Skip to main content

ฉันห่างกรุงเทพฯ มานานจริงๆ นานจนไปไหนไม่ถูก ก่อนฟ้าสางรถทัวร์จอดตรงหัวมุมถนน ฉันเดินตรงเข้าไปทางถนนข้าวสารตามพื้นถนนแฉะ หาที่นั่งรอหลานมารับแต่ก็หาไม่ได้ พื้นแฉะ ๆ ผู้คนกำลังล้างพื้นกันอยู่ จึงตัดสินใจ เดินออกจากถนนข้าวสารมุ่งตรงไปทางกองฉลากกินแบ่งรัฐบาล มีคนจรนอนห่มผ้าเก่า ๆ อยู่มากมาย ตามทางเดิน

 

 

เมื่อมีเหตุการณ์ไม่สงบ  กองฉลากกินแบ่งรัฐบาลกับกรมประชาสัมพันธ์จะต้องถูกเผาเสมอ นับตั้งแต่สิบสี่ตุลาคม ไปจนถึงพฤษภาทมิฬ ฉันทันอยู่ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬนั้นด้วย

พบแล้วตลาด  ดีใจจริง ๆ จะได้กินอะไรสักหน่อย ฉันคิดถึงข้าวเหนียวเนื้อทอดร้อน ๆ อ้าว
...ไม่ใช่ นี้มันตลาดขายความหวัง มีร้านค้าแผงลอยมากมาย มองเผิน ๆ เหมือนตลาด แต่เดินเข้าไปดูใกล้พบว่า เขาไม่ได้ขายผักขายปลา ขายอาหารต้มสุก แต่ขายล็อตเตอรี่ ไม่น่าเชื่อว่า แผงขายล็อตเตอรี่จะมากขนาดนี้ ดูน่าตื่นตาตื่นใจ 

ขายความหวัง พวกเขาขายความหวัง” เพื่อนเคยเล่าว่า ที่หมู่บ้านที่เธออยู่มีคนถูกรางวัลที่หนึ่งคนหนึ่ง คนเดียวเท่านั้น 

เมื่อถูกรางวัลที่หนึ่งแล้วชีวิตก็เปลี่ยนไปทันที เธอสร้างบ้านหลังใหญ่ และมีปัญหากับเพื่อนบ้านทันทีเพราะเธอถมดินสูงกว่าบ้านคนอื่นมาก เธอมีปัญหากับญาติที่เดินทางมาขอความช่วยเหลือ ญาติ ๆ ก็ทะเลาะกันเพราะต่างหาว่าอีกฝ่ายได้มากกว่ากันทั่งที่ตัวเองเคยช่วยเหลือเธอมาก่อน ลูกและสามีก็อยากได้รถคนละคัน ครอบครัวซึ่งเคยสงบสุขกลับเหมือนมีศึกสงครามภายใน เธอพูดออกมาว่า “ฉันไม่อยากถูกรางวัลแล้ว” เธอถึงขั้นหนีออกไปอยู่สำนักปฏิบัติธรรมรอให้เหตุการณ์สงบ 

คิดได้ดังนี้ฉันจึงเดินผ่านตลาดหวยรัฐบาลไป

 

 

 

ฉันพยายามหาที่นั่งให้ได้สักแห่งหนึ่ง ซอยแคบ ๆ กำลังตั้งร้านขายอาหาร พื้นแฉะ ๆ แบบเพิ่งล้างใหม่ ๆ หรือช่วงนี้กรุงเทพฯ กำลังล้างพื้นกัน มีร้านหนึ่งที่พร้อมขายนั่นคือร้านข้าวมันไก่ทอด ข้าวหน้าเป็ด ฉันเลือกกินข้าวมันไก่ทอดเพื่อหาที่นั่งมากกว่าหิว ชีวิตในกรุงเทพฯต้องซื้อที่นั่ง 

ข้าวมันไก่ทอดราคายี่สิบห้าบาท เค็มไปนิดหนึ่งสำหรับคนเป็นความดันสูง  และอร่อยแบบไก่คลุกผงปรุงแต่งอาหาร  แบบที่คุ้นเคยแต่ไม่กินนานแล้ว อย่างไรฉันก็กินจนหมดจาน

เอากระเป๋าวางก่อนก็ได้แบกไว้หนัก” นี่เป็นคำพูดแรกที่รู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก เหมือนเดินมาร้อน ๆ แล้วได้ดื่มน้ำอึกหนึ่ง

 

 

 

นั่งรอไปเรื่อยๆ ชักเกรงใจเจ้าของร้านจึงจ่ายเงินและเดินไปหาที่นั่งรอใหม่ป้ายรถเมล์มีคนหนาตา บนถนนรถราเต็ม “ถนนนี้ชื่อราชดำเนิน” ในช่วงพฤษภาปี38 ขับไล่เผด็จการ พล..สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง 

ครั้งนั้น มีผู้คนมากมาย นั่งๆ นอนๆ กันแถวนี้หลายวัน เลยไปอีกนิดโรงแรมรัตนโกสินทร์ มีคนเจ็บคนตาย มีหมอพยาบาล เด็กหนุ่มขึ้นไปยืนโปกธงอยู่บนรถ พวกเขาไม่ยอมลงมาแม้หมอจะประกาศว่าให้ลงมาแล้วกลับบ้านกันเถอะ คืนนี้เขาปราบแน่ แต่พวกเขาไม่ลงมา ฉันเห็นภาพพวกเขาเป็นเรื่องเหนือจริง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตแบบพิเศษ ทั้งแสงไฟ ควันไฟ และแสงจากดวงอาทิตย์ที่แดงฉานก่อนจะลับขอบฟ้า 

ฉันกลับออกไปจากที่นั่น ฉันไม่สู้เหมือนพวกเขา ฉันคิดว่าไม่มีประโยชน์ใด ๆ ที่จะตาย พวกสิบสี่ตุลาได้ตายมาก่อนแล้ว 

เช้าวันต่อมา  ฉันกลับมาที่ถนนสายเดิม ทุกอย่างหมดสิ้นจริงๆ  มีคราบเลือดติดต้นไม้  บนถนนราชดำเนินไม่มีรถ  ดูวังเวงน่ากลัว ฉันบอกเพื่อนที่ไปด้วยว่า อยากให้รถติดบนถนนจัง เราเดินไปที่ธรรมศาสตร์ เข้าไปนั่งบนขอบฟุตบาทที่หอประชุมเล็ก ไม่รู้นั่งทำไม รู้แต่ว่านั่งให้มันเศร้าใจ

นี่คือ เรื่องราวบนถนนราชดำเนินที่ฉันจำได้ชัดเจน ความตายของประชาชน

วันนี้ ฉันเดินทางมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ บอกใคร ๆ ว่ามาพักผ่อนท่องเที่ยว ในวงเล็บว่า
(มาตามหมายยึดทรัพย์ ของธนาคาร ครั้งก่อนฟองสบู่แตก ฉันเป็นคนมีเงินเลยซื้อคอนโดฯ ไว้ห้องหนึ่งกำลังจะถูกยึด)

การมาท่องเที่ยวกรุงเทพฯของฉันเริ่มขึ้นตรงนี้

ฉันเป็นหญิงสูงวัย ที่อายุเกือบจะห้าสิบปี ออกจากเมืองนี้ไปเมื่ออายุสามสิบเจ็ดปี  หญิงสูงวัยที่คงดูแปลกๆ ในสายตาของผู้อื่นซึ่งฉันก็รู้ดี วันก่อนพี่สะใภ้ทักว่า แบกเป้ตั้งแต่เป็นสาวจนมาถึงวันนี้ก็ยังแบกเป้อยู่ 

ฉันเริ่มหาที่นั่งอีกครั้ง มีร้าน
7-11 ร้านพวกนี้อุ่นใจจริง ๆ ที่ไหนก็มี น้องคนหนึ่งบอกว่าเพิ่งไปเปิดสาขาที่สังขละบุรี ข้างหน้ามีบ่อปลูกต้นไม้ ที่มีขอบพอนั่งได้ และมีเก้าอี้ปูนยาว ๆ แต่มีคนจรมากมายยึดครอง พวกเขาเพิ่งตื่นนอนและกำลังจัดการกับข้าวของตัวเองอยู่

ฉันยังคงหาที่ว่างพอจะนั่งได้ต่อไป
 

 

 

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…