Skip to main content
 
โจว ชิงหมาเกิด
 
 
ประเด็นฮอตฮิตในรอบสัปดาห์นี้หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือบทสัมภาษณ์ "สมชาย หอมละออ"แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53 ผัวเมียทะเลาะกัน... ผิดทั้งคู่ (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14:00:45 น. สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์)
 
 
ปฏิกริยาในโลกสังคมออนไลน์ของฝั่งแดง แน่นอนว่าต้องออกมาสับเละ กับวาทะมักง่ายของคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอันดับต้นๆ ของประเทศคนนี้
 
เช่น เฟซบุ๊กของคุณ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์รูปภาพพร้อมอธิบายภาพ
 
 
ภาพ "พี่สมชาย หอมละออ" [คนซ้ายในภาพที่กำลังบาดเจ็บ เลือดอาบ] ในเหตุการณ์ประเภท "ผัวเมียทะเลาะกัน" เมื่อวันที่ 6 ตุลา 19

เช้าวันนั้น "พี่สมชาย" ถูกอันธพาลการเมืองรุมตีปางตาย โชคดีที่รอดชีวิตมากได้

ตามที่แกเล่าให้พวกผมฟังตอนอยู่ในคุกด้วยกัน เช้าวันที่ 6 ตุลา ความจริง แกไม่ได้ค้างคืนในธรรมศาสตร์ แกไปร่วมดูเหตุการณ์จากทางด้านนอกมหาวิทยาลัย แล้วเดินเข้าไปด้วย เดินเข้าไปถึงแค่ตรงแถวหน้าคณะนิติ พวกอันธพาลมันเห็นท่าทางเป็นนักศึกษา นึกว่าเป็น "พวกข้างในธรรมศาสตร์" (ซึ่งจริงๆ พี่สมชาย แกก็ใช่แหละ "ตัวสำคัญ" มากด้วย แต่ผมไม่ขอเล่าในที่นี้ เพียงแต่ว่า วันนั้น ตามที่แกบอก แกไม่ได้อยู่ข้างใน เพียงเดินเข้าไปดูพร้อมๆกับม็อบฝ่ายขวาที่บุกเข้าไป) มันก็เลยรุมทำร้ายเอา

ความจริง มีภาพที่แกกำลังถูกรุมตี รุมเตะ ที่ชัดกว่านี้ แต่ผมไม่มีเก็บไว้ หลายคนคงเคยเห็น ภาพตรงด้านข้างตึกคณะนิติ ที่หันออกมาทางประตูใหญ่ ที่มีติดชื่อ "คณะนิติศาสตร์" น่ะ ในภาพ พี่สมชาย กำลังถูกอันธพาล 4-5 คน บางคนถือไม้ รุมเตะ รุมตี เป็นภาพที่มีการเผยแพร่กันมากพอสมควร

จริงๆแล้วผมไม่ค่อยอยากเขียนถึง "พี่สมชาย" หรอก เพราะเคยชอบแกมาก แม้แต่จนเมื่อเกิด "วิกฤติศรัทธา"ในกลางทศวรรษ 2520 ที่ฝ่ายซ้ายแตกระส่ำระสายแล้ว แกก็ยังความคิดดีนะ ผมเคยไปนอนค้างบ้านแก คุยกับแกเกือบทั้งคืน

...........

แต่พอหลัง รปห. 19 กันยา พร้อมๆกับการที่แกหันมาดีเฟนด์การ รปห. "ตรรกะ" ความคิดของแก ก็ "เพี้ยน"หนัก

แกเป็นหนึงในนักวิชาการ ที่ คณะ รปห. คมช. ส่งไปตะเวนต่างประเทศ อภิปรายเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับ รปห. ให้ต่างชาติ และคนไทยในต่างประเทศ ที่พากันประณาม รปห. ตอนนั้น

ในปี 2551 ผมมีโอกาสเจอหน้าแกจังๆ ในการสัมมนาที่จุฬา

ผมก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาด่าแก ว่า ใช้เงินภาษีของประชาชนไปตะเวนสร้างความชอบธรรมให้ รปห.

แก "ตอบ" ด้วย "ตรรกะ" ที่ทำเอาผม "อึ้ง" เพราะนึกไม่ถึงว่า แกจะเพี้ยนขนาดนั้นได้

คือแก "อธิบาย" ทำนองว่า เงินค่าใช้จ่ายที่เดินทางไปอภิปราย เป็น "เงินของผมเอง" คือ แกก็จ่ายภาษีเหมือนกัน ดังนั้น เงินภาษี ที่ คมช. นำมาใช้ส่งพวกแกไปอภิปราย (วันนั้น ผมใช้คำว่า "ขโมย" จากประชาชนมาใช้) ก็คือเงินของแกเองนี่แหละ ดังนั้น แกจึง "ไปด้วยเงินของผมเอง"

ผมฟังแล้ว "อึ้ง" จริงๆ เพราะนึกไม่ถึงว่า แกจะสามารถนึก "ตรรกะ" อะไรแบบนั้นมาได้

(ปล. เงินภาษีทีเราจ่ายไป เมือ่จ่ายไปแล้ว ก็เป็นของรัฐ หรือของประชาชนร่วมกันแล้ว ไมใช่ของใครคนใดคนหนึง นอกจากประเด็นง่ายๆว่า "พีสมชาย" จะรู้ได้ไงว่า เงินที คมช. "ขโมย" มาส่งแกไปอภิปรายเมืองนอก เอามาจากส่วนไหนของเงินภาษีรวมที่เป็นของรัฐ จะใช่ ส่วนที่ แก "จ่ายเอง" หรือเปล่า อะไรแบบน้น ที่สำคัญคือ เงินภาษีของแกเอง เมือจ่ายไป ก็เป็นของประชาชนนันแหละ และดังนัน คมช. ก็ "ขโมย" เอามาใช้ ที่แกไปเมืองนอกอภิปรายให้ คมช. ก็เป็นการไปโดยอาศัย เงินที่ "ขโมย" มานันเอง)
 
 
เฟซบุ๊กของคุณ Sarayut Tangprasert มีการนำภาพที่สมศักดิ์โพสต์มาเติมแต่งบทกวีล้อเลียน
 
 
ถ้าหน้าจอท่านเห็นถ้อยคำไม่ชัดก็ลองไปดูที่ http://www.facebook.com/photo.php?fbid=339635876080570&set=a.144319215612238.25339.100001024807284&type=1&theater
 
เฟซบุ๊กของ Bus Tewarit ผู้ที่ขยันขันแข็งในการเก็บวาทะฮอตๆ มาทำเป็น Quote ให้ชาวเฟซบุ๊กได้เสพย์อยู่เนืองๆ ก็ได้เจียระไนประเด็นนี้เช่นกัน และมีการเปรียบเทียบถ้อยคำของสมชายต่อประเด็นเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง
 
 
"ผัวเมียทะเลาะกัน บางทีมันก็ผิดทั้งคู่ แต่อีกฝ่ายมักจะโทษอีกฝ่าย ฉันถูก-คุณผิด โทษว่าอีกฝ่ายเริ่มก่อน ทั้งที่หากเรามาสำรวจตัวเอง ไม่ใช่มัวแต่โยนความผิดให้อีกฝ่าย ผมคิดว่าการปรองดองก็จะง่ายขึ้น"

สมชาย หอมลออ 
22 ก.พ.55
กรรมการ คอป. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง
แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53

ที่มา : มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 เผยแพร่ต่อใน "สมชาย หอมละออ"แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53 ผัวเมียทะเลาะกัน... ผิดทั้งคู่
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14:00:45 น. สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1329883344

ในขณะที่เมื่อ 7 ตุลา 51 ที่มีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสมชาย หอมละออ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ออกมาประณามการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลทันที หลังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา เมื่อช่วงเช้า(วันนั้น) โดยนายสมชาย เห็นว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุที่รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แม้รัฐบาลจะสามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้แต่ถือว่าขาดความชอบธรรม
(ที่มา : 5องค์กรภาคปชช.ซัดรบ.แถลงนโยบายขาดความชอบธรรม http://news.thaieasyjob.com/politic/politic/show_news-17785-3.html)

หรือจาก http://tnews.teenee.com/politic/27524.html ที่นายสมชาย หอมลออ ประธานครส. เองก็กล่าวประณามในทันทีว่า การชุมนุมของพันธมิตรหน้ารัฐสภาถือว่าสงบปราศจากอาวุธ การใช้กำลังของรัฐบาลในการสลายการชุมนุม เราขอประณามการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคน จนมีผู้บาดเจ็บ 70 คน แขนขาด 1 คน ขาขาด 1 คน น่าจะเกิดจากการใช้อาวุธหนักของเจ้าหน้าที่รัฐ 

-----
ที่พยายามเอาข้อมูลมาแชร์นี้ ไม่ได้บอกว่าท่าทีของคุณสมชาย ต่อรัฐบาลที่สลายการชุมนุมของ พธม.ขณะนั้น ไม่ชอบธรรม แต่ทำไมเมื่อเทียบกับ เสื้อแดง แล้ว ไม่เห็นมีความรวดเร็วทันที เลย ถ้าออกมาเร็วเราอาจจะไม่สูญเสียถึง 91 ศพ และบาดเจ็บอีกหลายพัน ก็ได้
 
0 0 0
 
เมื่อคืนวานผู้เขียนนั่งกินเหล้าสนทนาปัญหาบ้านเมืองกับผู้คร่ำหวอดด้านการสนทนาปัญหาบ้านเมืองท่านหนึ่ง และก็ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่ามองอีกมุม การพูดของสมชายก็ถูกนะครับ เรื่องผัวทะเลาะเมีย แต่ต้องยกกรณีการทะเลาะให้เหมาะสมเช่น อาจารย์นิด้าที่เอาร่มฟาดเมียจนตาย หมอวิสุทธิ์ที่ฆ่าหั่นศพภรรยา หรือเสริม สาครราษฎร์ ที่สร้างตำนานรักฆ่าหั่นศพ เป็นต้น
 
จริงครับผัวเมียทะเลาะกันอาจจะผิดทั้งคู่ แต่ผิดมากผิดน้อย ใครกระทำใครหนักและได้รับโทษยังไง ประเด็นนี้ก็ลืมไม่ได้นะครับ ไม่ใช่สักแต่จะกล่าวเปรียบเทียบแบบภาษาชาวบ้านโดยที่ไม่ลงรายละเอียดให้ตรงประเด็น
 
คุณสมชายหากจะเปรียบเทียบอะไรคราวหน้าคราวหลังก็สมควรระวังให้มากกว่านี้ ให้สมกับวิชาชีพ "นักสิทธิมนุษยชน" ที่คุณเป็นอยู่นะครับ
 
 
 
 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…