่ตื่นนะคะ) เพราะมีความรู้สึกว่า "นี่ล่ะคือธรรมชาติของมนุษย์" "Naturism is a way of life in harmony with nature, characterized by the practice of communal nudity, with the intention of encouraging self-respect, respect for others ,and for the environment." ข้อความจาก International Naturist Federation.


  


หาดเปลือยนี้ไม่ได้มีแค่ประเทศอเมริกาเท่านั้น หากแต่มีทั่วทุกมุมโลก แม้แต่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เอเซียบ้านเราเค้าก็เปลือยกัน โดยส่วนตัวของชาน่าแล้วคิดว่ามันเป็นยิ่งกว่า อนาโตมี่ ที่เข้าใจว่าชาย หญิงทุกคนล้วนมีเหมือนกันหมด ทำให้นึกย้อนไปยังอดีตกาล สมัยที่มนุษย์ยังไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ อีกนัยพอเห็นคนเปลื้องผ้าแล้ว คนเราทุกคนก็เท่าเทียมกัน ไม่มีใครประดับตกแต่ง ใส่เสื้อผ้าด้วยราคาหรูหราแต่อย่างใด ทุกคนก็อยู่ได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มียศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่งขนาดไหน ทุกคนก็คือคนเหมือนๆ กัน


หาดเปลือยแห่งนี้ไม่ได้เป็นของเกย์ หรือชายจริงหญิงแท้แต่อย่างใด ทุกคน ทุกเพศอยู่ร่วมกันได้ เพียงแต่กลุ่มชายรักชายก็อาศัยมุมสุด สุดมุมเพื่อหลีกเลี่ยง บางวัตถุประสงค์ที่ไม่เหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นก็มีคู่ ชายจริง หญิงแท้เปลือยกันเรียงรายเท่ากับสามสนามฟุตบอลรวมกัน


ใครที่เคยไปมาแล้วก็อาจจะบอกว่า "โอ้ พระเจ้าจอร์จมีแต่คนแก่ๆ เหนียงยาน หย่อน ตะต่อนย้อน" อันที่จริงแล้วก็มีทุกวัยล่ะค่ะ แล้วแต่ใครจะไป ใครจะเปลือย เพราะวันนั้นอิฉันก็เห็นน้องๆ วัยสี่ห้าขวบก็เปลือยเป็นแฟมิลี่ มีคุณพ่อ คุณแม่ เปลือยเหมือนกันหมด เค้าถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เคยอ่านแมกกาซีนเล่มหนึ่งของดาราดัง เค้าบอกว่า เค้าเปลือยแต่ก็สอนให้ลูกเค้ารู้ว่าอะไร คืออะไร เป็นการศึกษานอกตำราอีกอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอายกัน แน่นอนว่าคนสูงอายุอาจจะเยอะเพราะว่างจัดและด้วยวัยปูนนั้นแล้วเค้าคงไม่อายแล้วล่ะค่ะ


ใครใคร่เปลือย -เปลือย ใครใคร่ใส่กางเกงในก็ใส่ได้ หลายคนอาจจะตั้งคำถามในใจว่า "อ้าว ถ้าเราไปแล้วเราต้องเปลือยกับเค้ามั้ยล่ะ ? ...." เพราะเค้าบอกแล้วว่า "clothing optional beaches" คือจะเปลือยก็ได้ไม่เปลือยก็ได้ คุณมีทางเลือก แล้วแต่คุณ ไม่ได้มีกฎห้ามว่า หากคุณไม่เปลือยแล้ว "ห้ามเข้า"
และก็มีป้ายบอกเขตแดน "Persons offended by nudity should avoid entering this area" ใครที่ต่อต้านรังเกียจ ไม่ชอบการเปลือยควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในเขตแดนนี้
"Attention Beyond this point you may encounter nude bathers" โปรดระวัง บริเวณนี้คุณอาจเข้าไปหาดเปลือย ผู้ว่ายน้ำเปลือย
"Attention beyond this point swim suits or clothing required" โปรดระวัง บริเวณนี้คุณต้องใส่ชุดว่ายน้ำ หรือเสื้อผ้า เรียกได้ว่าต้องอ่านและเข้าใจกฎกติกา มารยาทของสังคม สิ่งที่ควรทำมีอะไรบ้าง...

 

Park Rules & Naturist Beach Etiquette. กฎ กติกามารยาทของหาดเปลือย

Gawking or staring is rude การจ้องหรือเพ่งเล็งถือเป็นพฤติกรรมหยาบคาย

Obey posted no loitering signs. ไม่เดินเอ้อระเหย เถลไถล บริเวณป้ายตั้งไว้

No glass containers allowed on the beach. ภาชนะที่เป็นแก้วนำเข้าไม่ได้

Clean up your area. ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ

Do not enter or walk in the dunes. ห้ามเข้า หรือเดินบนเนินทราย

Don't use the beach as an ashtray. ห้ามเขี่ยบุหรี่ลงชายหาด

Use earphones or keep radio volume low. ใช้หูฟัง หรือเปิดเพลงเบาๆ

Ask permission before taking pictures. ขออนุญาตก่อนทำการถ่ายรูป

Dress before leaving posted Naturist area. แต่งตัวก่อนออกจากนอกบริเวณหาดเปลือย

 

The beach Ambassadors are dedicated to working with police. บริเวณชายหาดจะมีผู้รักษาการณ์และทูตสัมพันธ์ของชายหาด ซึ่งจะประสานกับทางตำรวจ และให้ข้อมูลช่วยเหลือผู้มาใช้ชายหาด

 

บางท่านอยากรู้ว่าหาดแห่งนี้ต้องเสียตังค์ค่าเข้าเท่าไหร่ ต้องบอกตามตรงว่า ที่นี่เค้าเป็นเมืองอิสระเสรี เข้าฟรี ไม่มีเสียตังค์ค่ะ ส่วนใครอยากจะร่วมสนับสนุนจ่ายตังค์เป็นค่าบูรณาการ ของกองทุนสมาคม " South Florida Free Beaches Florida Naturist Association , Inc." ก็สามารถโอนเงิน ผ่านทางบัตรเครดิตได้


หาด Haulover Beach แห่งนี้ก่อตั้งเป็นหาดเปลือยเมื่อปี คศ. 1991 ด้วยกลุ่มรักธรรมชาติ ที่เรียกตัวเองว่า Naturist กิจกรรมในหาดมีหลายอย่างอาทิเช่น กิจกรรมทางน้ำ วอลเล่ย์บอล โยนห่วง ชักกะเย่อ เป็นต้น จากการสัมภาษณ์จากกลุ่มที่มาใช้บริการหาด Haulover Park's Naturist Beach แห่งนี้เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 11 เดือน มกราคม ปี คศ.2004 (ห้าปีที่แล้ว) ถามว่าพวกเค้าอยู่ที่ไหนบ้าง ? มาจากต่างประเทศ 17.9 % Miami-dade 17.9% (ท้องถิ่น) มาจากรัฐอื่น 27.4 % มาจากFlorida แต่ไม่ใช่คนท้องถิ่น 6.0% Palm Beach 10.7% Broward 20.2 %

คุณคะไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ วันนั้นชาน่าไม่ได้ใส่เสื้อทีมชาติไทยไปเที่ยวหาดเปลือย ไม่ต้องกังวลว่าจะนำชื่อเสียงของประเทศไปหากิน ถึงกระนั้นก็มีเอเซียน้อยมากแทบจะนับได้คนสองคน ที่สำคัญอิชั้นก็ไม่ได้ "เว่า อู้ แล่ง" เป็นภาษาไทยให้ใครจับได้หรอกเจ้าค่ะ


หาดนี้เกี่ยวอะไรกับเกย์วิถี แน่นอนว่าประชาชนเกย์ส่วนหนึ่งมาใช้ชีวิต อาบแดด พักผ่อนที่นี่เพื่อต้องการให้ผิวสีแทน ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ หรือไม่ก็พบปะสังสรรค์เพื่อนใหม่ มากับเพื่อนรู้ใจ เพราะหลายคนรู้ว่า พวกเราชาวสีรุ้งไม่ได้อยู่คนเดียว วันนั้นก็มีคนเข้ามาทักทาย สร้างความสัมพันธ์ รู้จักกันไว้ไม่เสียหลาย ไม่ได้มั่วแต่ได้กันอย่างทั่วถึง อุ้ย ไม่ใช่.... แค่ได้รู้จักกันแค่นั้นเอง...


อาจจะมีสักหนึ่งคนหรือเปล่าหนอที่คิดในใจว่า "แล้วยัยบ้า...ชาน่า เนี่ย หล่อนเปลือยกับเค้าหรือเปล่า" ก็ต้องตอบไปตามตรงแบบไม่อมพระมาพูดนะคะว่าวันนั้นไม่ได้เปลือยค่ะ เพราะคนเยอะ อิฉันยังปรับสภาพไม่ได้ เป็นหาดเหมือนหาดจอมเทียนคนเยอะแยะมากมายใครจะกล้าเปลือย แต่เพื่อนชายของชาน่า โทมัสเค้าเปลือยอาบแดดอย่างหนำใจ ก็แหม...ใครจะกล้าเอารถด่วนไปแลกกับหนอนผีเสื้อล่ะคะ ที่สำคัญ... "ฉันยังรักยังหวง" ไม่ยอมให้ใครมาเห็นได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็น แต่ก็เคยไปกับแฟนเก่าที่กรีซ ที่นั่นดิฉันเปลือยเพราะเป็นบริเวณ เงียบสงบ ส่วนตัว (Sanctuary) ไม่มีใครมารบกวน มีเทอเรซ โขดหิน ดิน ทราย ต้นไม้ ไหล่เขา เรานอนกลางหาดทรายให้สายลมโชย ฟังเสียงคลื่นกระแทกฝั่งดัง ๆ ได้ยินเสียงลมหายใจ ฟังเพลงเพราะ ๆ "มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา" ขอบอกว่า ... เป็นสุข สุดสุดไปเลย

ใครไม่เชื่อก็ลองได้ ณ ต่างแดนแบบไม่รู้จักใคร แต่อย่าไปลองที่เมืองไทยนะคะ เพราะมิเช่นนั้นคุณอาจจะโดนข้อหา ลามก อนาจาร เปลื้องผ้าในที่ธารกำนัล โดนปรับห้าร้อยบาทไม่รู้ด้วยนา....

 

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
ภาษาใครคิดว่าไม่สำคัญ บางคนบอกว่า แหม ... บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูด ใช้ภาษาใบ้เอาก็ได้ แต่บังเอิญคนที่คุณใบ้ด้วยไม่เก็ตก็แย่สิฮะ.. หากพอมีเวลาว่างใช้เวลาในการศึกษาภาษาเพิ่มเติมชาน่าว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว  อย่างเวลาชาน่าไปแต่ละเมืองแต่ละประเทศนั้น จำเป็นต้องพอรู้ว่าไปไหนมา สามวาสองศอก หรือแม้แต่ภาษาเฉพาะในหมู่ชาวเรา ทำให้  "ง่ายสำหรับคุณค่ะ"
ชาน่า
วันนี้เรือจอดอยู่ประเทศบาฮามัส พรุ่งนี้จะเข้าฟลอริด้า นั่งทำงานเป็นโอเปอเรเตอร์รับโทรศัพท์จองห้องอาหารคนเดียว  เสี้ยวหนึ่งของวันทำงาน จู่ ๆ ก็เกิดอาการเป็นสุข จนต้องระบาย หยิบปากกามาจิกเขียน ถ่ายทอดความสุข ส่งตรงสู่เมืองไทย  
เค้าบอกว่า คนเราจะสุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่ที่ใจ บางครั้งกว่าจะสุขได้ก็ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่องของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ส่วนตัว และจิตใจ เป็นต้น
บางครั้งเจ้า “ความทุกข์”  มักจะมาเยือน  นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญบ้าน ๆ ทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ปุถุชนคนเดินดินอย่างเราท่านทั้งหลาย   แต่เราจะหาวิธีการดับทุกข์เช่นไร…
ชาน่า
ชีวิตที่ต้องเกี่ยวข้องของคนหลากเพศชายจริง หญิงแท้ หรือแม้แต่เกย์ กะเทย นั้นย่อมมีปะปนกับชนและคนทุกชนชั้นวงการไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของนักศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่งชาติ เป็นลูกเป็นหลานเราๆ ท่านๆ เนี่ยล่ะฮะวันนี้ชาน่าอ่านข่าวคราวจาก นสพ.คงชักเล็ก พิมพ์ผิดฮ่า คมชัดลึก เกี่ยวกับชีวิตของกะเทยหรือสาวประเภทสองที่ต้องแต่งตัวเป็นนักศึกษาหญิงไปมหาวิทยาลัย จึงหยิบมาฝากผู้อ่านประจำคอลัมน์ “พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์” ณ ประชาไทกันบ้างเชื่อหรือไม่ว่า ชีวิตของคนเป็นเกย์ อีแอบ นั้นไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของความขัดแย้งในการแต่งกายเลย เพราะพวกเค้าก็คือเพศชายดีๆ ที่คุณเห็นนั่นแหล่ะ…
ชาน่า
ความรักหากใครไม่เคยสัมผัสก็ยากจะอธิบายให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นและก้นบึ้งของหัวใจ “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์”  ประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินมาแต่ไหนแต่ไร ตอนเป็นเด็กไร้เดียงสา ก็แค่อ่าน ได้ยิน และเข้าใจ แต่ไม่ได้สัมผัส รับรสของความรักและความทุกข์โลกวันนี้ได้ผ่านเข้า และผ่านไปจากบทเรียนและประสบการณ์ของชีวิตโลกแห่งความจริงกับสิ่งที่ฝันบางครั้งมันห่างไกลกันเหลือคณานับ  ทุกคนฝันอยากมีรักที่สวยงาม รักที่ทำให้ชีวิตนี้มีความสุข แต่หากเมื่อไหร่ รักนั้นไม่เป็นดังหวัง  ไม่เหมือนในฝัน มันย่อมเกิดทุกข์กับความรักคนที่ไม่เคยอกหัก  ก็เพราะเขาไม่เคยมีความรัก…
ชาน่า
ช่วงพักร้อนสามเดือนที่ผ่านมาได้ไปงานเปิดตัวหนังสือของเพื่อนที่ เอสพลานาด ทางทีมงานและสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ได้มอบหนังสือเล่มนี้ ...   “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง  ซึ่งเขียนและดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ของ คุณวารุณี แสงกาญจนวนิช   อ่านแล้วต้องขอยกนิ้วให้ ว่าเป็นอีกหนังสือคุณภาพที่อ่านแล้วโดนฮ่ะ  ได้สาระและความรู้อีกหลายเรื่องราวที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน ชีวิตจริงของชาน่านั้นเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นกะเทย แต่ที่ต้องแต่งสาวเป็นพรางชมพู ก็เพราะไม่อยากให้ทางบ้านรู้ (อันที่จริงคือไม่อยากให้คุณแม่ทราบ แค่คนเดียวเท่านั้นที่แคร์ความรู้สึก…
ชาน่า
 “ฮีธ เลดเจอร์” ขวัญใจชาวเกย์, พระเอกBrokeback Mountainเกิด – แก่ – เจ็บ – ตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งก็ยากจะทำใจได้  โดยเฉพาะหากใครสักคนอันเป็นที่รัก และผูกพัน แม้กระทั่งแค่ชื่นชม ปลื้ม ๆ ของคุณจากไปก่อนวัยอันสมควร   “เค้าหลับสบายไปแล้วล่ะ คงเหลือแต่เราที่จะก้าวต่อไป สู้ต่อไปตราบเท่าที่ลมหายใจยังอยู่แม้มันจะทรมาน ปวดร้าวแค่ไหน  ขอเวลาตั้งตัว ขอทำใจหน่อยได้ไหมคนดี”วันที่ 23 ม.ค. 2008 เป็นวันที่พระเอกในดวงใจของผมจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาผู้นั้นคือ  ฮีธ เลดเจอร์ หนุ่มน้อยหน้าไม่หล่อแต่เร้าใจวัยซาวแปด  ชาวออสซี่ …
ชาน่า
การแสดงความรักและความใคร่ที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวเกย์ ส่วนหนึ่งคงหนีไม่พ้นการร่วมเพศ แต่จะเป็นเพศร่วมแบบไหนคงทายได้ไม่ยากนัก  ซึ่งอันที่จริงแล้วก็เป็นธรรมชาติของเกย์ กะเทยที่ต้องใช้ทวารยังหวานอยู่ภายในร่างกายเพื่อประกอบกามกิจ (อยู่บ้าง)  ซึ่งภาระนี้จะตกอยู่กับฝ่ายรับ จนเกย์คิงหลายคนบอกว่า “ผมไม่ชอบรับ ผมชอบรุก เพราะเป็นฝ่ายรับมันเจ๊บบบบ เจ็บ”  ขออนุญาตทำความเข้าใจกับคนที่ยังอ่อนต่อวิชาเกย์ศาสตร์ ว่า ฝ่ายรับคือ ผู้ให้ (ทวารยังหวานอยู่) ส่วนฝ่ายรุกคือผู้กระทำ
ชาน่า
คงไม่มีใครจะกล้าปฎิเสธได้ว่า ความใฝ่ฝันของเกย์กะเทย เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ อยากจะทำหน้าที่ของการประกวดความงาม คุณค่าที่เธอคู่ควร ไม่ว่าจะเป็นเวทีใด ๆ ก็ตามที่จัดขึ้น ตอนเป็นเด็กชายอยู่บ้านนอกคอกนา เคยไปงานฤดูหนาวที่ทางจังหวัดหรืออำเภอเค้าจัดประกวด “นางฟ้าจำแลง” ตอนนั้นด้วยความไร้เดียงสา ใคร่รู้เยี่ยงนัก คำว่านางฟ้าจำแลงคืออะไร พอเติบโตขึ้นจึงเริ่มเข้าใจความหมายและเข้าใจตัวเองมากขึ้น “ฉันอยากเป็นนางฟ้าจำแลงจังเลย” พร่ำบ่นพึมพำในใจคนเดียว เพราะอิชั้นมีแววตั้งแต่จำความได้แล้วล่ะฮะ “โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้แลอรุณ.......” เพลงที่ใช้ประกวดเมื่อครั้งจำความได้…
ชาน่า
ส่งท้ายปลายปี  ความหนาวเข้ามาเยือนเหมือนใจหวิว ๆ  หลายคนเปรียบเปรยถึงความอ้างว้างว้าเหว่ ในช่วงฤดูหนาว  ช่างเข้ากันนัก  แต่ที่นี่ในต่างแดนเขตทะเลแคริบเบี้ยน สำหรับคนท้องถิ่นไม่รู้จักคำว่าหนาวเหน็บนอกจากอากาศเย็น ๆ  ณ วันนี้ที่เกาะท้องฟ้ามืดมน ตั้งเค้าฝนจะตก  บ่อยครั้งที่ฝนฟ้าและอากาศเป็นใจมักจะปล่อยใจฝัน แบบบิวด์อารมณ์ได้ไม่ยากนักสำหรับหัวโปกไร้นม อารมณ์เกินหญิงของเกย์อย่างเรา  ฉันนั่งอยู่บาร์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งของเกาะ Antigua and Barbuda เขตทะเลแคริบเบี้ยน  หลังจากที่เราสามคนเกย์เพื่อนรัก พากันออกจาก รีสอร์ทหรูราคาสี่ร้อยล้านเหรียญ หรือที่รู้จักกันดี…
ชาน่า
สังคมที่เปิดกว้างและยอมรับโลกแห่งความเป็นจริงได้เกิดขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อได้เห็นหนังไทย หนังดี หนังเด่นแนวหน้าแห่งปีนี้  เรื่อง “รักแห่งสยาม” หนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักหลากอารมณ์ ของสังคมเมืองไทย ในความเหมือนที่แตกต่างของสังคม(อีกแล้วครับท่าน) เป็นกระแสแรงได้จิต สั่นสะเทือนหลายริกเตอร์ เขย่าให้เห็นถึงภาพสะท้อนของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน  เมื่อ  “รักแห่งสยาม”  ผ่านสายตามหาชน   ทั้งพลพรรคคนรักเกย์ แอนตี้เกย์ รักครอบครัว รักเพื่อน รักแฟน รักเพศไหนๆ ยังไงก็ตาม“คงเป็นหนังวัยรุ่นกุ๊กกิ๊ก ทั่ว ๆ ไป  สปอยหรือเปล่าน๊า”“แหวะ ... หนังเกย์ แน่ ๆ เลยเท้อออ !”“โอ้โห…
ชาน่า
กลับมาตามหัวใจเรียกร้องอีกครั้งหลังจากพักร้อนเมืองไทย  กลับไปอ่านหนังสือของสาวสองเภท หรือสาวประเภทสองที่บุกตลาดเมืองไทยตามแผงหนังสือชั้นนำทั่วไป  อดไม่ไหวจึงขอหยิบมาฝากแนะนำเผื่อใครสนใจอยากอ่านเรื่องราวหลากหลาย มากมายมุมมอง สามารถอ่านได้จากหนังสือที่สาว ๆ เธอเขียนถ่ายทอดเพื่อเป็นสื่อสร้างสรรค์ผ่านตัวหนังสือ มีเล่มไหน ยังไงบ้างนั่งปูเสื่ออ่านได้ค่ะเกริ่นนำส่วนตัวก่อนว่า  สมัยก่อนตอนอยู่นอกเมือง ไม่ใช่เมืองนอก (บ้านนอก) เคยอ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง จำไม่ได้ว่าเป็นสกุลไทย หรือขวัญเรือน  มีคอลัมน์ที่เค้าเขียนถึง “กะเทยไทยในต่างแดน” ตอนนั้นยังเป็นเด็กชาย อีแอบ ไม่แสดงออก…
ชาน่า
ห่างหายไปนานหลังจาก เปิดตัวหนังสือ “เม้าท์แตก...ชาวเรา” ได้สองวันก็ลัดฟ้า กลับไปทำงานต่อที่เรือสำราญ ณ อเมริกา  กว่าจะตั้งตัวได้เหนื่อยเอาการทีเดียวค่ะหมกมุ่นกับการทำงานและการปรับตัวสักระยะ จึงเริ่มออกไปพักผ่อนหย่อนใจ ตามประสาคนทำงาน ลอยล่องท่องไป ในโลกกว้าง  วันว่างหลังการทำงานหนักเป็นนางแบกอินเตอร์ (แบกถาดอาหารคาวหวาน)วันนี้หลังจากทำงานกลางวันรับจองห้องอาหารทางโทรศัพท์เสร็จจึงรีบออกไปเที่ยวหาดเกย์ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนชาวเกย์อันเลื่องชื่อของพลเมืองชาวเกาะของประเทศอเมริกา ที่อยู่ทะเลแคริบเบี้ยน  นามว่า “ St.Thomas”  U.S.V.I ย่อมาจาก United State Virgin Island.…