Skip to main content


เรียวรุ้งเหนือทุ่งกว้าง
เป็นวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยนำงานที่ชนะการประกวดใน โครงการพัฒนาทักษะด้านการเขียนวรรณกรรมสำหรับเยาวชน มารวมเล่ม


โครงการนี้เกิดจากการร่วมมือของกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ กับบริษัทนานมี บุ๊ค จำกัด โดยได้อัญเชิญวรรณกรรมเยาวชนในพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพเรื่อง แก้วจอมซน และ แก้วจอมแก่น มาจุดประกาย


หนังสือเล่มนี้บรรจุวรรณกรรมเยาวชนในรูปแบบเรื่องสั้นทั้งหมด 30 ชิ้น จาก 30 ผู้เขียน โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามอายุ


เรียวรุ้งเหนือทุ่งกว้าง เป็นชื่อเรื่องสั้นเยาวชนที่ได้รางวัลชนะเลิศในระดับ 14-18 ปี ส่วนในระดับ 9-13 ปี และ 19-25 ปี คือ เรื่อง กว่าจะมาเป็นฝน และ เครื่องบินกระดาษของดอกฝ้าย ตามลำดับ



เรื่องสั้น กว่าจะมาเป็นฝน เขียนโดย “เด็กหญิงปัฐพร ตุกชูแสง” จากจังหวัดกระบี่ เป็นเรื่องราวของสายน้ำที่มีชีวิตจิตใจ สามารถคิดและรู้สึกได้เหมือนมนุษย์ สายน้ำบอกเล่าให้ฟังถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นขณะไหลผ่านไป เช่น ปลาที่กำลังจะตายเพราะน้ำเน่าเสีย ก่อนจะไปบรรจบพบพูดคุยกับสายน้ำสายอื่น ๆ ในมหาสมุทรกว้างแล้วแปรรูปกลายร่างไปเป็นเมฆขาวที่ลอยล่องบนท้องฟ้าหาทางกลับมาเป็นหยาดน้ำอีกหน


งานชิ้นนี้น่าใช้วิธีการเล่าแบบบุคลาธิษฐาน จินตนาการที่สอดใส่ลงไปทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอ่านเทพนิยาย มากไปกว่านั้น ยังแทรกประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไว้พองาม น่าสนใจอย่างยิ่งเมื่อคิดไปว่าผู้แต่งเรื่องนี้คือเด็กที่อยู่ช่วงวัย 9-13 ปีเท่านั้น


บางครั้งฉันลอยผ่านทุ่งนาก็เห็นชาวนาแหงนหน้ามองมาที่ฉันแล้วทำตาละห้อยอย่างน่าสงสาร เขาคงอยากให้ฉันตกลงไปเป็นฝนเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าวของเขา ฉันก็อยากลงไปช่วยเขาเช่นกันแต่ยังไม่ถึงเวลา ฉันจึงทำตาละห้อยตอบเขาแล้วลอยจากมา”


เรียวรุ้งเหนือทุ่งกว้าง เขียนโดย นางสาวปนัดดา ทวีวงศ์ จากจังหวัดจันทบุรี เขียนถึงชีวิตในวัยเรียนชั้นประถมตั้งแต่วันเปิดเรียนเข้า ชั้นประถม 1 จนจบชั้นประถม 6 ผู้เขียนบรรยายโดยใช้ ภาษาราวกับเป็นบทกวี


ความชื้นของเทือกเขา

ถูกพัดพามากับสายลมป่ายามเย็น

เหล่ากระรอกต่างส่งเสียง

เรียกหากันดังสะเทือนอยู่บนต้นเงาะ

ตะวันกำลังลับเหลี่ยมเขา

ความคิดมากมายของผม

เริ่มผุดขึ้นมาในสมอง

เหมือนหนังที่เอามาฉายซ้ำอีก

คิดถึงความสุข ความสนุกสนาน

กับชีวิตในวัยเรียน”


นอกจากนี้แล้วเรื่องเล่าสมัยประถมยังเปี่ยมด้วยอารมณ์ขันที่เกิดจากความไม่ประสีประสาของเด็ก เมื่อเข้าห้องเรียนครั้งแรก ครูประจำชั้นก็ทำการขานชื่อนักเรียน พอถึงรายชื่อของนักเรียนที่ชื่อ “สงกรานต์” กลับไม่มีนักเรียนคนใดขานรับ ครูขานชื่อซ้ำอีกแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ ครูเดินไปที่เด็กนักเรียนคนหนึ่งแล้วถามว่า

เธอชื่ออะไร”

ชื่อหนูแดงครับ” เด็กชายลุกขึ้นตอบ

ใครเป็นคนตั้งชื่อให้เธอ”

แม่คับ แม่บอกว่าตอนที่ผมเกิดใหม่ ๆ ไข่ผมแดงแปร๊ดเลยคับ”

เธอนั่นแหละชื่อสงกรานต์ ไม่ใช่หนูแดง”



เครื่องบินกระดาษของดอกฝ้าย
เขียนโดยนายณัฏฐ์ธร กังวานไกล สมุทรปราการ เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงดอกฝ้าย ที่สนใจอยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์อันได้เชื้อมาจากคุณปู่ที่เป็นนักประดิษฐ์และคุณพ่อที่ซ่อมแซมวิทยุและโทรทัศน์เก่ง


เด็กหญิงดอกฝ้ายซึ่งเกิดในครอบครัวฐานะดีต้องการจะเป็นเพื่อนกับเด็กหญิงฟ้าครามซึ่งมีฐานะยากจนอาศัยอยู่ในสลัม เด็กหญิงดอกฝ้ายใช้เครื่องบินกระดาษในการสื่อสารข้อความถึงกันจนกระทั่งได้เป็นเพื่อนรักกันในที่สุด ความโดดเด่นของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงที่การใช้จินตนาการได้อย่างร่าเริง การใช้ภาษาอาจจะกระโดกเดกอยู่บ้างแต่เกร็ดความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่สอดแทรกไว้ก็ทำให้มีเสน่ห์น่าติดตาม.



บล็อกของ นาลกะ

นาลกะ
เย็นวันหนึ่ง สายรุ้งออกไปเล่นฟุตบอลเหมือนเคย แต่วันนี้แม่ของเขาไม่ไปด้วย เพราะมีเพื่อนของแม่มาหาที่บ้าน สายรุ้งจึงไปกับเด่นสองคน สายรุ้งใส่ชุดกีฬาสีขาวตัวโปรด ใส่รองเท้าสีแดงที่แม่เพิ่งซื้อให้ใหม่ ส่วนเด่นใส่สีแดงทั้งชุด“ใส่ชุดนี้แล้วทำประตูได้ทุกที” เด่นคุย สายรุ้งนำฟุตบอลไปด้วย เขาใส่ไว้ในตะกร้าด้านหน้าของจักรยาน แล้วก็บึ่งไปยังสวนสาธารณะพร้อมเด่นเหมือนเคย มีเพื่อนบางคนรออยู่แล้ว พวกเขากำลังเล่นลิงชิงบอลกันอยู่เป็นการวอร์มร่างกาย จากนั้นก็แบ่งทีมกัน พอแบ่งทีมเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เล่น แต่วันนี้มีเด็กสองคนที่สายรุ้งไม่เคยเห็นมาก่อนมาขอเล่นด้วย“สองคนนี่เพิ่งย้ายมา” เด่นกระซิบ “…
นาลกะ
ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว สายรุ้งใช้เวลาอยู่กับแม่เกือบตลอด มีเพียงที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเด่นหรือไปที่บ้านคุณตาเท่านั้นที่ห่างจากสายตาแม่ คุณตาจะสอนให้เขาปลูกต้นไม้ ให้เขาเห็นความสำคัญของต้นไม้ที่มีต่อชีวิตและต่อสิ่งแวดล้อม“ต้นไม้แทบไม่เหลือแล้ว” คุณตาบ่น “มีแต่หมู่บ้านจัดสรร”,คุณตาชอบบ่นเกี่ยวกับหมู่บ้านจัดสรรอยู่บ่อย ๆ คุณตาบอกว่าหมู่บ้านจัดสรรทำลายสิ่งแวดล้อม แต่สายรุ้งยังไม่เข้าใจว่าหมู่บ้านจัดสรรจะทำลายสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรแม่จะหาโอกาสพาสายรุ้งไปทำกิจกรรมต่างๆ อยู่บ่อยครั้งเพื่อไม่ให้สายรุ้งเบื่อที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน   เย็นวันหนึ่งแม่พาสายรุ้ง เด่นและสุนัขโอเว่นไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ…
นาลกะ
เมื่อมะม่วงต้นใหญ่ที่หน้าบ้านหักโค่นลง คุณปู่ เด่น และสายรุ้งก็จัดการเลื่อยออกเป็นท่อน ขัดอย่างดี แล้วทำเป็นโต๊ะกับม้านั่ง สายรุ้งมักจะชอบนั่งทำการบ้านตรงนั้น สัตว์หลากชนิดที่เลี้ยงไว้ก็จะเข้ามาห้อมล้อมสายรุ้ง โดยเฉพาะเจ้าโอเว่น สุนัขแสนรู้ ที่ชอบกระโดดให้ดูอยู่เสมอแล้วเวลาที่เด่นหรือเพื่อน ๆ มาหาสายรุ้งที่บ้าน โอเว่นก็มักจะอวดการกระโดดสูงให้เพื่อน ๆ ของสายรุ้งชม แต่แล้วก็เกิดเหตุร้ายก็เกิดขึ้นกับโอเว่น จนต้องนอนซมไปหลายวัน คืนหนึ่งมีฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาทั้งคืน ลมก็พัดแรง แล้วพอรุ่งเช้าปรากฏว่ากิ่งไม้หักรานไปหลายกิ่งเพราะแรงลมพัดกระหน่ำ ใบไม้หล่นเกลื่อนกราดเต็มลานหน้าบ้าน…