Skip to main content


 

 

อย่าเชื่อว่าผู้คนต้องการความร่ำรวยมากกว่าอย่ในบ้านของตัวเองอย่างเป็นสุข
แต่ขออภัยก่อนฉันมัวแต่ปลูกต้นไม้

หน้าบ้านของฉันเป็นผืนดินที่มีต้นไม้หนาแน่น เมื่อที่ดินถูกเปลี่ยนมือเป็นของธนาคารกสิกรไทย มันถูกไถจนหมดสิ้นภายในวันเดียว ฉันจึงเริ่มปลูกต้นไม้ใหม่เป็นรั้วแทนกำแพงบ้านอีกชั้นหนึ่ง เพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้คลายร้อนได้บ้าง

ต่อกรณีต้นไม้ถูกตัด หลานสาวมีความเห็นว่า  ปัญหาอยู่ที่การถือครองที่ดินของคนเรา การเกิดขึ้น และเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาของโลกที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นมันคนละเรื่อง การที่คนตัดต้นไม้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่การเปลี่ยนแปลงเพราะระบบกรรมสิทธิอย่างกรณีนี้นั้นต่างกัน ซึ่งเราต้องมาวิพากษ์กันดูว่าระบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร การเกิดขึ้นนั้นเป็นธรรม (ธรรมะ) ด้วยหรือไม่ หรือว่า จริงๆ เกิดขึ้นจากระบบอะไร ความสัมพันธ์ทางชนชั้นที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการอยู่ท่ามกลางโลกของทุนนิยม

เมื่อเราวิพากษ์นั้นก็จะเกิดปัญญา คือการใคร่ครวญเพื่อแก้ปัญหาที่ถูกต้อง การแก้ปัญหานั้นบางครั้งมันต้องต่อสู้ การต่อสู้ในเรื่องการจัดการกับต้นไม้ ป่า ที่สาธารณะจึงเกิดขึ้น
           
วันนี้ฉันต้องเขียนเรื่อง นักเขียนเปลี่ยนประเทศไทย
ฉันขอเอาข้อเสนอของหลานสาวมานำเสนอ เรื่องปัญหาที่ดิน และการทำลายฐานทรัพยากรธรรมชาติ

นี่เป็นเรื่องที่ฉันอยากนำเสนอต่อรัฐบาล เรื่องการถือครองที่ดินและภาษีที่ดิน สำหรับคนที่มีที่ดินครอบครองเป็นหลายร้อยไร่ถึงสองพันไร่ ครอบครัวหนึ่งไม่ควรถือครองที่ดินมากอย่างนี้

น่าจะมีกฎหมายห้ามถือครองที่ดินเกินสองร้อยไร่ เพื่อกระจายที่ดินสู่คนที่ไม่มีที่อยู่ที่กิน นักการเมืองมีที่ดินครอบครองสูงมากบางคนมีถึงสองพันไร่

ฉันคิดว่าก่อนอื่น รัฐบาลจะต้องยอมรับก่อนว่า ประชาชนมีปัญหาในชีวิตจริง ปัญหานั้นเกิดจากนโยบายของรัฐบาล หากยอมรับว่า ปัญหาอยู่ที่โครงสร้าง อยู่ที่นโยบายของรัฐบาล ประเทศไทยก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย นอกจากเปลี่ยนนโยบายของรัฐ เพราะนโยบายของรัฐสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านจริง ๆ  
            
โดยเฉพาะนโยบายการพัฒนาประเทศที่ไปทำลายฐานทรัพยากรธรรมชาติ ฉันอยากยกตัวอย่างที่ชัดเจน เรื่องแผนพัฒนาภาคใต้ การสร้างฐานปฎิบัติการขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย ตั้งแต่นครศรีธรรมราช สมุย สตูล รัฐบาลจะต้องเชื่อมั่นว่า ประเทศเราจะรอดโดยไม่ต้องขายทรัพยากรธรรมชาติ เราจะรอดจากการหาปลาในทะเล ปลูกข้าว ปลูกผักบนผืนดิน
 
ประเทศเราจะรอดด้วยเศรษฐกิจพอเพียงนั่นแหละ  
จงเชื่อเถอะว่าประชาชนเดือดร้อนจริง ๆ

 

 

นี่คือข้อความที่ฉันพบในเฟสบุ๊ค สื่อที่ประชาชนใช้กันอย่างเสรี เขาเขียนว่า
รัฐบาลนี้ ประชาชนพูดไม่ยอมรับฟังเลยเรื่องแผนพัฒนาภาคใต้ (ทำลายภาคใต้ทั้งภาค) ด้วยอุตสาหกรรมสกปรก โรงไฟฟ้าถ่านหิน นิวเคลียร์ โรงถลุงเหล็ก ขุดเจาะน้ำมัน เขื่อน ท่าเรืออุตสาหกรรม ท่อส่งน้ำมัน ในเมื่อไม่ฟังกันเช่นนี้ ก็ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนเล็กคนน้อยจะสำแดงพลังบ้างแล้ว เจอกันแน่นอน แล้วอย่ามากล่าวหาว่าประชาชนไม่มีเหตุผล
 
เราไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีภาคใต้เท่านั้น ที่อื่น ๆ ก็เหมือนกัน การให้สัมปทานเหมืองแร่ทองคำที่พิจิตร พิษณุโลก หรือกรณีนิคมอุตสาหกรรมในที่ต่าง ๆ  ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนทั้งนั้น
 
หยุดขายทรัพยากรเถอะ แล้วหันมาดูว่า เราไม่มีพลังงานสำรองจริงหรือ เราจะใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างประหยัดได้อย่างไร
 
เราเชื่อว่า หากรัฐบาลดันทุรังทำร้ายประชาชน เราได้เปลี่ยนประเทศไทยแน่ ๆ แต่เปลี่ยนเป็นเลวร้ายกว่าเดิม และเราจะแก้ปัญหาไม่ได้เลย เพราะนโยบายของรัฐสร้างความขมขื่นให้ประชาชนจริง ๆ
 
รัฐประกาศออกมาเลยว่าต่อไปนี้ จะทบทวนนโยบายที่ทำลายฐานทรัพยากรทุกแห่ง หยุดให้ทำงานชั่วคราว รัฐยอมจ่ายค่าปรับให้กับบริษัทข้ามชาติที่ได้สัมปทานหยุดทบทวนอย่างจริงจังและจริงใจ อีกทั้งยอมให้ประชาชนตรวจสอบการทำงานของรัฐอย่างจริงจัง เพราะรัฐบาลคือคนที่ทำงานให้ประชาชน ดังนั้นต้องยอมให้ถูกตรวจสอบอย่างจริงจัง รัฐบาลไหนๆ ก็เหมือนกัน
 
เพราะนี้คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ เพราะเราเป็นนักเขียนที่เป็นประชาชนจริง ๆ และเราไม่ได้รังเกียจความยากจน เราไม่ได้แสวงหาความร่ำรวยตลอดชีวิต แต่เราอยากเห็นผู้คนและตัวของเราเองได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างมีความสุข 

หมายเหตุ                 
เมื่อถูกขอให้เขียน “นักเขียนเปลี่ยนประเทศไทย” ฉันคิดอยู่สองนาทีก่อน โทร.ไปคุยกับเพื่อนรุ่นน้องที่เขียนหนังสือ เธอตอบว่า หนูไม่เชื่อ เมื่อไม่เชื่อก็เขียนไมได้ ไม่เชื่อการปฏิรูป ฉันกลับมาคิดอีกครู่หนึ่งจึงลงมือเขียนแต่มิใช่เพราะฉันเชื่อหรือไม่เชื่อแต่ฉันต้องเขียน...
     

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…