Skip to main content

 

--- เป็นความงดงามมากที่ “แมว (กฤคน ชัยแก้ว ) หรือ อ้ายแมว ( “ MAE)"  คนเพลง นักดนตรี แห่งล้านนาเจียงใหม่ เป็นคีย์แมนที่สำคัญ ดำริจัดงาน ฟรี Concert รายได้ทั้งหมดจัดซื้อเครื่องดนตรี ให้กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครูแมวและเพื่อนนักดนตรีไปร้อง และสอนดนตรีให้เด็กเหล่านั้น (เราจะไม่เรียกเขาว่าเป็น “นักโทษ” เขาเป็นเยาวชน แม้กระทั่งผู้คนหลายวัยที่ถูกจองจำในคุก เราก็ไม่ควรเรียกเขาว่าเป็น “นักโทษ” เพราะคำๆนี้ยิ่งเป็นตราบาป ความน้อยเนื้อต่ำใจให้พวกเขา แต่ก็แน่นอนเมื่อเขาทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามคำพิพากษา เช่น …ไปฆ่าคน ข่มขืน – ฆ่า ปล้นจี้ ชิงทรัพย์ หรือเป็นพวกสิบแปดมงกุฏหลอกลวงเขา ฯลฯ   แต่ในอีกด้านหนึ่งเราก็ต้องมองและเข้าใจต้นตอสาเหตุของปัญหาว่าทำไมคนต้องประพฤติกระทำเช่นนั้น? ไม่ต้องได้รับการวิเคราะห์จากนักวิชาการหรือนักจิตวิทยาดอก…ก็เพราะในโลกนี้ เป็นระบบอภิมหาบริโภคทุนนิยมเผด็จการวินาศสุดโต่งนั่นเอง ที่ทำให้ประชาชนไพ่ราบคนรากหญ้าถูกดกขี่ข่มเหง (โปรดเข้าใจในนามธรรมของคำนี้ มิใช่ว่า พวกอภิสิทธิ์ชนจะเอาปืน มีดไม้ ไปตีหัวชาวไพร่ราบรากหญ้า และชนชั้นกลางระดับล่างอย่างเราๆ แต่เขากดขี่ ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบโดยรูปธรรมที่มองเห็นๆ เช่น ความยากจนข้นแค้น ไร้ที่อยู่อาศัย ไร้ที่ทำกิน เป็นขอทานบ้าง โสเภณีบ้าง คนพเนจรไร้หัวนอนปลายตีนบ้าง คนชั้นกลางก็เป็นหนี้เป็นสิน ฯลฯ ) 


ดังนั้น วาทกรรมที่ว่า เศรษฐกิจพอเพียงก็เพียงเป็นคำที่ดูสวยหรู ล่องลอยอยู่ในอากาศ ไม่เป็นจริง! ปัดธ่อ เอ๊ย   พี่น้องชาวบ้านทั้งในเมือง นอกเมืองไร้ที่ทำกิน เขาจะมี เศรษฐกิจพอเพียงได้จาใดวะ? เอาหัวแม่ตีนตรองดู ถ้าแน่จริงพวก อภิสิทธิชนตีนไม่ติดดิน พวกนายทุนขุนศึกศักดินาอมาตยาฯ ต้องเสียสละที่ดินนับร้อยพันหมื่นไร่ให้พวกพี่น้องชาวบ้านซี เขาจะมีที่ทำมาหากิน   … พวกท่านพี่น้องเห็นไหม? ในเมืองหลังจากเกิดภาวะฟองสบู่แตก ปี 40 พวกนายทุน ที่ทำธุรกิจแตกกระเจิงกันยะย่ายพ่ายยะยับ พวกมนุษย์ออฟฟิศ ถูกเลย์เอ๊าท์ตกงานกันระนาว บ้างก็ไปเปิดประทุนรถขายของหลังรถ บางคนก็ไปขายแซนด์วิช ฯลฯ   พวกนายทุนสร้างตึกก็สร้างตึกสร้างหอไม่ได้ ไม่เสร็จเป็นหนี้เป็นสิน NPL เพียบ  ปล่อยให้ตึกร้างมากมายหลายแห่ง ฉันยังคิดเองว่า ไอ้พวกตึกร้างนั้นมันน่าจะอนุญาตให้ผู้ไร้ที่อยู่อาศัยเข้าไปอยู่ หรือไม่ก็พังตีก คอนโดร้าง ให้ชาวบ้านไปปลูกผักปลูกไม้ทำมาหากินกันซะดีกว่า ฯล

… เหตุฉะนั้น การใช้วลีอันสวยหรูจากเรียวปากผู้ปกครอง และพวกเผด็จการทุกสายพันธุ์ ทั้งเผด็จการพลเรือนนักธุรกิจกินเมืองโกงเมืองที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง …  พวกเผด็จการ ท็อปบูทฟัสซิสต์ทหาร ตลอดจนเผด็จการแฝงเร้นศักดินาอมาตยา (อย่าไปเรียกพวกเขาว่า ศักดินาอมาตยาธิปไตย พวกเขาไม่มีประชาธิปไตยดอกเจ้าค่ะ)   
 
- - - ทั้งหมดนั้น หากเรามีเพียงแค่จิตสำนึกสามัญธรรมดา (Common Sense) เราก็จะรู้และเข้าใจว่า  โดยองค์รวมของสรรพสิ่ง สรรพชีวิต ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกออกไม่ จึงทำให้บ้านเมืองเรามีช่องว่างห่างกันโคตรๆ เหลือเกิน
 
… พูดให้ถึงที่สุด ก็ด้วยระบบโครงสร้างสังคมอันแสนห่วยแตกและอยุติธรรมนั่นเอง (ระบบโครงสร้างสังคมใหญ่ๆที่สำคัญ ประกอบด้วย … ระบบเศรษฐกิจ … ระบบการเมือง… ระบบการศึกษาวัฒนธรรม) ที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมต่างๆ ตามมา หากเราไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างสังคมอันห่วยแตกนี้ ก็ไม่มีทางที่จักมีเศรษฐกิจพอเพียงได้ (เศรษฐกิจพอเพียงพี่น้องชาวบ้านเขามีมาตั้งแต่โคตรปู่ย่าตาทวดของเอ็งแล้วแล้วละว๊อย เจ้าเด็กน้อยไร้เดียงสา)   
 
- - - งาน Free Concert  นี้ก็ม่วนซื่นโอแซวกัน ม่วนอ๊ก ม่วนใจ๋กับพี่น้องผองเพื่อนพี่ป้าน้าอามาร่วมงานมากมายพอดู จัดที่  “บ้าน - ร้านยิบซี (Gypsy)"  เชิงดอยสุเทพตรงข้ามกับสวนราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหี๊ยะ อันมี “อ้ายป๋อ และ อี่ปี้ จ๊อด (Jorge)” เพื่อนร่วมชีวิตเป็นเจ้าของร้าน มีน้ำใจเปิดให้จัดกิจกรรมการกุศลครั้งนี้ หากผองเพื่อนพี่น้องมาเจียงใหม่หาโอกาสมาแอ่วมาเยือนบ้านร้านยิปซีนี้ได้เน้อ บรรยากาศงดงามเป็นธรรมชาติ ท้องฟ้ากว้าง ใกล้ดอยสุเทพที่ยาวเหยียด  (เรื่องงานนี้ต้องไปอ่านที่อ้ายถนอม ไชยวงษ์แก้ว   … กวีนักเขียนอิสระ ที่โหมโรงก่อนงานให้ ในบล็อกกาซีน ประชาไท   click ไปข้างบนใน www.prachatai3.info พวกเรากวี นักเขียน ศิลปินช่วยเขียนกันอยู่… มีคนเพลง นักดนตรีมาร่วมงานให้กำลังใจงานการกุศลโดยไม่คิดค่าตัว ก็ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย )
 
“ขอเชิญอ้ายแสงดาว เขียนบทกวีสดๆ ฉับพลันทันใด เพื่อเอาประมูล ณ ที่นี้ เป็นรายได้ให้น้องสถานพินิจ คับ ”
น้องแมวประกาศเชิญชวน    ทำไงได้ เต็มใจอยู่แล้ว ฉันย่างก้าวออกจากโต๊ะ บรรเลงเพลงกวีสี่บรรทัดลงบนแผ่นกระดาษสีขาวที่เตรียมไว้ให้โดยที่ฉันไม่รู้มาก่อนว่า น้องๆจะทำเช่นนี้
 
 “เอ๊า ประมูล อ้ายแสงดาวคิดว่าเริ่มต้นประมาณเต้าใดคับ” ? แมว ถามในไมค์ 
 “ร้อยนึง” … ฉันตอบโดยไม่ลังเลใจ
 “เอ๊า ร้อยนึง เอา”   … หญิงสาวคนหนึ่ง ยกมือ
 “สองร้อย” หญิงสาวอีกคนหนึ่งประมูลต่อ  แมวถามว่าใครจะประมูลต่อ แล้วก็นับถอยหลังจากสิบ ถึง ศูนย์ เมื่อไม่มีใครประมูลต่อ ก็เป็นอัน … The End Of The World … ฉันยิ้ม ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส  ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมช่วยซื้อเครื่องดนตรีให้ลูกๆหลานๆ เยาวชนในสถานพินิจฯ
 
- - - คืนนี้ ฉัน กะ อ้าย ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร กวี นักเขียนแห่งล้านนา นอนพักที่นี่ “ป๋อ” น้องชายพาเราไปนอนที่เต็นท์ที่เตรียมไว้ให้ มีเพื่อนบางส่วนก็เป็นผีสิงอยู่ที่นี่
 
. . .   ตื่นเช้ายามอรุณรุ่ง ยาม อรุณรุ่ง ฉันมานั่งนอกร้าน ท่ามกลางท้องฟ้าหม่นหมอง แลภูดอยตระหง่านฟ้า มีนกร้องเพลงให้ฟัง …ฉันนั่งเขียนหนังสือเรื่องนี้ที่นี่…  สวัสดี ยามอรุณ @

บ้าน – ร้าน ยิบซี ( Gypsy )   แม่เหี๊ยะ  เชิงดอยสุเทพ , เจียงใหม่, ล้านนาอิสระ, ๑๑ มค. ๕๔
* หมายเหตุ “ ใส่เหล้าเต้าแจ้ง” … เป็นภาษาคำเมืองล้านนาเจียงใหม่ … หมายถึง… กินดื่มเหล้าจวบจนรุ่งสาง

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
ดูกร... ภราดา ...  ภราดร ...  โปรดอย่าได้  ฉงนฉงายค ว า ม ห ม า ย ชี วี  เพลานี้ณ  ที่ซึ่ง  มนุษยชาติ  โ อ บ ก อ ด ป ฐ พีณ ที่ซึ่ง เวลานี้  เ ธ อ มี รั ก ป ร ะ จั ก ษ์ ใ จรั ก มิ ต้อง ฝัน ... รั ก  นั้นคือ รั ก จ ริ ง !“ ค ว า ม รั ก นั้ น ยิ่ ง ใ ห ญ่ ”เริงรำร้อง  เที่ยวท่องไปสู่จุดหมายปลายทางแห่ง   เ พ ล ง รั ก นิ รั น ด ร์ณ ที่นี่ ... ที่นั่น ... ที่โน่น! นั้นมี  รัก!เราผ่อนพักชีวา  รั ก รั ง ส ร ร ค์เ มื่ อ  วิ ญ ญ า ณ  แห่ง  รั ก  โ อ บ ก อ ด กันโ ล ก = น ร ก – ส ว ร ร ค์  เป็นฉันใด  มิ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ภาพจาก แฟ้มข่าวประชาไท(๑) Excellent Life Rhythm(เป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก)ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาวแสง สี เสียง แห่งแม่พระธรรมชาติ อันเป็นรากเหง้า แห่งวิถีชีวิตเพื่อนมนุษยชาติ ช่างงดงาม หลากสีสันนัก!--- ดวงตะวัน ดวงดาว เดือนเสี้ยว –- กลางฤดูปลายฝน ต้นหนาว-- ฯลฯ --- ฯลฯ --- ฯลฯ---เริงระบำ รำร่ายฟ้อนเป็น Rhythm… เป็นจังหวะดนตรีแห่งสีสัน ช่างงดงามนักExcellent Life Rhythmเป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก!“ Life is Very Beautiful”ชีวิตช่างงดงามนัก หากโครงสร้างสังคม สามานย์ เปลี่ยนแปลง(๒) หมดเวลาของคุณแล้ว!Hello!พณฯหัวเจ้าท่าน คมช.หมดเวลาของคุณแล้ว!อย่าสืบต่ออำนาจต่อไปอีกเลย!อย่าเผด็จการฟัสซิสม์…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ล ม ห น า ว เ ห นื อ พั ด โ ช ย ม ายามต้องไล้ผิวกายร้อน ที่รุ่ม ก็ คลายกลิ่นอาย เหมันตฤดู มิรู้เลือน น ก น้ อ ย ๆ สีเหลืองเรืองเรื่อโบยบินทุกแหล่งหล้ามิรู้หนโผร่อนจับเกาะกิ่งก้านต้นมะขามสนามหลวง – สนามราษฎร์ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว – ตามไล่ทักทายกันโ อ ... ก็นานนักแล้วซิหนอที่พวกเจ้ามิได้มาพบกัน! ณ เบื้อง ฟ้าบนด ว ง ต ะ วั น สาดแสงแรงกล้า น ก พิ ร า บ ข า ว พราวอันมิถ้วนนับสะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อน ... ราวจักข่ม คคนานต์พราวปีกขาว สะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อนเริงรำร่อนจับเกาะกอดโดมแดนธรรม... ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์โ อ !...…
แสงดาว ศรัทธามั่น
(1)จักรวาลอวยพรชัยณ ยามราตรีกาลดวงดาวเดือนพราวพร่างบนทุ่งฟ้าวิบ วิบ วับ วับ เปล่งประกายทอแสงเจิดจ้าอวยพรชัยแด่โลก ชีวิต!แล ณ ยามอรุณรุ่งดวงตะวันสาดแสงสีทองส่องโลกหล้าวิหคนกกามวลสรรพสิ่ง – สรรพชีวี...เริงระบำรำร่ายฟ้อนอวยพรชัยแด่ผองเพื่อนมนุษยชาติ!ณ คืนวันแห่งการสัปประยุทธ ต่อสู้ด้วยอหิงสา ศานติวิธีพี่น้องม่าน พี่น้องชนเผ่าทั้งผอง...แล สตรีเหล็ก “ออง ซาน ซูคยี”รวมทั้งผองเพื่อนพี่น้องร่วมโลกร่วมแผ่นดินแห่งดาวโลกดวงนี้ต่างคล้องแขนร่วมเดินทางเปล่งร้องขับขานบทเพลงแห่งชัย...ชัย...ชัย...ชัย ! ดูรา...ภราดา...ภราดายลดูด้วยประกายดวงตาปลื้มปิติ...ดูซี...ดูซี...“มองดูความจริงซี”พระคุณท่าน แม่ชี...…