Skip to main content


หรือโรฮิงยาไม่ใช่คน
...” เป็นคำถามที่เจ็บปวดของชาวโรฮิงญาในไทยเอ่ยออกมาให้สื่อรับรู้ หลังจากพี่น้องของเขาต้องตากแดดลมฝนในเรือไม้ อาศัยลำเรือและคลื่นลมว่าจะพัดไปทางใด ชีวิตพวกเขาหนีมาจากรัฐอาระกันหนีจากความลำบาก อดอยากและถูกกลั่นแกล้งจากรัฐบาลทหารพม่ามาสารพัด ล่าสุด,กลสุลพม่าในฮ่องกง ได้แสดงความกักฬขะออกมาอย่างหน้าชื่นตาบานว่า“โรฮิงญาไม่ใช่คนพม่า คนเหล่านี้น่าเกลียดเหมือน ผีปอบ”


เรือไม้ ความจำนรรจ์ ดอกฝันโรฮิงยา’ ของ ‘วลัญชัย ทูนเปลว’ จึงถ่ายทอดออกมาเป็นบทกวีสะท้อนความรู้สึกเหล่านั้นออกมา ให้ชวนคิดต่อว่า ในท้ายสุด ชีวิตของโรฮิงญาจะล่องลอยไปสู่หนใด!?

 

ภาพ : www.marine.police.go.th


1.


ลอยมากับคลื่นลมโถมถะถั่ง

มุ่งสู่ฝั่งศิวิไลซ์ในความฝัน

เรือไม้-ไร้เครื่องยนต์ บนอันดามัน

หลายสิบร้อยความจำนรรจ์อดกลั้นมา


ผ่านเปลวแดดไหวระยิบกระพริบน้ำ

แผดเผาตามแผ่นหลังแขนขา

เรือไม้-ไร้เครื่องยนต์ ไร้หลังคา

เปลวฟ้าก็ไหม้ให้ซ้ำเติม


ผ่านปรอยฝน ผ่านลมหนาว-

ฟ้าหว่านดาวทุ่งฟ้าก็ค่อยเพิ่ม

แสงขาวสกาวฝันมาพลันเติม

เรือไม้เริ่มผ่านพ้นอนธการ


ขอบฝั่งเรืองอยู่ทิศตะวันออก

ใต้กลีบดอก 'ตะวัน' ที่ผันผ่าน

ลมทะเลเห่เรือมาหลายกาล

ก็เกยด้านหาดทราย ณ สาย นั้น


กรูกันลงเรือไม้คล้ายเป็นไท

คุกเข่าให้แผ่นดินถิ่นความฝัน

เดินสู่ความแปลกใหม่-ปัจจุบัน

ก้าวห่างจากอันดามัน-ดอกฝันแย้ม...



ภาพ : กรพ.

 

2.


แย้มอยู่ตามไซด์งานก่อฉาบโบก

เหงื่อโชกโทรมกายคล้ายแต่งแต้ม

จึงเห็นเพ็ญจันทร์-นั่นจันทร์แรม

ดาวก็มิได้แซม-แต่แรมร้าง


บางคำถามมิอยากให้ใครมาถาม

เพราะไม่มีนิยามมาเอ่ยอ้าง

ไม่มีแม้นผืนดินเป็นถิ่นทาง

แผนที่กางก็ไร้ในโลกา


เป็นมนุษย์เสมือน-มิใช่มนุษย์

อยู่ในจุดด่างดำที่คร่ำคร่า

ในอกข้างซ้ายเสมอมา

หรือ 'โรฮิงยา' มิใช่คน


เป็นเพียงละอองลอยละล่อง

ที่มิอาจปกป้องตัว-จากฝน

กระทบมากเข้าก็จำนน

ลอยคออยู่บนทะเลใจ


 ภาพ : AP Photo/Taufik Kurahman


3.


ความชั่วร้ายทั้งหมดนั้น...

ภาพคืนและวันที่โหยไห้

ข่าวการปล้นสะดมทุกที่ไป

เป็นความจริงแค่ไหน-ใครบ้างรู้?


ทุกวันนี้มีอะไรที่ใสชัด?

ไม่เติมปัดแต่งแต้มให้สวยหรู

ในเนื้อข่าวควรพิศพินิจดู

จากปากกาศัตรูหรืออื่นใด?


เพราะ 'โรฮิงยา' ไร้กระบอกเสียง

แม้เพียงสักหนึ่ง-พึ่งใครได้

ควรจะเป็น 'ผู้เสียหาย' หรืออื่นใด

แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเช่น 'จำเลย'


4.


เรือฝัน 'โรฮิงยา' เกยท่าเก่า

อับเฉาเงาชื้นระเหิดระเหย

ไม้ผุแล้วหนอเจ้าเรือเอย

คงจะเกยมานานผ่านคืนวัน


ผ่านปรอยฝน ผ่านลมหนาว

ฟ้าหว่านดาว 'โรฮิงยา' โปรยหว่านฝัน

ว่าจะงอกเงยแล้ว-ปัจจุบัน

กลับจมใต้อันดามัน-ดอกฝันโรย...



แด่...ชาวโรฮิงยาทุกคน

วลัญชัย ทูนเปลว




บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
เสียง อิ่มอดอ่อนล้า             โรยแรง ลือ    เล่าความจำแฝง          เหลื่อมเร้น เสียง ลือเล่าตายแหง           เสร็จส่ง เรื่องฤๅ เล่า   เจื่อนเก้อหน้าเฟ้น        เก่าพร้อมใหม่หยิม ฯลฯ
กวีประชาไท
  แล้วดอกจานบ้านนาก็ร่วงหล่น           จากแล้งฝนผ่านพ้นสู่เหน็บหนาว แสงตะเกียงดวงน้อยก็ดับยาว            สายลมหนาวพาความเศร้ายังบ้านนา
กวีประชาไท
สิ้นเดือนเดินทางมาพร้อมกับว่างเปล่า
กวีประชาไท
ยุคเยื้องกรายย่ำเท้า หนาวลึก สารสื่อเร่งรู้สึก ท่ารู้ ความเป็นอยู่ด้านนึก ตกดิ่ง แล้วฤๅ เรียกว่าต่างกลุ่มกู้ ชาติเชื้อชนผอง ฯลฯ
กวีประชาไท
  โบยตีฉันเถิดความทรงจำ บัดนี้, ฉันยอมจำนนต่อทุกสิ่งแล้ว ต่อวิญญาณอันพ่ายพังกับความฝันในเวิ้งแล้ง ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าในดินทราย
กวีประชาไท
มาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าคนเคยรัก มาไถ่ถามว่าเหนื่อยหนักและท้อไหม กับชีวิตกับเรื่องราวความเป็นไป เหล้าจอกนี้รินให้เพื่อนดื่มกิน
กวีประชาไท
หนึ่งหยดพรสวัสดิ์นี้          สุขสรรค์ หยดเผื่อไว้เอื้อปัน            ตื่นย้ำ โดยลุคลื่นคลี่นครร-         ลองคลื่น ที่นี่ที่อื่นล้ำ                     หยั่งปลื้มปรีดิ์ถึง ฯลฯ 
กวีประชาไท
คนตายก็ตายไป คนอยู่ก็อยู่ไป ชีวิตหนึ่ง..ก่อนสู่เชิงตะกอน  
กวีประชาไท
    อรุณรุ่งแห่งการต่อสู้ฉายฉานแจ่มชัด ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของประชาชนก็คือแนวทางประชาชน ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของเผด็จการก็คือแนวทางของเผด็จการ
กวีประชาไท
    จึงใฝ่ฝันถึงวันที่สวยงาม               หลังโมงยามทะเลคลั่งฟ้าสดใส ชุบชีวิตฟื้นตื่นจากเดียวดาย          ปลุกดวงดาวพร่างพรายกลับคืนมา
กวีประชาไท
หากไทยไม่รู้จัก              รากฐานชาติย่อมย่อยแหลกราน    ทุกครั้งคนทุกส่วนอาจหาญ         โหมหักปลุกคลั่งไคล้เผลอพลั้ง    พ่ายเพ้อนิรันดร ฯลฯ