Skip to main content

ตลาดน้ำเกิดใหม่ใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วอึดใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ผู้คนให้การต้อนรับแบบน้ำใสใจจริง และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์รายรอบที่น่าสนใจ แม้จะเป็นตลาดน้ำเกิดใหม่เมื่อไม่นานแต่ก็ไม่มีการเสริมแต่งอย่างฝืนธรรมชาติ ซ้ำยังโดดเด่นด้วยของกินของใช้และของฝากหลากหลายโดยพ่อค้าแม่ขายคนในท้องถิ่น เปิดขายทุกวันเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เช้าตรู่เรื่อยไปจนแดดร่มลมตก จากนั้นตลาดก็จะวายไปเองตามวิถีทางของมัน

 



ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งริมคลองบางน้ำผึ้ง

 
หากตั้งต้นจากฝั่งกรุงเทพฯ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
จะอยู่ตรงข้ามกับท่าเรือคลองเตย มีเพียงแม่น้ำเจ้าพระยาคั่นกลาง พื้นที่ของตลาดอยู่ริมคลองด้านเหนือของวัดบางน้ำผึ้งใน ซึ่งเป็นพื้นที่ตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ชาวบ้านย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญที่มาตั้งถิ่นฐานกันตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โปรดเกล้าฯให้สร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์
(พระประแดง) และป้อมปราการขึ้นเพื่อป้องกันข้าศึกที่อาจจะเข้ามารุกรานทางทะเล ให้ไพร่พลมอญไปสร้างและอยู่ดูแลป้อม โดยได้ตั้งขุนนางมอญเป็นเจ้าเมืองติดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน กระทั่งเปลี่ยนการปกครองเป็นระบบผู้ว่าราชการจังหวัด ยุบเลิกตำแหน่งเจ้าเมืองมอญไป ตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมาจวบจนปัจจุบันจึงมีชาวมอญตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยากันอย่างคับคั่งทั้งสองฟากแม่น้ำ


ตลาดน้ำแห่งนี้อยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวผืนใหญ่ที่ถือเป็นปอดสำคัญของกรุงเทพฯ จากสภาพการไหลของแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดเคี้ยวในช่วงนี้ เมื่อมองจากมุมสูงจะพบว่ามีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมู มีสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้เคียงในพื้นที่ตำบลบางกระเจ้านั่นคือ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ที่ปรับปรุงจากเรือกสวนไร่นาทิ้งร้างและป่าชายเลน เนื้อที่รวม ๑๑,๘๑๙ ไร่ โอบล้อมด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา และที่สำคัญคุ้งน้ำกระเพาะหมูแห่งนี้ได้อนุรักษ์ให้เป็นพื้นที่สีเขียวตั้งแต่ปี ๒๕๒๐ เป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ให้กับประชาชนในเขตสมุทรปราการและกรุงเทพมหานคร ช่วยกรองฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมหาศาล


สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดมอญต่างๆ ในเขตอำเภอพระประแดง วัดที่แนะนำได้แก่ วัดบางน้ำผึ้งนอก มีจิตรกรรมฝาผนังรูปสาวมอญนุ่งผ้าแหวกที่ได้รับคำชื่นชมจาก น. ณ ปากน้ำ พระสมุทรเจดีย์ (พระเจดีย์กลางน้ำ) ป้อมพระจุลฯ และพิพิธภัณฑ์มอญใต้ทางด่วนวงแหวนอุตสาหกรรม ซึ่งอาคารจัดแสดงสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมมอญประยุกต์สวยแปลกตา สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพิจารณาเห็นว่า พื้นที่สร้างสะพานวงแหวนแห่งนี้ล้วนมาจากการเวนคืนหมู่บ้านมอญ เป็นต้น

 


จิตรกรรมฝาผนังวัดบางน้ำผึ้งนอกภาพสาวมอญนุ่งผ้าถุงแหวกเห็นโคนขา

 


พิพิธภัณฑ์มอญใต้ทางด่วนวงแหวนอุตสาหกรรม (กาญจนาภิเษก)


ทั่วบริเวณพื้นที่ต่อเนื่องเป็นป่าชายเลนและเรือกสวนสลับกับบ้านเรือนผู้คน แม้วันนี้อาจจะดูรกร้างไปบ้าง เพราะชาวบ้านหลายรายเปลี่ยนอาชีพไปกันตามสภาพสังคม ตลอดพื้นที่ยังคงเต็มไปด้วยแมกไม้เขียวครึ้ม บ้านเรือนผู้คนแทรกตัวอยู่เป็นระยะ ต่างอยู่อาศัยกันแบบเรียบง่าย บางหลังอยู่ริมคลองสามารถกางเต็นท์นอนได้ บางหลังเป็นเรือนไทยโบราณอายุกว่า ๑๐๐ ปี ในจำนวนนี้หลายหลังเปิดเป็นโฮมเสตย์ ตอบรับกระแสการท่องเที่ยวแบบอีโก้ทัวร์ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพักได้ตามใจชอบ


ตลาดน้ำแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๗ เป็นการร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้งและชาวบ้านในชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตการเกษตรล้นตลาด ซึ่งนับว่าได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากตลาดน้ำแห่งนี้จะเป็นที่ระบายสินค้าเกษตรแล้วยังสามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี เอกลักษณ์เฉพาะตัวของตลาดน้ำแห่งนี้ คือ ผู้ขายเป็นคนในชุมชน มีการจำกัดจำนวนผู้ขายและสินค้าที่ต้องผลิตขึ้นเอง รายล้อมด้วยวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง น้ำในคลองที่ยังใสสะอาด ชาวบ้านยังใช้เรือสัญจรไปมาเป็นปกติ ขนถ่ายพืชผลทางการเกษตร และค้าขาย เช่น ผลไม้ ขนมสด ก๋วยเตี๋ยว อาหารแปรรูปและของกินส่วนใหญ่ในตลาดเป็นฝีมือของชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ไข่เค็มดินสอพอง ผลิตภัณฑ์จากทะเลอย่างกุ้งแห้ง กะปิ หอยดอง ขนมไทยนานาชนิด เช่น ทองหยอด เม็ดขนุน ฝอยทอง กะละแม ข้าวตู ขนมใส่ไส้ นอกจากนี้ก็มีผลไม้จากสวน ที่ขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่ คือ มะม่วงน้ำดอกไม้


ของใช้และของที่ระลึก ได้แก่ ไม้ดอกไม้ประดับ สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้เกล็ดปลา ธูปปั้นสมุนไพร ภาพประดิษฐ์จากรกมะพร้าว โมบาย ลูกตีนเป็ดประดิษฐ์รูปร่างแปลกตา สินค้าพื้นบ้านมอญ เป็นต้น


ผู้ที่ต้องการนั่งชมบรรยากาศและชิมอาหารอร่อยๆ ริมน้ำก็มีให้เลือกมากมาย เป็นต้นว่า หมี่กรอบ หอยทอด ผัดไทย ห่อหมก ก๋วยเตี๋ยวหมู เย็นตาโฟ บะหมี่ ราดหน้า กระเพาะปลา ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ส่วนขนมจีนก็มีให้เลือกกินได้กับแกงต่างๆ เช่น น้ำพริก น้ำยา แกงเขียวหวาน แกงไตปลา กินแกล้มผักสด พ่อค้าแม่ขายก็มีทั้งที่ลอยเรืออยู่ในคลองและตั้งร้านรวงอยู่บนตลิ่ง อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจก็คือลานใต้ร่มไม้กลางสวน ที่ยังคงสภาพเป็นร่องสวนมะพร้าว มีสะพานทอดเป็นระยะ ม้านั่งวางเป็นจุด มีเวทีการแสดงอยู่กึ่งกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่มากันเป็นหมู่คณะหรือเป็นครอบครัว จะปูเสื่อ เลือกเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ย หรือม้านั่งหินอ่อนก็ตามถนัด ซื้อของมานั่งกินกันไปคุยกันไปอิ่มอร่อยแบบได้บรรยากาศ หากเกิดครึ้มอกครึ้มใจจะขึ้นไปเขย่าลูกคอกับคาราโอเกะบนเวทีสักเพลงสองเพลงก็ไม่มีใครว่า สลับกับชมการแสดงของเยาวชนและคนในชุมชนที่หารายได้พิเศษช่วงวันหยุด ส่วนเด็กเล็กที่ไปด้วยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อ เพราะมีมุมวาดภาพ ฝึกระบายสีตุ๊กตา เพ้นท์เสื้อ และงานฝีมือให้เลือกทำหลากหลาย ทำเสร็จก็ได้งานฝีมือตัวเองกลับบ้านไปอวดเพื่อนด้วย


นอกจากนี้ในบริเวณตลาดน้ำยังมีเรือพายให้บริการ สามารถนั่งเรือลัดเลาะคลองซอยน้อยใหญ่ผ่านป่าชายเลนและสวนผลไม้ตลอด ๒ ฝั่งคลอง จะพายเองหรือให้มีคนพายให้นั่งก็แล้วแต่ตกลงราคากัน รวมทั้งจักรยานให้เช่า ที่นักท่องเที่ยวนิยมปั่นกันเช้าเย็น ส่วนผู้ที่ใช้วิธีเดินเท้าหากเกิดอาการเมื่อยขบจะแวะพักนวดตัวนวดเท้าได้ที่มุมนวดคลายเส้นตรงปากทางเข้าตลาด
 

การเดินทาง สามารถขับรถไปเองถึงที่ ลงทางด่วนที่ถนนสุขสวัสดิ์ขับเรื่อยไปจนถึงสามแยกพระประแดง เลี้ยวซ้ายตรงไปจนเกือบสุดทางในตลาดพระประแดง จะมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ข้างหน้า เลี้ยวซ้ายผ่านวัดทรงธรรมวรวิหารไปประมาณ ๕ กิโลเมตร เมื่อพบป้ายบอกทางเข้าตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณ ๑ กิโลเมตร ก็จะถึงสถานีอนามัยบางน้ำผึ้งซึ่งเป็นที่จอดรถ หากใช้รถประจำทางก็มีประจำทางที่ไปพระประแดงเช่น ปอ.๑๓๘ จากหมอชิตผ่านหน้าตลาดนัดจตุจักร สาย ๘๒ และสาย ๖ จากสนามหลวง เมื่อหมดระยะที่ตลาดพระประแดงแล้ว ต่อรถสองแถวสายบางกอบัวหรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามสะดวก


ตลาดใหม่เอี่ยมแห่งนี้คงต้องรอเวลาอีกกว่า ๙๐ ปี จึงจะมีอายุร้อยปีอย่างตลาดอื่นเขา อย่างไรก็ตาม ตลาดแห่งนี้เกิดขึ้นโดยชุมชนและสนองตอบความต้องการของชุมชนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังผ่านการศึกษาปัญหาของตลาดแห่งอื่นๆ จึงมีมาตรการรองรับปัญหาดังที่เกิดขึ้นในตลาดแห่งอื่น เนื่องจากเกิดขึ้นเร็ว เติบโตเร็ว จึงโรยราเร็ว เพราะไร้การควบคุมและวางแผนที่ดี เหตุเพราะตลาดเก่าแก่หลายต่อหลายแห่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นใหม่โดยหน่วยงานราชการหรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่ได้เกิดจากความต้องการของชุมชน ที่สุดก็ล่มสลายหรือเตลิดเปิดเปิงออกนอกลู่นอกทาง แม้ว่าหลายแห่งจะยังคงอยู่ได้ แต่ก็เน้นการค้าขายทางปริมาณ เต็มไปด้วยสินค้าและบริการที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น จตุจักร โบ๊เบ๊ ปากคลองตลาด เกาะเกร็ด อัมพวา และปาย ซึ่งสินค้าล้วนมาจากแหล่งเดียวกัน มิหนำซ้ำนายทุนยังไปจากส่วนกลาง ไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไร้จิตวิญญาณและตัวตนคนในพื้นที่


ลองแวะไปเยือนตลาดน้ำบางน้ำผึ้งดูสักครั้ง หลายคนอาจจะพบเสน่ห์ของตลาด ผู้คน และสินค้ารูปร่างแปลกตาหลากหลายใต้ร่มมะพร้าว กอจาก โกงกาง กระบูน แสม และลำพู คงมีสักครั้งที่ใครสักคนแอบเผลอใจให้กับมัน

 

 

 

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
ภาสกร  อินทุมาร เหตุการณ์ที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ลงบทความเกี่ยวกับแรงงานต่างชาติที่มหาชัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานที่มาจากประเทศพม่า กล่าวว่าแรงงานเหล่านี้จะเข้ามายึดครองพื้นที่ รวมทั้งคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ห้ามมิให้แรงงานเหล่านี้จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม เพราะเกรงว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติสิ่งที่สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ซึ่งอ้างว่า “รักชาติ” แต่เป็นการรักชาติแบบ “มองไม่เห็นความเป็นมนุษย์” และได้ส่งผลสะเทือนอย่างกว้างขวางต่อความรู้สึกนึกคิดของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนไทยเชื้อสายมอญในมหาชัย…
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิด (นัด)ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีวันสำคัญวันหนึ่งของคนมอญไม่ว่าจะอยู่ไหนทั้งในประเทศไทย พม่า และต่างประเทศก็จะรวมตัวร่วมใจในการจัดงานสำคัญนี้ นั่นก็คือ “วันชาติมอญ” และในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ นี้  วันชาติมอญก็จะเวียนมาบรรจบครบรอบเป็นครั้งที่ ๖๑ ถึงแม้ว่าวันชาติมอญถือกำเนิดเกิดขึ้นในกลุ่มคนมอญเมืองมอญ (ประเทศพม่า) ก็ตาม จะด้วยเป้าหมายทางการเมือง หรือ อุดมการณ์ชาตินิยมมอญ มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า “วันชาติมอญ” ได้สะท้อนความรู้สึกและสำนึกถึงรากเหง้าและจุดกำเนิด  ซึ่งก็ไม่ต่างจากผู้คนเชื้อชาติอื่น ภาษาอื่นที่พึงจะพูดถึงที่ไปที่มาของตนเอง  ยิ่งไปกว่านั้น “วันชาติมอญ”…