( โคลงอิสระ )
เดือน ดาว พราวพร่างฟ้า ลาวัณย์
เมฆ หมอก ดวงตะวัน เจิดจ้า
มี มืด มี แจ้ง เคล้าคละ กัน ไป่ข้อง ใจเนอ
เพียงดวงจิตคนแกร่งกล้า ผงาดท้า ริยำสมัย ฯ
( กาพย์อิสรา )
“ดาว เดือน เป็น เพื่อน ฟ้า
ทุกทิวา มิแปรผัน
ประชาชนก็เช่นกัน
ความรักมั่น นิรันดร ฯ”
( โคลงอิสระ )
ตำจอกสุราหล้า เรืองไร
คืนค่ำ ขมขื่น ใน ประชานี่
ฝันหวานสังคม อำไพ โค่นล้ม เผด็จมาร
ฤายังย่ำเท้าอยู่กับที่ วนว่าย เวียนวน ฯ
( เริงระบำ กาพย์ + กลอน )
* “ฝัน ถึงวันที่ดี มีความหมาย
ก็เลือนรางห่างหายบ่มาหา
ฝันถึง ฟ้าดิน เทวดา
ก็ เปล่าดาย ตายห่า ไปหมดแล้ว ! ”
อยู่ฝัน … ใช่เพ้อฝัน ดวงจิตนั้น พึงกล้าแกล้ว
จัดตั้ง กระบวนแถว แห่ง ม หา ป ระ ชา ช น
… ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี … ประดามี เคี่ยวทุกหน
แนวร่วม ขยายพล กระบวนท่า พราวพร่างพรม
… สงคราม สองความคิด ยังคงคุ อย่างแหลมคม
ไพร่ราบ อย่าซบซม ปะทะร่วม ทะลวงตาม
รู้สู้ รู้รุก ถอย … รู้ รอคอย ย่อมฝ่าข้าม
ประชาคลื่น ดั่ง เพลิงลาม แผดเผาไหม้ เผด็จการทุกสายพันธุ์ !
สลายสี - สลายค่าย มิดูดาย ร่วมรังสรรค์
จับมือ ร่วมใจกัน ใช่เพ้อฝัน อัตตาตน
หากรู้เรื่องโครงสร้าง ห่วยแตกร้าง ในทุกหน
เศรษฐกิจ-การเมือง ที่ฉ้อฉล การศึกษา ไม่สมบูรณ์
โครงสร้างแห่งสังคม ล้วนจ่อมจม ชีพเสียศูนย์
ประชาชาติ เศร้าอาดูร ด้วยโครงสร้าง “มารครองเมือง”
มาเพื่อนพราวดาษดื่น ต้าน ขัดขืน ให้ลือเลื่อง
สมมุติสี ย่อมนองเนือง แน่นจุดยืนเพื่อสร้าง ไ ท !
สายลม โชยพริ้มพลิ้ว ละล่องลิ่ว ใจสดใส
ผีเสื้อ และ ดอกไม้ กระซิบบอก โ ล ก ง ด งา ม !
… มิใช่ งานเช้งเม้ง เลือดละเลงอันล้นหลาม
รำลึก เพื่อก้าวตาม ใช่จมจ่อม อดีตวัน
( โคลงลุกขึ้นสู้ )
ฯฯฯทั้ง ร้อน หนาว เย็น นิ่ง ลึก ขบถพลัน
เร็วร่วมพลังใจกัน กอบกู้
รู้โลก ชีวิต อัน โอบเอื้อ สรรพสิ่ง เฮย
ใจ จิตวิญญาณ พร้อมสู้ ปฏิวัติ โ ล ก งาม เรืองรอง ฯฯฯ
( โรมานซ์ติคกลอน )
@ หาก เราฝันถึง สายรุ้งสีสดสวย สายลมโชยแผ่วพลิ้วบนพื้นหล้า
มีสวนสวย ดอกไม้งาม ละลานตา มวลประชาสุขสันต์ นิรันดร์ไป
. . . หลับตาฝันนั้นเห็นได้ใช่ไหมเพื่อน ? ลืมตาตื่นอาจลืมเลือนเคลื่อนคล้อยได้
มาถักทอ สา ย ฝั น ด้วยดวงใจ สานศรัทธายิ่งใหญ่ ด้วย มือเรา
WE LOVE YOU ! ! ! @
“ แสงดาว ศรัทธามั่น ”
รำลึก … ๓๗ ปี สิบสี่ตุลาฯ
… ๓๔ ปี หกตุลาฯ
… ๑๘ ปี พฤษภา โหด
… ๗ เมษายน ๒๕๔๙
… ๓๔ ปี หกตุลาฯ
… ๑๘ ปี พฤษภา โหด
… ๗ เมษายน ๒๕๔๙
… ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓
… ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
… ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น
แสงดาว ศรัทธามั่น
ดูกร... ภราดา ... ภราดร ... โปรดอย่าได้ ฉงนฉงายค ว า ม ห ม า ย ชี วี เพลานี้ณ ที่ซึ่ง มนุษยชาติ โ อ บ ก อ ด ป ฐ พีณ ที่ซึ่ง เวลานี้ เ ธ อ มี รั ก ป ร ะ จั ก ษ์ ใ จรั ก มิ ต้อง ฝัน ... รั ก นั้นคือ รั ก จ ริ ง !“ ค ว า ม รั ก นั้ น ยิ่ ง ใ ห ญ่ ”เริงรำร้อง เที่ยวท่องไปสู่จุดหมายปลายทางแห่ง เ พ ล ง รั ก นิ รั น ด ร์ณ ที่นี่ ... ที่นั่น ... ที่โน่น! นั้นมี รัก!เราผ่อนพักชีวา รั ก รั ง ส ร ร ค์เ มื่ อ วิ ญ ญ า ณ แห่ง รั ก โ อ บ ก อ ด กันโ ล ก = น ร ก – ส ว ร ร ค์ เป็นฉันใด มิ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ภาพจาก แฟ้มข่าวประชาไท(๑) Excellent Life Rhythm(เป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก)ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาวแสง สี เสียง แห่งแม่พระธรรมชาติ อันเป็นรากเหง้า แห่งวิถีชีวิตเพื่อนมนุษยชาติ ช่างงดงาม หลากสีสันนัก!--- ดวงตะวัน ดวงดาว เดือนเสี้ยว –- กลางฤดูปลายฝน ต้นหนาว-- ฯลฯ --- ฯลฯ --- ฯลฯ---เริงระบำ รำร่ายฟ้อนเป็น Rhythm… เป็นจังหวะดนตรีแห่งสีสัน ช่างงดงามนักExcellent Life Rhythmเป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก!“ Life is Very Beautiful”ชีวิตช่างงดงามนัก หากโครงสร้างสังคม สามานย์ เปลี่ยนแปลง(๒) หมดเวลาของคุณแล้ว!Hello!พณฯหัวเจ้าท่าน คมช.หมดเวลาของคุณแล้ว!อย่าสืบต่ออำนาจต่อไปอีกเลย!อย่าเผด็จการฟัสซิสม์…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ล ม ห น า ว เ ห นื อ พั ด โ ช ย ม ายามต้องไล้ผิวกายร้อน ที่รุ่ม ก็ คลายกลิ่นอาย เหมันตฤดู มิรู้เลือน น ก น้ อ ย ๆ สีเหลืองเรืองเรื่อโบยบินทุกแหล่งหล้ามิรู้หนโผร่อนจับเกาะกิ่งก้านต้นมะขามสนามหลวง – สนามราษฎร์ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว – ตามไล่ทักทายกันโ อ ... ก็นานนักแล้วซิหนอที่พวกเจ้ามิได้มาพบกัน! ณ เบื้อง ฟ้าบนด ว ง ต ะ วั น สาดแสงแรงกล้า น ก พิ ร า บ ข า ว พราวอันมิถ้วนนับสะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อน ... ราวจักข่ม คคนานต์พราวปีกขาว สะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อนเริงรำร่อนจับเกาะกอดโดมแดนธรรม... ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์โ อ !...…
แสงดาว ศรัทธามั่น
(1)จักรวาลอวยพรชัยณ ยามราตรีกาลดวงดาวเดือนพราวพร่างบนทุ่งฟ้าวิบ วิบ วับ วับ เปล่งประกายทอแสงเจิดจ้าอวยพรชัยแด่โลก ชีวิต!แล ณ ยามอรุณรุ่งดวงตะวันสาดแสงสีทองส่องโลกหล้าวิหคนกกามวลสรรพสิ่ง – สรรพชีวี...เริงระบำรำร่ายฟ้อนอวยพรชัยแด่ผองเพื่อนมนุษยชาติ!ณ คืนวันแห่งการสัปประยุทธ ต่อสู้ด้วยอหิงสา ศานติวิธีพี่น้องม่าน พี่น้องชนเผ่าทั้งผอง...แล สตรีเหล็ก “ออง ซาน ซูคยี”รวมทั้งผองเพื่อนพี่น้องร่วมโลกร่วมแผ่นดินแห่งดาวโลกดวงนี้ต่างคล้องแขนร่วมเดินทางเปล่งร้องขับขานบทเพลงแห่งชัย...ชัย...ชัย...ชัย ! ดูรา...ภราดา...ภราดายลดูด้วยประกายดวงตาปลื้มปิติ...ดูซี...ดูซี...“มองดูความจริงซี”พระคุณท่าน แม่ชี...…