Skip to main content

ทั้ง ๆ ที่ประเทศเรากำลังประสบกับวิกฤติหลายด้าน ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง วิกฤติเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นต้น แต่สื่อกระแสหลักก็ให้ความสำคัญกับข่าวความขัดแย้งในการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมทั้งความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลโดยไม่มีอะไรใหม่สร้างสรรค์ให้กับสังคม


จริงอยู่ เรื่องความขัดแย้งดังกล่าวก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ประเด็นอื่น ๆ ก็สำคัญที่สื่อต้อง “ทำความจริงให้ปรากฏ” ต่อสังคมนี้ด้วย มิเช่นนั้นสื่อก็จะถูกทำให้หลงลืมประเด็นอื่น ๆ ที่สำคัญของประเทศไปด้วย เช่น


การที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตระบายน้ำจากเขื่อนเดียวเพื่อทดแทนกำลังการผลิตจากก๊าซธรรมชาติที่อ้างว่ามีปัญหาประมาณ ๑ ใน ๓ ของกำลังการผลิตทั้งประเทศนั้นเป็นไปได้จริงหรือ และถ้าเป็นไปได้จริงแล้ว ทำไมเราต้องมีเขื่อนผลิตไฟฟ้ามากมายหลายสิบเขื่อน


นอกจากนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตหรือพ่อค้าก๊าซ (ปตท.หรือบริษัทขุดเจาะ) รวมทั้งเรื่องที่ถ้าเราใช้ก๊าซไม่ครบตามสัญญาที่ได้ทำไว้ เราก็ต้องเสียค่า “ไม่ซื้อก็ต้องจ่าย” แล้วในคราวนี้เป็นกรณีนี้ผู้ขุดเจาะก๊าซในทะเลจะต้องจ่ายค่า “ส่งไม่ได้ตามสัญญา” หรือไม่


ใครทราบบ้างครับ
ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ทำไมสื่อกระแสหลักจึงคิดคำถามเหล่านี้ไม่ออกกันเลย


ในเรื่องค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผมเองได้เขียนบทความและบรรยายหลายครั้ง (สื่อหลายสำนักก็ฟังอยู่) ว่า ในช่วง ๑๕ ปีมานี้ (๒๕๓๖ ถึง ๒๕๕๑) ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากประมาณร้อยละ ๑๐ เป็นร้อยละ ๒๐ ของจีดีพี ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการพัฒนาประเทศกันเลยแล้ว ในอีก ๑๕ ปีข้างหน้าค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าใด เราจะเอาเงินที่ไหนไปใช้จ่ายด้านการศึกษา การพัฒนาอื่น ๆ


ทำไมสื่อกระแสหลักจึงไม่ให้ให้ข้อมูลกับสังคมและสร้างกระแสสังคมให้มาร่วมกันขบคิดเพื่อปรับเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาประเทศ


หรือในประเด็นที่ทางกรรมาธิการต้านการคอร์รัปชันและเสริมสร้างธรรมาภิบาลของวุฒิสภา ได้ตั้งข้อสงสัยในเรื่องการประเมินราคาท่อก๊าซที่ไม่ชอบมาพากล รวมทั้งการกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปสูงกว่าประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น


โปรดอย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กเพราะส่วนต่างไม่กี่สตางค์ต่อลิตร แต่พี่ไทยเราบริโภคน้ำมันปีละกว่าสี่หมื่นล้านลิตรนะครับ แค่ค่าขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ (แต่ไม่ได้มีการขนส่งจริง เพราะน้ำมันดิบส่วนหนึ่งขุดได้ในบ้านเราเอง) ก็ปาเข้าไปปีละเกือบ ๓ พันล้านบาทแล้ว


ท่านผู้อ่านอาจคิดว่า เรื่องที่ผมเล่ามาแล้ว ไม่เห็นจะตรงกับชื่อบทความที่ตั้งไว้เลย

ก็เป็นความจริงครับ แต่ก็เพราะสื่อกระแสหลักไม่ได้สนใจเรื่องที่ผมได้กล่าวมาแล้ว เรื่องสำคัญ ๆ ที่เป็นทางออกจากวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศเราจึงไม่ปรากฏต่อสาธารณะด้วย


เพื่อให้เราได้เห็นภาพของการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นทางออกจากวิกฤติพลังงานของเพื่อนร่วมโลก (และเป็นทางออกของประเทศไทยด้วย) ผมขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการสร้างกังหันลมในทะเลของประเทศเยอรมนีมานำเสนอบ้าง


ข่าวนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง ยังไม่สายกับข่าวที่ดี ๆ อย่างนี้

ฯพณฯ Sigmar Gabriel รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของสหพันธรัฐเยอรมนี (๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๒) ได้เปิดแถลงข่าวที่บริเวณก่อสร้างกังหันลม ในทะเลเหนือที่มีน้ำลึกถึง 30 เมตรโดยอยู่ห่างออกไปจากชายฝั่งเป็นระยะทางถึง ๔๕ กิโลเมตร
 


กังหันลมชุดนี้ประกอบด้วย ๑๒ ตัว ขณะนี้เสร็จและสามารถจ่ายกระแสไฟเข้าระบบแล้วจำนวน ๕ ตัว การก่อสร้างได้เริ่มขึ้นเมื่อกลางเดือนเมษายนปีนี้ โดยจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมปีนี้ แต่ละตัวมีกำลังการผลิต ๕ เมกะวัตต์
(ผมเข้าใจว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมี) คาดว่าไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดปีละ ๒๒๐ ล้านหน่วย (ประมาณ ๐.๑๖% ของที่คนไทยใช้ทั้งประเทศ) ซึ่งจะเพียงพอสำหรับชาวเยอรมนี ๕ หมื่นครัวเรือนหรือ ๑ แสน ๕ หมื่นคน


ค่าก่อสร้างทั้งโครงการคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๑๒,๕๐๐ ล้านบาท เส้นผ่าศูนย์กลางของใบพัดประมาณ ๑๑๖ เมตร น้ำหนักไม่รวมเสาตัวละ ๓๐๐ ตันกังหันจะเริ่มทำงานเมื่อลมมีความเร็ว ๓.๕ เมตรต่อวินาที และจะหยุดทำงานเมื่อความเร็วลมเกิน ๒๕ เมตรต่อวินาที


ข้อมูลความเร็วลมแถบชายฝั่งของประเทศไทยประมาณ ๕ เมตรต่อวินาที ซึ่งในทะเลความเร็วลมจะแรงกว่าชายฝั่ง

 




ข้อดีของการก่อสร้างกันหันลม คือใช้เวลาไม่นาน
(๗ เดือนจากเมษายนถึงตุลาคม) ต่างจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติซึ่งต้องใช้เวลานานถึง ๕-๖ ปี


ดีไม่ดี พอสร้างเสร็จเศรษฐกิจทรุด ส่งผลให้กำลังการผลิตเหลือถึง ๕๐% ในช่วงปี ๒๕๔๐ เป็นต้น


ปัจจุบันเยอรมนีผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมคิดเป็นประมาณ ๑๔% ของที่ใช้ทั้งประเทศ โดยเพิ่มขึ้นจากสองปีก่อนถึงเกือบ ๓%


ปัจจุบันพื้นที่บนบกของเยอรมนีไม่ค่อยจะเหลือให้สร้างกังหันลมได้อีกแล้ว จึงมีการส่งเสริมให้ไปสร้างในทะเล ทั้ง ๆ ที่การก่อสร้างจะแพงกว่าปกติ


แต่เขาก็สามารถทำได้โดยใช้กฎหมายฉบับหนึ่งที่เรียกว่า Feed in Law เนื้อหาสาระของกฎหมายฉบับนี้มีว่า ทุกคนที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน(ที่ไม่เป็นพิษ) ได้ หน่วยงานกลางที่จัดการไฟฟ้าต้องรับซื้อเพื่อนำเข้าสายส่งไปขายต่อให้ผู้บริโภค โดยมีสัญญารับซื้อประมาณ ๒๐ ปี ในช่วง ๕ ปีแรกให้ซื้อในราคาแพงหน่อย (เพื่อให้ได้ทุนคืนเร็ว ๆ) ทีใดที่มีการลงทุนสูง เช่น ในทะเล ก็ให้รับซื้อในราคาแพงหน่อย ที่ใดลมดีมากก็รับซื้อถูกลงหน่อย


เมื่อกลางปีที่แล้ว ได้มีการปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้ให้ดีขึ้น เช่น ฟาร์มใดใช้เทคโนโลยีไม่ทันสมัย ให้รื้อทิ้งเพื่อสร้างใหม่ แล้วจะรับซื้อไฟฟ้าในราคาที่แพงกว่าเดิม


โดยสรุปเขาออกกฎหมายเพื่อให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสามารถแข่งขันได้กับถ่านหินที่ปล่อยมลพิษมาทำลายชุมชน ทำให้โลกร้อน


ต่างจากการบวกค่าไฟฟ้าเพิ่มเพียงอย่างเดียวในบ้านเราที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานมากเลยครับ

เรื่องแบบนี้ ถ้ามันเกิดขึ้นในบ้านเราสัก ๑๕% ของปริมาณไฟฟ้าที่คนไทยใช้จะเกิดอะไรขึ้น


คนไทยใช้ไฟฟ้าปีละ ๔ แสนล้านบาท ถ้าลดการใช้ก๊าซธรรมชาติ(ที่ผูกขาด) แล้วหันมาใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น ลม ชีวมวล ขี้หมู) สัก ๑๕% คิดเป็นเงินกระจายตัวปีละ ๖ หมื่นล้านบาท


สังคมนี้จะน่าอยู่ขึ้น จะมีการจ้างงานนับแสนตำแหน่ง มลพิษจะลดลงเยอะ
ทำไมสื่อกระแสหลักไม่เล่นเรื่องนี้บ้าง
?

 

บล็อกของ ประสาท มีแต้ม

ประสาท มีแต้ม
เราเคยสงสัยและตั้งคำถามเสมอมาว่า ทำไมราคาน้ำมันสำเร็จรูป (รวมทั้งราคายางพารา) ในภูมิภาคเอเซียจึงถูกกำหนดจากประเทศสิงคโปร์
ประสาท มีแต้ม
ตลอดช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันที่ปั๊มในบ้านเราได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ราคาน้ำมันดิบจะสูงถึง 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยที่ราคาเมื่อต้นเดือนมิถุนายนได้ขยับจาก 62 ถึง 68 ภายในเวลาเจ็ดวันเท่านั้น
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ หนึ่ง ให้เห็นตัวเลขค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของคนไทยโดยเฉลี่ยซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรายได้ และหากแผนผลิตไฟฟ้าดังกล่าวมีปัญหาแล้วจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างไร สอง เพื่อเล่าถึงการจัดทำแผนผลิตไฟฟ้าที่ผูกขาดโดย "กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ" จำนวนน้อยตลอดมาและจะชี้ให้เห็นถึงบางสิ่งที่ผมคิดว่า "น่าจะไม่ถูกต้อง" สาม หากท่านผู้อ่านได้เห็นปัญหาในข้อสองแล้ว จะได้เห็นความจำเป็นของ "การเมืองภาคประชาชน" ในการตรวจสอบโครงการของรัฐมากขึ้น
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ตัดสินใจว่าจะอ่านบทความนี้ต่อไปหรือไม่ ผมขอนำประเด็นสำคัญมาเสนอก่อน  ประเด็นคือการวางแผนผลิตก๊าซที่ผิดพลาดทำให้คนไทยทุกคนต้องควักเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น จากรายงานประจำปี 2551 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พบว่า ในปี 2551 บริษัท ปตท. ต้องจ่ายค่า "ไม่ซื้อก็ต้องจ่าย" ก๊าซจากโครงการไทย-มาเลเซีย (ซึ่งเป็นโครงการสร้างความขัดแย้งมาตั้งแต่รัฐบาลชวน หลีกภัย และทักษิณ ชินวัตร จนถึงปัจจุบัน) เป็นจำนวน 13,716 ล้านบาท
ประสาท มีแต้ม
ในขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เริ่มต้นจากถนนวอลล์สตรีทในสหรัฐอเมริกากำลังลุกลามไปอย่างรวดเร็วราวกับลาวาภูเขาไฟไปสู่ทุกถนนของโลก ในภาคใต้ของประเทศไทยโดยหน่วยงานของรัฐและการนิคมอุตสาหกรรมก็กำลังดำเนินการให้มีแผนพัฒนาภาคใต้ด้วยโครงการต่าง ๆ มากมาย ทั้งโดยเปิดเผยและแอบแฝง ตัวอย่างของโครงการเหล่านี้ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานี โครงการขุดเจาะน้ำมันของบริษัทเซฟรอน ที่นครศรีธรรมราช ตลอดจนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 3 โรง นอกจากนี้ยังมีนิคมอุตสาหกรรมที่จังหวัดตรัง และท่าเทียบเรือน้ำลึกในจังหวัดสงขลาและอีกหลายจังหวัด…
ประสาท มีแต้ม
  เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 กระทรวงพลังงานในฐานะผู้รับผิดชอบหรือจะเรียกว่าผู้จัดทำแผนผลิตไฟฟ้าเองได้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อปรับปรุง "แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า" ในช่วงปี 2551 ถึง 2564 ซึ่งเป็นแผนที่ได้จัดทำไว้ก่อนปี 2551 ในการรับฟังครั้งนี้ก็เพื่อจะได้ปรับปรุงเป็นครั้งที่ 2 สาเหตุที่ต้องปรับปรุงก็เพราะปัญหาเศรษฐกิจถดถอยทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศไทยด้วยนักวิชาการอิสระด้านพลังงานที่ไม่ใช่ข้าราชการของกระทรวงพลังงานก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจหลายอย่าง ขณะเดียวกันกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าก็ได้ตั้งคำถามพร้อมแผ่นผ้าด้วยข้อความสั้น ๆ แต่เข้าใจง่ายว่า "…
ประสาท มีแต้ม
คำนำ เมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประสบปัญหาขายไม่ได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจของโลก นักการเมืองรวมทั้งว่าที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ได้เสนอมาตรการลดหย่อนภาษีค่าโอนบ้าน โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นไป ผมขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวข้างต้น แต่ขอใช้หลักคิดเดียวกันนี้เพื่อตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐบาลจึงไม่ใช้มาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการพืชน้ำมันซึ่งได้แก่ ไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอล์ ซึ่งโยงใยเกี่ยวเนื่องกันตั้งแต่เจ้าของโรงงานจนถึงเกษตรกรผู้ปลูกพืชน้ำมัน ( ปาล์มน้ำมัน อ้อย ฯลฯ ) เหล่านี้บ้างเล่า?
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ เมื่อราคาน้ำมันลดลงมาจากลิตรละราว 40 บาทจากเมื่อ 4-5 เดือนก่อนมาอยู่ที่ราว ๆ 20 บาท ทำให้คนไทยเราก็รู้สึกสบายใจ บางคนถึงกับกล่าวว่า “ตอนนี้จะไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยได้คิดมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ในยุคที่การเมืองที่เต็มไปด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวง ผู้บริโภคจะพอใจอยู่กับตัวเลขที่อิงอยู่กับความรู้สึกเช่นนี้เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เราจะต้องลุกขึ้นมาช่วยกันตรวจสอบ ถามหาความความเป็นธรรม ความพอดีอยู่ตลอดเวลา เมื่อพูดถึงความรู้สึกที่สบายใจขึ้นของคนไทยในขณะนี้ ทำให้ผมนึกเรื่อง “นัสรูดิน” ชายชาวอาหรับโบราณที่คนรุ่นหลังยังตัดสินไม่ได้ว่า เขาเป็นคนเฉลียวฉลาดหรือคนโง่กันแน่…
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ ก่อนจะเริ่มต้นเนื้อหา เรามาดูรูปการ์ตูนสนุก ๆ แต่บาดใจและอาจจะบาดตากันก่อนครับ ความหมายในภาพนี้ ไม่มีอะไรมาก นอกจากบอกว่านี่ไงหลักฐานที่พิสูจน์ว่าโลกเราร้อนขึ้นจริง สำหรับภาพนี้บอกว่า ผลการศึกษาพบว่าอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรสูงขึ้น นักวิชาการ (และนักการเมือง) กำลังระดมกันแก้ปัญหาอย่างขยันขันแข็ง ขอขอบคุณเจ้าของภาพทั้งสองด้วย คราวนี้มาเข้าเรื่องกันครับ ขณะที่โลกของเรากำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญ 4 ด้านพร้อม ๆ กัน คือ (1) วิกฤติภาวะโลกร้อน (2) วิกฤติพลังงานที่ทั้งขาดแคลน ราคาแพง ผูกขาดและก่อวิกฤติด้านอื่น ๆ (3) วิกฤติการเงินที่เพิ่งจะเกิดขึ้นหยก ๆ…
ประสาท มีแต้ม
คำนำ “...เวลานี้สังคมไทยมีอาการป่วยอย่างร้ายที่สุด คือ ป่วยทางปัญญา ขอให้พิจารณาดูเถิด เวลานี้ปัญหาสุขภาวะที่น่ากลัวที่สุดคือ ความป่วยทางปัญญา...” พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) มีนาคม 2551 ท่ามกลางกระแสการคิดค้นเรื่อง “การเมืองใหม่” ซึ่งขณะนี้สังคมบางส่วนเริ่มเห็นภาพราง ๆ บ้างแล้วว่ามันเป็นอย่างไร แต่ยังไม่มีความชัดเจนมากนักว่า สังคมไทยจะก้าวไปสู่สภาพนั้นได้อย่างไร และสมมุติว่าเราสามารถเข้าไปสู่สภาพนั้นได้จริง ๆ แล้ว เราจะรักษาและพัฒนาการเมืองใหม่ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกได้อย่างไร ในที่นี้ ผมจะขออนุญาตนำเสนอหลักการพื้นฐานมาใช้ตอบคำถามดังกล่าว ผมเรียกหลักการนี้ว่า “กฎ 3…
ประสาท มีแต้ม
เมื่อต้นเดือนเมษายน 2551 หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ลงข่าวว่า "พลังงานเผยไทยผลิตน้ำมันดิบสูงกว่าบรูไน คุยทดแทนนำเข้าปีนี้มหาศาล" (ไทยรัฐ 2 เมษายน 2551)    สาเหตุที่ผู้ให้ข่าวซึ่งก็คือข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพลังงานได้นำประเทศไทยไปเทียบกับประเทศบรูไน ก็น่าจะเป็นเพราะว่าคนไทยเราทราบกันดีว่าประเทศบรูไนเป็นประเทศส่งออกน้ำมันรายหนึ่งของภูมิภาคนี้ ดังนั้นเมื่อประเทศไทยเราผลิตน้ำมันดิบได้มากกว่าก็น่าจะทำให้คนไทยเราหลงดีใจได้บ้าง  นาน ๆ คนไทยเราจะได้มีข่าวที่ทำให้ดีใจสักครั้ง   หลังจากอ่านข่าวนี้แล้ว ผมก็ได้ค้นหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตก็พบว่า…
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ ขณะนี้มีผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังครุ่นคิดถึง "การเมืองใหม่" ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่ามันคืออะไรกันแน่ ทราบแต่ว่า "การเมืองเดิม" ซึ่งก็คือการเมืองแบบตัวแทน (representative democracy) กำลังมีปัญหาหลายอย่างและรุนแรงขึ้นทุกขณะบทความนี้จะนำเสนอความล้มเหลวของ "การเมืองแบบตัวแทน" อย่างสั้นๆ พร้อมกับนำเสนอ "การเมืองแบบไฮเพอร์ (hyperpolitics)" ให้พอเป็นประกายเบื้องต้น หากสังคมนี้สนใจก็มีช่องทางให้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมกันต่อไป2. สาเหตุความล้มเหลวของการเมืองแบบตัวแทนเราท่องกันจนขึ้นใจมาตั้งแต่วัยเด็กแล้วว่า สาเหตุสำคัญของการมี "การเมืองแบบตัวแทน" คือเป็นเพราะคนมันเยอะ…