ถ้าจะพูดถึงเหตุการณ์อันเศร้าสลดหดหู่ของสังคมนี้ ทั้งที่ผ่านมาจนถึงปรัตยุบัน เราคงแยกออกไม่ได้จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สังคมไม่ว่าจะเป็นประเทศสมมุติใดๆ
สำหรับประเทศไทยสมมุติอันเปลี่ยนผ่านมาตั้งแต่ยุคบุพกาล (ความจริงในยุคบุพกาลนั้นยังไม่มีประเทศดอก (แต่ขอใช้คำนี้
) ยุคทาสศักดินาอมาตยาฯ จนกระทั่งคณะราษฏร์นำโดยท่านปรีดี พนมยงค์ ทำการปฏิวัติล้มระบบสมบูรณาญาสิทธิราชเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ มาถึงปัจจุบัน … เราผ่านการนองเลือดมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาฯ ๑๖ , ๖ ตุลาฯ ๑๙ , พฤษภาฯ ๓๕ กระทั่งมาจนปี ๔๙ - ๕๓ … มาบัดนี้มีการแบ่งแยกสีสมมุติต่างๆ นานา เช่น เหลือง แดง น้ำเงิน ดำ และหลากสี ฯลฯ ที่มีการห้ำหั่นนองเลือดกัน …
เหลือง ก็โดนถล่ม แดง ก็โดนถล่ม ฯลฯ เลือดนองบนท้องถนนไปตามๆ กัน เป็นที่น่าเวทนานัก ทั้งๆที่เราไม่ต้องการให้มีการหลั่งเลือด อยากให้คนในชาติไทยสมมุติสมานฉันท์สามัคคีกัน (ทว่า จักเป็นไปได้ฤา? เมื่อสังคมมนุษย์ยังมีชนชั้น สังคมมนุษย์ประเทศสมมุติอื่นๆ ด้วย… คือมีชนชั้น ผู้กดขี่กับชนชั้นผู้ถูกกดขี่ ความจริงไม่อยากใช้คำนี้ เดี๋ยวจะว่าซ้ายจัด เอ๊า ใช้อีกคำก็ได้ คือ มีผู้มีผลประโยชน์ เป็นอภิสิทธิชน กับผู้เสียผลประโยชน์ ต่ำต้อยเป็นไพร่ราบติดดิน … ดังนั้นวาทกรรมที่ดูสวยหรูวิลิศมาหราจากชนชั้นผู้ปกครองและพวกเผด็จการทุกสายพันธุ์นั้นเป็นไปบ่ได้ดอก … แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาในเร็วๆ นี้ เราอย่ามองเพียงด้านลบด้านเดียวเสมอไป เราต้องมองด้านบวกของสีเสื้อสมมุติของแต่ละสีด้วย …)
เหลือง ก็โดนถล่ม แดง ก็โดนถล่ม ฯลฯ เลือดนองบนท้องถนนไปตามๆ กัน เป็นที่น่าเวทนานัก ทั้งๆที่เราไม่ต้องการให้มีการหลั่งเลือด อยากให้คนในชาติไทยสมมุติสมานฉันท์สามัคคีกัน (ทว่า จักเป็นไปได้ฤา? เมื่อสังคมมนุษย์ยังมีชนชั้น สังคมมนุษย์ประเทศสมมุติอื่นๆ ด้วย… คือมีชนชั้น ผู้กดขี่กับชนชั้นผู้ถูกกดขี่ ความจริงไม่อยากใช้คำนี้ เดี๋ยวจะว่าซ้ายจัด เอ๊า ใช้อีกคำก็ได้ คือ มีผู้มีผลประโยชน์ เป็นอภิสิทธิชน กับผู้เสียผลประโยชน์ ต่ำต้อยเป็นไพร่ราบติดดิน … ดังนั้นวาทกรรมที่ดูสวยหรูวิลิศมาหราจากชนชั้นผู้ปกครองและพวกเผด็จการทุกสายพันธุ์นั้นเป็นไปบ่ได้ดอก … แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาในเร็วๆ นี้ เราอย่ามองเพียงด้านลบด้านเดียวเสมอไป เราต้องมองด้านบวกของสีเสื้อสมมุติของแต่ละสีด้วย …)
* สีเหลืองสมมุติ ก็มีคุณูปการในการเปิดโปงรัฐบาลพลเรือนทุนนิยมสามานย์สุดโต่งในระบบทักษิณฯ ที่ทำลายธรรมชาติ รากเหง้าวิถีชีวิตของชุมชน ประชาชน ของโลกด้วย (Global warming … โลกร้อนขึ้นมาทุกทีแล้วโว๊ย … มีเสียงใครที่ไหนก็บ่ฮู้ ตะโกนตวาดมา) และรัฐบาลสมมุติทุกรัฐก็ทำลายเช่นกันดูการสร้างถนนขึ้นเขาใหญ่ที่เป็นข่าวในปัจจุบันนี้สิ … ตามความคิดเห็นของฉัน เวทีสีเหลืองที่นำโดยแกนนำบางส่วนจำเป็นต้องเชิดชูศักดินาอมาตยาฯ ก็เพราะในหมู่มวลชนก็มีหลากหลาย ทั้งชาวบ้าน ชนชั้นกลาง พวก loyalists และพวกราชนิกูล ฯลฯ แกนนำบางส่วนเขาก็ต้องมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และรู้จักแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ที่จะโค่นล้มระบบเผด็จการพลเรือนทักษิณฯ (ที่แม้จะอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่ก็โคตรโกง โคตรเผด็จการเหมือนกัน ไม่แตกต่างเผด็จการพลเรือนชาติชายฯ ชวน หลีกภัย สมัครฯ สมชายฯ และเผด็จการอภิสิทธิ์ – สุเทพ เทือกฯ ดอก ฯลฯ
เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วไม่ต้องสาธยาย สำหรับผู้ที่รู้เห็นถึงธาตุแท้ มิใช่มองเพียงปรากฏการณ์ ! ) … ในเวทีสีเหลือง ณ ลานพระพุทธรูปทรงม้า มีกวี นักคิด นักเขียน ศิลปิน นักวิชาการ ฯลฯ ขึ้นแจมด้วย (ตัวฉันเองก็ขึ้นด้วย) ไม่ว่าจะเป็นพี่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, พี่คมทวน คันธนู , อ้ายวสันต์ สิทธิเขตต์ , น้าหว่อง – น้าหงา-คาราวาน, น้าซูซู, น้าเศก ศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ ซึ่งคนเหล่านี้ในวัตรปฏิบัติของเขา เขาต้านเผด็จการอยู่แล้ว ที่เขาขึ้นเวทีเพราะเขาต้องการโค่นล้มระบบเผด็จการพลเรือนทักษิโณมิค มิได้ต้องการเชิญชวนเผด็จการทหาร คมช. มารัฐประหารดอก (ส่วนแกนนำบางคนจะเชิญชวนก็เป็นเรื่องของเขา) เราปล่อยให้เผด็จการทุกสายพันธุ์แม่มมมมันบี้กัน ประชาชนเราก็ “อยู่บนภูดูหมากัดกัน” ก็แค่นั้นเอง แต่ก็ถูกด่าว่าทั้งในสื่ออินเตอร์เนต ตลอดจนซุบซิบนินทาเลือกข้างแบบบักเดียวสุดโต่ง ฯลฯ … ปัดธ่อ ข้าฯอยากให้เผด็จการศักดินาอมาตยาฯ และเผด็จการทุกสายพันธุ์สูญพันธุ์จะตายไป และที่พี่น้องนักคิด กวี ศิลปินที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง เช่น อ้ายวัฒน์ วรรยางกูร, อ้ายไม้หนึ่ง ก. กุนที และการแถลงการณ์ของศิลปินกวี นักเขียน ที่ต่อต้านเผด็จการ คมช. เราก็ยังไม่ต่อว่าเขาเลย กลับคารวะเขาอีกเพราะรู้ว่าเขามีจิตวิญญาณต่อต้านเผด็จการทหารอันก้าวพ้นจากเผด็จการทักษิณฯ
เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วไม่ต้องสาธยาย สำหรับผู้ที่รู้เห็นถึงธาตุแท้ มิใช่มองเพียงปรากฏการณ์ ! ) … ในเวทีสีเหลือง ณ ลานพระพุทธรูปทรงม้า มีกวี นักคิด นักเขียน ศิลปิน นักวิชาการ ฯลฯ ขึ้นแจมด้วย (ตัวฉันเองก็ขึ้นด้วย) ไม่ว่าจะเป็นพี่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, พี่คมทวน คันธนู , อ้ายวสันต์ สิทธิเขตต์ , น้าหว่อง – น้าหงา-คาราวาน, น้าซูซู, น้าเศก ศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ ซึ่งคนเหล่านี้ในวัตรปฏิบัติของเขา เขาต้านเผด็จการอยู่แล้ว ที่เขาขึ้นเวทีเพราะเขาต้องการโค่นล้มระบบเผด็จการพลเรือนทักษิโณมิค มิได้ต้องการเชิญชวนเผด็จการทหาร คมช. มารัฐประหารดอก (ส่วนแกนนำบางคนจะเชิญชวนก็เป็นเรื่องของเขา) เราปล่อยให้เผด็จการทุกสายพันธุ์แม่มมมมันบี้กัน ประชาชนเราก็ “อยู่บนภูดูหมากัดกัน” ก็แค่นั้นเอง แต่ก็ถูกด่าว่าทั้งในสื่ออินเตอร์เนต ตลอดจนซุบซิบนินทาเลือกข้างแบบบักเดียวสุดโต่ง ฯลฯ … ปัดธ่อ ข้าฯอยากให้เผด็จการศักดินาอมาตยาฯ และเผด็จการทุกสายพันธุ์สูญพันธุ์จะตายไป และที่พี่น้องนักคิด กวี ศิลปินที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง เช่น อ้ายวัฒน์ วรรยางกูร, อ้ายไม้หนึ่ง ก. กุนที และการแถลงการณ์ของศิลปินกวี นักเขียน ที่ต่อต้านเผด็จการ คมช. เราก็ยังไม่ต่อว่าเขาเลย กลับคารวะเขาอีกเพราะรู้ว่าเขามีจิตวิญญาณต่อต้านเผด็จการทหารอันก้าวพ้นจากเผด็จการทักษิณฯ
*สีแดงสมมุติ ก็มีคุณูปการเฉกกัน ในการเปิดโปงระบบเผด็จการศักดินาอมาตยาฯ ซึ่งก็เป็นเผด็จการอีกสายพันธุ์หนึ่ง และมีคราบของอภิมหาบริโภคทุนนิยมสุดโต่งด้วย ล้วนเป็นอภิสิทธิ์ชนเช่นกัน มีผลประโยชน์เช่นกัน ทำลายธรรมชาติวิถีชีวิตของชุมชน ประชาชนของโลกเช่นกัน ฯลฯ
- - - ตราบใด ที่มหาประชาชนเรา (รวมถึงทุกชนชั้นทุกชั้นชนที่รักความเป็นธรรมเป็นไท) ไม่ปฏิรูป - ปฏิวัติโครงสร้างสังคมในส่วนที่ห่วยแตกสามานย์อย่างแท้จริง ไม่รวมพลังกัน ประชาธิปไตยที่แท้จริงก็มิมีวันบังเกิดขึ้นได้ (แม้ชาติหน้าตอนบ่ายๆ) จะเป็นไปได้ไหม หากทุกสีสมมุติที่มีจุดยืนเพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง จะมาจับมือรวมพลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม สร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เป็นจริงจนได้ ? !!!
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งในปัจจุบัน แม้จะมีการ หลั่งเลือด (ทั้งๆ ที่เราไม่ต้องการให้มีการหลั่งเลือด เนื้อของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสมมุติใดก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งสลดหดหู่หัวใจยิ่งของสังคมนัก …) แต่ถ้าเรามองอีกด้านหนึ่ง มันก็เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์ของประชาชน ณ ยุคปรัตยุบันนี้ ซึ่งเรามิอาจไป STOP กงล้อประวัติศาสตร์ได้ !
ตถาตา … มันเป็นไปเช่นนั้นเอง
ตถาตา … มันเป็นไปเช่นนั้นเอง
อิสลามมาลากุม, อาเมน, สาธุ.
บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น
แสงดาว ศรัทธามั่น
ดูกร... ภราดา ... ภราดร ... โปรดอย่าได้ ฉงนฉงายค ว า ม ห ม า ย ชี วี เพลานี้ณ ที่ซึ่ง มนุษยชาติ โ อ บ ก อ ด ป ฐ พีณ ที่ซึ่ง เวลานี้ เ ธ อ มี รั ก ป ร ะ จั ก ษ์ ใ จรั ก มิ ต้อง ฝัน ... รั ก นั้นคือ รั ก จ ริ ง !“ ค ว า ม รั ก นั้ น ยิ่ ง ใ ห ญ่ ”เริงรำร้อง เที่ยวท่องไปสู่จุดหมายปลายทางแห่ง เ พ ล ง รั ก นิ รั น ด ร์ณ ที่นี่ ... ที่นั่น ... ที่โน่น! นั้นมี รัก!เราผ่อนพักชีวา รั ก รั ง ส ร ร ค์เ มื่ อ วิ ญ ญ า ณ แห่ง รั ก โ อ บ ก อ ด กันโ ล ก = น ร ก – ส ว ร ร ค์ เป็นฉันใด มิ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ภาพจาก แฟ้มข่าวประชาไท(๑) Excellent Life Rhythm(เป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก)ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาวแสง สี เสียง แห่งแม่พระธรรมชาติ อันเป็นรากเหง้า แห่งวิถีชีวิตเพื่อนมนุษยชาติ ช่างงดงาม หลากสีสันนัก!--- ดวงตะวัน ดวงดาว เดือนเสี้ยว –- กลางฤดูปลายฝน ต้นหนาว-- ฯลฯ --- ฯลฯ --- ฯลฯ---เริงระบำ รำร่ายฟ้อนเป็น Rhythm… เป็นจังหวะดนตรีแห่งสีสัน ช่างงดงามนักExcellent Life Rhythmเป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก!“ Life is Very Beautiful”ชีวิตช่างงดงามนัก หากโครงสร้างสังคม สามานย์ เปลี่ยนแปลง(๒) หมดเวลาของคุณแล้ว!Hello!พณฯหัวเจ้าท่าน คมช.หมดเวลาของคุณแล้ว!อย่าสืบต่ออำนาจต่อไปอีกเลย!อย่าเผด็จการฟัสซิสม์…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ล ม ห น า ว เ ห นื อ พั ด โ ช ย ม ายามต้องไล้ผิวกายร้อน ที่รุ่ม ก็ คลายกลิ่นอาย เหมันตฤดู มิรู้เลือน น ก น้ อ ย ๆ สีเหลืองเรืองเรื่อโบยบินทุกแหล่งหล้ามิรู้หนโผร่อนจับเกาะกิ่งก้านต้นมะขามสนามหลวง – สนามราษฎร์ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว – ตามไล่ทักทายกันโ อ ... ก็นานนักแล้วซิหนอที่พวกเจ้ามิได้มาพบกัน! ณ เบื้อง ฟ้าบนด ว ง ต ะ วั น สาดแสงแรงกล้า น ก พิ ร า บ ข า ว พราวอันมิถ้วนนับสะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อน ... ราวจักข่ม คคนานต์พราวปีกขาว สะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อนเริงรำร่อนจับเกาะกอดโดมแดนธรรม... ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์โ อ !...…
แสงดาว ศรัทธามั่น
(1)จักรวาลอวยพรชัยณ ยามราตรีกาลดวงดาวเดือนพราวพร่างบนทุ่งฟ้าวิบ วิบ วับ วับ เปล่งประกายทอแสงเจิดจ้าอวยพรชัยแด่โลก ชีวิต!แล ณ ยามอรุณรุ่งดวงตะวันสาดแสงสีทองส่องโลกหล้าวิหคนกกามวลสรรพสิ่ง – สรรพชีวี...เริงระบำรำร่ายฟ้อนอวยพรชัยแด่ผองเพื่อนมนุษยชาติ!ณ คืนวันแห่งการสัปประยุทธ ต่อสู้ด้วยอหิงสา ศานติวิธีพี่น้องม่าน พี่น้องชนเผ่าทั้งผอง...แล สตรีเหล็ก “ออง ซาน ซูคยี”รวมทั้งผองเพื่อนพี่น้องร่วมโลกร่วมแผ่นดินแห่งดาวโลกดวงนี้ต่างคล้องแขนร่วมเดินทางเปล่งร้องขับขานบทเพลงแห่งชัย...ชัย...ชัย...ชัย ! ดูรา...ภราดา...ภราดายลดูด้วยประกายดวงตาปลื้มปิติ...ดูซี...ดูซี...“มองดูความจริงซี”พระคุณท่าน แม่ชี...…