Skip to main content

ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม

\\/--break--\>

ยู เป็น Karen เหรอ ที่ร้านเรามีคนครัวคนหนึ่งเป็น Karen มาจากพม่า ไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกับ ยู หรือเปล่า พูดภาษากันรู้เรื่องหรือเปล่า?” เจ้าของร้านบอกผม
น่าจะรู้เรื่องครับ ผมขอคุยกับเขาหน่อยได้ไหมครับ?” ผมขอเจ้าของร้านด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น
ได้ น้องๆ ไปเรียก มู ในห้องครัวหน่อย” เจ้าของร้านเรียกใช้เด็กเสริฟให้ไปเรียกคนครัวปกาเกอะญอ

 

ทันที่ที่เจอหน้าเขา ผมรู้ทันทีว่าเขาเป็นปกาเกอะญอแน่นอน นัยน์ตาของเขาก็เหมือนจะรู้ว่าผมเป็นคนปกาเกอะญอเช่นกัน เขาเดินส่งยิ้มให้ผมมาแต่ไกล

 

โอะ มึ โช เปอ” เขายื่นมือมาทักทายผม เขามาอยู่ได้เพียง 4 เดือนเลยยังไม่มีเครือข่ายกับคนปกาเกอะญอที่มาก่อนหน้า ทั้งที่อยู่ในรัฐเดียวกันและเมืองอื่นๆ เขามาจากศูนย์อพยพแม่หละ นับเป็นการเจอคนปกาเกอะญอคนแรกของผมในอเมริกา ก่อนเขาจะขอตัวกลับเข้าครัวเพื่อทำงานต่อ เนื่องจากเขาสังเกตถึงสายตาของเจ้าของร้านที่มองมาทางเราถี่ขึ้น อาจเป็นเพราะเราใช้เวลาในการคุยกันนานจนเสียเวลาทำมาหากินของเจ้าของร้าน

 

บ่ายสามกว่าๆ เราเข้าไปที่ร้าน Ruta Maya ซึ่งเป็นร้านเวิลด์มิวสิคที่เน้นคนที่มีบทเพลงและแนวเพลงที่แตกต่างจากคนอื่นมาแสดงในร้าน วันนี้ได้ข่าวว่า จะมีวงจากศรีลังกามาด้วย ในร้านตกแต่งโปสเตอร์งานต่างๆ ที่มีคนมาเล่นในร้าน ซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากหลายที่หลากสีสัน ผมมองดูรอบๆ ร้านพร้อมกับติดตั้งโกละ และเครื่องเสียงของวง

 

ทุ่มเศษๆ คอนเสิร์ตเริ่มขึ้น พี่ทอด์ดขึ้นไปแนะนำตนเองและคณะที่มาจากประเทศไทย จากนั้นชวนทุกท่านเดินทางไปทางเหนือของประเทศไทย เดินทางต่อจากเชียงใหม่ขึ้นภูเขามุ่งสู่หมู่บ้านปกาเกอะญอ เตหน่ากูทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวของตนเองและคนชนเผ่าในประเทศไทย 4 เพลงจากนั้นลูกสาวแม่น้ำปิง ลานนา ขึ้นมาสมทบอีก 3 บทเพลง แล้วเราจึงพากันล่องใต้กับ ซอ เดอะซิส ที่แยกหาดใหญ่ แยกแห่งวัฒนธรรมและดนตรีที่หลากหลาย ก่อนที่จะมุ่งสู่แดนอีสานจนถึงแม่น้ำโขง

 

พี่น้องจากศรีลังกามาเคาะประตู เพื่อร่วมเข้ามาในสวนแห่งสีสันดนตรี เสียงร้องที่ทรงพลังของเขาทำให้ทุกหูในร้านปิดรับฟังเสียงอื่นและเปิดพื้นที่ให้คลื่นเสียงของเขาเข้าไปแบบเต็มๆ ก่อนที่เขาจะถูกชวนไปสัมผัสบรรยากาศคลื่นเสียงหมอลำของแม่น้ำโขง และสุดท้ายเรากลับมารวมกันด้วยท่วงทำนองร้องบรรเลงของอัฟริกัน

 

ผมลงจากเวที ผมแปลกใจมากที่ โจ วิศวกรผู้ออกแบบการวางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เดินมาหาผม เขาบอกผมเพียงสั้นๆ

ผมมาตามเสียงเพลงและเสียงดนตรีของคุณ” เขาจับมือผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนเขาจะบอกว่าพรุ่งนี้เขาต้องบินกลับไปทำงานแต่เช้า ผมพูดอะไรไม่ออก

 

หลังจากนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาคุยกับผม

ฉันไม่รู้จัก ปกาเกอะญอ ไม่รู้จัก คาเรน ฉันรู้จักแต่อองซาน ซู ยี” เขาบอกพร้อมกับคุยถึงความเห็นของเขาที่เห็นใจพลเมืองชาวพม่า และเขาปรารถนาที่จะเห็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นที่ประเทศพม่า ก่อนเขาจะไปหยิบซีดีของผม แล้วชูขึ้นมาให้ผมเห็น

ฉันซื้อของคุณแล้วนะ” ผมยิ้มตอบเขา ก่อนเขาจะออกจากร้าน แล้วพวกเราก็เก็บของกันเพื่อเคลื่อนย้ายต่อ

 

คืนนี้ไปนอนกันที่บ้านคนไทย พวกเรามีกัน 20 กว่าคน แม้บ้านจะหลังใหญ่มีหลายห้อง แต่ก็ไม่สามารถมีพื้นที่นอนสำหรับรองรับเราได้ทั้งหมด เป็นหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องจำลองพื้นที่ว่างที่มีอยู่เป็นห้องนอนชั่วคราว

 

น้องๆ นักเต้น 4 คนใช้ตู้เก็บรองเท้าเป็นที่นอน ไทด์มือเบสชาวฮอลแลนด์ใช้ตู้เสื้อผ้าเป็นที่นอน เจ้าของบ้านและพี่ทอด์ดใช้โซฟา เป็นเตียงนอน ผมและภรรยาใช้พื้นที่ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์เป็นที่นอน ต้องช่วยกันประหยัดที่เนื่องจากมันมีจำกัด เราเลยนอนกอดกันแน่น แม้อากาศที่อเมริกาเริ่มหนาวแล้ว แต่การนอนใต้โต๊ะคอมฯ และกอดกันแน่นจนขยับลำบากแบบนั้น ทำให้รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที แต่ด้วยความเพลียก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งความง่วงได้

 

รุ่งเช้า กว่าที่ทุกคนจะอาบน้ำกันครบ เกือบเที่ยงแล้ว โปรแกรมที่เราต้องเล่นคือบ่ายสองถึงห้าโมงเย็น นักดนตรีจึงมุ่งหน้าสู่เวทีเพื่อติดตั้งเครื่องเสียงและลองเสียง เวทีเป็นสวนสาธารณะมีคนเดินผ่อนคลายในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

 

เมื่อลองเสียงเสร็จสรรพ ข้าวกล่องจากทีมงานจึงตามมา ฟัดข้าวกล่องเต็มอิ่มก่อนขึ้นเวที เช่นเคยเวทีถูกเปิดด้วยบทเพลงจากชนเผ่าแห่งขุนเขา

รอบนี้หลายเพลงหน่อยนะ เนื่องจากเราต้องเล่นตั้ง 3 ชั่วโมง” พี่ทอด์ดบอกผม


เตหน่ากูบรรเลงไปเพลงแล้วเพลงเล่า มีคนเดินไปเดินมาประปราย ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง บางคนจะฟังแต่ถูกลูกดึงแขนไปที่อื่นจึงจากไป อีกคนจะฟังแต่ถูกแดดไล่ จึงหนีไป หลายคนเดินผ่าน จบเพลงหนึ่งก็เดินต่อ มิใช่เพียงเตหน่ากูเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ช่วงของวงใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ จนคอนเสิร์ตเล่นไปเกือบ 2 ชั่วโมง พี่ทอด์ด จึงประกาศของพักการแสดงไว้ขณะหนึ่งก่อน แล้วจะกลับมารอบสอง

 

ช่วงระหว่างพัก ทั้งนักร้องนักดนตรีต่างเรียกอารมณ์ด้วยการซดเบียร์กันเป็นว่าเล่น

เดี๋ยว ชิ ขึ้นก่อนอีกซัก 3 เพลงนะ” พี่ทอด์ดบอกผม ผมจึงเปิดหัวรอบสองด้วยเพลง แบแล เนื่องจากมีจังหวะเร็วหน่อย ก่อนตามด้วยเพลงนก และเพลง ดูดูเล แต่บรรยากาศก็ไม่ต่างจากรอบแรก คอนเสิร์ตจบลงด้วยความเหนื่อยเนื่องจากต้องเข็นพลังในการแสดงมากกว่าทุกครั้ง

 

หลังจากจบการแสดงที่สวนสาธารณะ 5 โมง เรารีบเก็บของเพื่อไปเล่นต่ออีกที่ ณ ร้านอาหารไทยในเมืองเดียวกัน คนไทยเริ่มทยอยกันเข้ามา อาหารแบบบุฟเฟ่ต์ถูกตั้งไว้สำหรับลูกค้าและนักดนตรีในที่เดียวกัน หลังจากเสริมพลังด้วยอาหารไทยแล้ว เริ่มตั้งเครื่องเสียง เนื่องจากเป็นร้านอาหารไม่ใช่ผับ ไม่ใช่บาร์ จึงไม่มีเวที ทำให้ต้องจัดเครื่องเสียงชุดเล็ก กลองมีเพียงสแนร์ที่ถูกติดตั้ง ส่วนกระเดื่องใช้กลองยาวแทน แต่สำหรับเตหน่ากูไม่มีปัญหา

 

ปัญหามีเพียงจุดเดียวคือ เสียงเพลงและเสียงดนตรีมันเบากว่าเสียงคุยกันของคนในร้าน พี่ทอด์ดแนะนำ เตหน่ากูและที่มาของเขา แต่คนไทยในอเมริกาเหมือนรู้จักคนชนเผ่าเลย

แม้วใช่ไหม” คนหนึ่งถาม บางทีผมรู้สึกว่าคนในเมืองไทยเริ่มรู้ความเป็นคนชนเผ่ามากขึ้น ที่อเมริกาน่าจะเป็นแบบนั้น แต่มันคนละเรื่องเลย เขายังมองทุกคนเป็นแม้วหมด บางคนยังมองทุกชนเผ่าเป็นกะเหรี่ยงหมด รวมทั้งดนตรีชนเผ่าเองไม่สามารถแหวกเข้าไปหาพื้นที่ในอารมณ์เขาเท่าใดนัก

 

หลังจากที่ผมร่วมล่องใต้กับไปหาดใหญ่กับวงเดอะซิสแล้ว ผมจึงหลบไปนั่งพักหลังห้องเก็บของด้วยความเพลีย จนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกที ตอนที่ ลานนา เปิดประตูเพื่อมาใส่เสื้อตัวใหม่

 

แอะ อ้ายชิ อู้งานก๋า ลบมาอยู่นี่ น้อ บ่ยอมขึ้นไปเล่นเพลงสุดท้ายตวยกั๋นน้อ” ลานนาหันมาแซวผม
ผม ฮู้สึก เพลีย เลยงิบ ลับไปเลย” ผมตอบลานนา
นาทั้งเพลีย ทั้งเมา ดื่มแล้วมันจ้วยกระตุ้นได้หน้อยนึ่ง แต่ซะกำก็จะง่วงขนาด แต่ก่ดี จะได้หลับแบบสนิท สลบสลายไปเลย” และก็จริงอย่างที่ลานนาบอก หลังจากเก็บของขึ้นรถ กลับมาที่นอนที่เดิม แม้จะนอนใต้โต๊ะคอมฯ นอนในตู้เก็บรองเท้า นอนในตู้เสื้อผ้า นอนบนโซฟาหรือใต้โชฟา กลับมาถึงไม่มีใครอาบน้ำ ทิ้งตัวทอดกาย ไม่เกินยี่สิบนาที ผมไม่รับรู้แล้วว่าอะไรเกิดขึ้นในบ้าน เสียงกรนไม่สามารถรบกวนผมได้

 


บรรเลงที่
Ruta Maya


 


ศิลปิน จากศรีลังกา
   

 


บนเวทีสวนสาธารณะ ในเมือง
Austin, Taxas

 

 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
ผมฝ่าชุมชนมูเจะคีหลายชุมชน ซึ่งล้วนแล้วแต่ปรากฏร่องรอยเล็บตีนเล็บมือรวมทั้งเริ่มเห็นมูลอันเป็นของเสียแห่งระบบทุนนิยมที่ถ่ายทิ้งเอาไว้ในชุมชนปกาเกอะญอที่มีอายุหลายร้อยปีแห่งนี้ และมีแนวโน้มที่ทรัพยากรธรรมชาติ ผู้คนและวัฒนธรรมจะถูกกลืนกินเป็นอาหารอันโอชะมากขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อได้มีโอกาสกลับมา พอมาถึงหมู่บ้านแรกของชุมชนปกาเกอะญอในบริเวณมูเจะคี ทันทีที่ได้สัมผัสมันเหมือนได้กลับคืนสู่รัง ได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปตอนอยู่ในเมือง เมื่อผ่านชุมชนแต่ละหมู่บ้านจะพยายามมองรถทุกคันที่ผ่าน มองคนทุกคนที่เจอว่าเป็นเพื่อนเราหรือเปล่า? ลุง ป้า น้า อา หรือเปล่า? ญาติพี่น้องหรือเปล่า?…
ชิ สุวิชาน
 หลังเสร็จงานศพ ความรู้สึกจำใจจากบ้านมาเยือนอีกครั้ง  แต่การกลับบ้านครั้งนี้แม้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างโดยเฉพาะในวิถีประเพณี ที่มีคนตายในชุมชน  ได้เห็นสภาพของป่าช้าที่ถูกผ่าตัดตอนแล้วพยายามเปลี่ยนอวัยวะชิ้นส่วนใหม่จากภายนอกเข้ามาแทนที่ 
ชิ สุวิชาน
 โลงศพถูกหย่อนลงในหลุม  ลูกชายที่เป็นศาสนาจารย์และเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งศิษยาภิบาลได้จับดินก้อนหนึ่งกำไว้ในมือ  แล้วชูดินต่อหน้าผู้ร่วมงาน"ชีวิตเราถูกสร้างมาจากดิน แล้วพระเจ้าได้เป่าลมหายใจ คือชีวิตสู่เรา การรักษาร่างกายไม่สำคัญเท่ากับการรักษาชีวิต ชีวิตที่แม้ไม่มีร่างกายก็มีชีวิตอยู่ได้ เพราะเมื่อร่างกายเราถูกสร้างมาจากดิน ถูกใช้งานมาระยะหนึ่งก็ต้องเสื่อมและต้องกลับคืนสู่ดิน แต่ชีวิตไม่ได้ถูกสร้างมาจากดิน ชีวิตถูกสร้างมาจากลมหายใจที่มาจากพระเป็นเจ้า ถ้าเรารักษาชีวิตไว้ในขณะที่อยู่บนโลกให้เป็นไปตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า…
ชิ สุวิชาน
จบพิธีทางคริสต์ศาสนา แขกเหรื่อที่มาต่างทยอยเดินลงบันใด และยืนกองรวมกันที่ลานหน้าบ้านผู้ตาย รถกระบะสองคันซึ่งเป็นของลูกชายศาสนาจารย์ที่จากไปได้แล่นมาแหวกกลุ่มคนที่ยืนอยู่ลานหน้าบ้าน และจอดท่ามกลางวงห้อมล้อมของฝูงชน  "กางเขนนี้คนเอาไม่อยู่ โคตรหนักเลย" เสียงของหนึ่งในชายฉกรรจ์ พูดขึ้นหลังจากนำไม้กางเขนซีเมนต์ขนาดประมาณ 2 เมตรครึ่ง หน้ากว้างประมาณ 6 นิ้วได้ขึ้นไว้บนรถกระบะ ครั้งหนึ่งพระเยซูได้แบกไม้กางเขนของตนเองไปยังภูเขาที่พระองค์จะถูกตรึง ระหว่างทางได้อ่อนระโหยโรยแรง มีชายผู้หนึ่งที่สงสารจึงอาสาช่วยแบก แต่มาครั้งนี้คนเอาไม่อยู่ ผมเพียงแต่นึกในใจว่ากางเขนซีเมนต์นี้…
ชิ สุวิชาน
"ที่จะร้องให้ฟังต่อไปนี้เป็น ธา ปลือ ร้องเพื่อให้คนเป็นรู้ว่าคนตายได้ตายเพื่อไปที่อื่นแล้ว ร้องเพื่อให้คนตายรู้ว่าตัวว่าได้ตายและต้องไปอยู่อีกที่แล้ว ในวันที่ไม่มีคนตายห้ามพูดห้ามร้องเด็ดขาด ไม่ว่าในบ้าน ใต้ถุนบ้านหรือที่ใดก็ตาม ในวันที่มีคนตายนั้นต้องร้อง" พือพูดก่อนร้อง พือหยิบไมโครโฟน หันมาทางผม ผมจึงเริ่มบรรเลงเตหน่า
ชิ สุวิชาน
ข่าวเรื่องการละสังขารของศาสนาจารย์ผู้ก่อตั้งคริสตจักรมูเจะคีในวัย 96 ปีได้ถูกกระจายออกไป ไม่เพียงแค่ในพื้นที่มูเจะคีเท่านั้น เชียงราย กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่เกิดและที่เติบโตของพื้นที่อื่นที่เขาเคยเผยแพร่และเทศนาเรื่องราวของพระคริสต์ทั้งในพื้นที่เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ข่าวการจากไปของเขาไม่เลยผ่านไปได้ งานศพถูกจัดการอย่างดีตามรูปแบบของคริสเตียน ข่าวไปถึงที่ไหนผู้คนจากที่นั่นก็มา คนในพื้นที่กับคนนอกพื้นที่ดูแล้วปริมาณไม่ต่างกันเท่าเลย เหมือนมีการจัดงานมหกรรมบางเกิดขึ้นในชุมชน ลูกหลานที่ไปทำงานจากที่ต่างๆ ของเขาก็มากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โดยที่งานศพถูกเก็บไปสามคืน
ชิ สุวิชาน
พี่นนท์เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ได้ฟังพาตี่ทองดี จึงร้องเพลงธาปลือให้ฟัง จนกระทั่งถึงท่อน โย เย็นนั้นระหว่างงาน พี่นนท์จึงถามคำแปลของเพลงเหล่านั้น หลังจากเสร็จงานนั้นเพลงเส่อเลจึงมีการต่อเติมจนเป็นเพลงขึ้นมาจนได้ “พี่นึกถึงหญิงสาวที่ต้องโตขึ้นมาอย่างลำบาก นึกถึงพัฒนาการการเติบโตของชีวิต ต้องตามพ่อตามแม่ปลูกข้าว กว่าจะโตเป็นสาวต้องผ่านการตรากตรำทำงานอย่างลำบาก พี่เลยจินตนาการการตายของเธอว่า เป็นการเสียชีวิตด้วยไข้ป่า”
ชิ สุวิชาน
แม้ว่าฤดูเกี่ยวข้าวมาถึงแล้วแต่ฝนยังคงโปรยปรายลงมาอยู่ คนทำนาได้แต่ภาวนาว่าขออย่าตกตอนตีข้าวก็แล้วกัน เพราะฝนตกตอนตีข้าวนั้นมันยิ่งกว่าค่าเงินลอยตัวเสียอีก ผมเตรียมตัวกลับบ้านอีกครั้งเพื่อกลับไปเกี่ยวข้าว ผืนนาที่เคยวิ่งเล่นตอนเด็กๆกวักมือเรียกผมจากเมืองคืนสู่ทุ่งข้าวเหลืองอีกฤดู ซึ่งก็ได้จังหวะพอดีที่พ่อผมลงมาทำธุระที่เชียงใหม่ ทำให้ผมได้อาศัยรถของพ่อในการกลับครั้งนี้
ชิ สุวิชาน
ด้วยความที่อยากให้เกียรติวีรบุรุษในการต่อสู้ของคนที่อยู่กับป่า ทางทีมงานของเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจึงเลือกเพลง ปูนุ ดอกจีมู เป็นเพลงเปิดหัวในการประชาสัมพันธ์อัลบั้มเพลงเกอะญอเก่อเรอ ที่แรกที่เราส่งไปคือสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ท่าเป็นช่วงภาคภาษาชนเผ่า โดยเฉพาะภาษาปกาเกอะญอ ซึ่งมีพี่มานะ หรือบิหนะ เป็นผู้ประกาศข่าวคราวต่างไปถึงพี่น้องปกาเกอะญอในเขตภูเขา หลังจากที่เพลงถูกเปิด มีพี่น้องปกาเกอะญอจากที่ต่างๆโทรมาแสดงความเห็นมากมาย “ส่วนใหญ่เค้าบอกว่า เค้าชอบเพลงนี้มาก แต่เค้าขอร้องมาว่า ถ้าถึงท่อนที่เป็น ธาโย ช่วยปิดเลยได้มั้ย เพราะเขค้าฟังแล้วขนลุก…
ชิ สุวิชาน
มีผู้อาวุโสปกาเกอะญอ                  แห่งหมู่บ้านโขล่ เหม่ ถ่า ผู้ซึ่งไม่มีชื่อเสียงเรืองนาม              เขาคือ พาตี่ ปูนุ ดอกจีมูอยู่กับลูก อยู่กับเมีย                     ตามป่าเขาลำเนาไพรท่ามกลางพืชพันธุ์แมกไม้              ทั้งคน ทั้งป่าและสัตว์ป่าทำไร่หมุนเวียน ทำนา …
ชิ สุวิชาน
เพื่อเป็นการรำลึกแห่งการครบรอบการจากไป 1 ปี ทางเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ได้มีความประสงค์ในการจัดงานเพื่อรำลึกถึงพาตี่ปุนุ ซึ่งถือเป็นวีรบุรุษในการต่อสู้เพื่อคนอยู่กับป่าคนหนึ่ง โดยเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ได้มีการผลิตซีดีเพลงชุดหนึ่ง โดยมีพาตี่อ็อด วิฑูรย์ เป็นผู้ดูแลเนื้อร้องทำนองขับร้อง "ช่วยแต่งเพลง เกี่ยวกับปุนุ ให้หน่อย พาตี่แต่งไม่ทันแล้ว" พาตี่อ็อดมาบอกผม ผมจึงลงมือเขียนเพลงปูนุด้วยความรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นเพลงแรกที่ผมเขียนถึงคนตาย และต้องพูดถึงเหตุการณ์ในการตายของเขาด้วย จึงทำให้ผมนึกถึงบทเพลงคร่ำครวญในงานศพ…
ชิ สุวิชาน
ปี 2540 สถานการณ์การต่อสู้ของชุมชนที่อยู่กับป่าร้อนระอุขึ้นมาอีกระลอก เมื่อรัฐบาลของนายหัว ชวน หลีกภัย ได้มีนโยบายอพยพคนออกจากป่า นั่นหมายถึงชะตากรรมวิถีของคนอยู่กับป่าจะถูกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวง ชุมชนเดิม ที่อยู่ ที่ทำกินเดิมนั้นจะกลายเป็นเพียงที่ที่เคยอยู่เคยกินเท่านั้น ตัวแทนขบวนคนอยู่กับป่าจึงมีการขยับเคลื่อนสู่หน้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง โดยมีเครือข่ายกลุ่มสมัชชาคนจนจากภาคต่างๆมาสมทบอย่างครบครัน กลายเป็นชุมชนคนจนหน้าทำเนียบโดยปริยาย “ลูกหลานไปเรียกร้องสิทธิหลายครั้งแล้ว ไม่ได้สักที คราวนี้ฉันต้องไปเอง ถ้าเรียกร้องไม่สำเร็จฉันจะไม่กลับมาเด็ดขาด”…