Skip to main content

        @  คื น นี้  นอนไม่ค่อยหลับตามเคย    เขียนต้นฉบับนี้ตอนตีห้า… ง่วง ล้มตัวลงนอนพื้นสำนักงาน ฝันว่า มีคนเรียก…

 

                 “ อ้าย รถจะออกแล้ว ”    สะดุ้งตื่นจากฝัน หกโมงเช้า  เจ้าน้องแมวสีเทาที่นอนซุกผ้าห่มตื่นพร้อมกัน   ทำธุระ   เข้าห้องครัว แกงยอดฟักเขียว  กับเห็ดหูหนู ตำพริกแห้งนิดหน่อยใส่น้ำเยอะหน่อยไว้ซด  แกงเดือดกะเทาะไข่เป็ด ตามไปในน้ำเดือด ไม่ต้องคนให้ไข่แตกดีกว่าจะได้แยกกินทั้งไข่แดง ไข่ขาว มิให้มีครอเรสตอร์รอลล์มาก เกินไป

 

                 - - -    Pack  ของเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน  นั่งฟังเพลงใน  Youtube  รอเวลาเดินทาง  ฟังเพลงโปรด “  Imagine  ”  ของน้า   “ John   Lennon ”    และ  “  blowing   in  the  Wind ”  ของ น้า  “  Bob  Dyland  ”…

 

                   “รถตู้มาแล้ว อ้าย ” เสียงแม่บ้านสำนักงาน ตะโกนบอก ผู้ช่วยแม่บ้าน ฯ คือ “ฉัน” เอง 

 

                             “ นี่     อ้ายเป็นผู้ช่วยแม่บ้าน และ พนักงานคนใหม่  เราคงต้องตั้ง

เงินเดือนให้อ้ายแล้ว ”  น้องคนหนึ่งเคย พูดแหย่กลางวงกินข้าว  ก็หัวเราะกัน  

 

                     . . . ร ถ ตู้   แล่นออกจากกตัวเมือง มุ่งสู่ ลำพูน ไปรับ “สหายสันต์”  แกนนำกลุ่มแนวร่วมเกษตรกรภาคเหนือ ที่ร่วมกับพี่น้องชาวบ้าน ทำการ “ปฏิรูปที่ดิน” ด้วยมือ ตีน ใจ ของพี่น้องเองโดยไม่ต้องรอรัฐ ทุก  รัฐ    จนเหงือกแห้งมาตั้งแต่ปีมะโว้ ในการหาเสียง   ยึดที่ของนายทุนที่ได้มาโดยมิชอบ ปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า โดยที่มิใช่จู่ๆจะยึด แต่พี่น้องต้องทำการบ้านสืบสภาพ หาข้อมูลที่แน่ชัดก่อน ว่าที่ๆนั้นได้มาโดยมิชอบอย่างไร  ผลการ ปฏิบัติการที่เป็นจริงของพี่น้องเกษตรกรภาคเหนือ ก็เป็นแบบอย่างให้พี่น้องเกษตรกรภาคอื่นๆ   ทำตามด้วย…    ผลการยึดก็ถูกฟ้องร้องจับติดคุก แต่เดชะบุญที่มีผู้ที่รักความเป็นธรรม  อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ใช้สิทธิ์ข้าราชการประกันตัวให้

 

                          - - -  การเดินทางไกลจาก เชียงใหม่   ถึง  อุบลฯ   ยาวนานนับ สิบหก สิบเจ็ดชั่วโมง ก็สิ้นสุดลง   ณ   เวลา เกือบ ตีสอง   เมื่อรถตู้มาถึงประตูทางเข้า   ณ    ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน  อำเภอ พิบูลย์มังสาหารฯ  และเป็นที่ทำการสหกรณ์แม่มูนมั่นยืน …  พี่น้องที่กำลัง เตรียมงาน ยิ้มตะโกนทักทาย  ลุกขึ้นมาจับมือต้อนรับ   นั่น “อ้าย ป้าย …ไพจิตร  ศิลารักษ์       ”  และ “ลุงแป้น”   และ “พ่อบุญมี”      แกนนำสำคัญของพี่น้อง “สมัชชาคนจน”  และ คนอื่นๆ ฯลฯ    เรานั่งคุยกัน สักพัก ฉัน ขอตัวไปนอน เพราะเหนื่อยง่วง ออมแรง  เอาไว้วันรุ่งขึ้น

 

                  “ อ้าย  ผมเตรียม ไว้ สองแกลลอนใหญ่  เอามาจากฝั่งลาว”   น้องที่รู้ใจบอกฉัน ประกายดวงตาเขา ช่าง หยาดเยิ้ม นัก …

 

                     - - -        อ รุ ณ รุ่ ง นี้  ตื่นสายหน่อย ลืมตาเห็นแสงสว่างนอกหน้าต่าง  มื้อเช้านี้เรากินข้าวต้มร้อนๆจากฝีมือแม่ครัว เมีย ของ “มืด” คนหนุ่มวัยสามสิบกว่า เขาบอกเขาชอบเขียนหนังสือและบทกวีด้วย…

 

                      “ รู้จักชื่อและอ่านงานเขียน อ้ายมานานแล้ว เพิ่งมาเห็นตัวจริง  ดีใจมากคับ ”  “ มื ด ”…  ชายร่างผอมสูงแกร่งพูดด้วยรอยยิ้มใต้เรียวหนวดดำ   เขาบอกช่วงนี้ไม่ค่อยได้เขียน หลังจากมีลูก… ฉันบอกมีเวลาก็หาโอกาสเขียน ได้

 

               . .    ผู้ ค น เริ่มทยอยมา จากอำเภอต่างๆ ทั้งใกล้ และไกล ทั้งพ่อแก่ แม่เฒ่า คนหนุ่มสาว เด็กเล็ก  ฯลฯ   วันนี้ทำเวที   เช่าเวทีใหญ่มา  คนทำเวทีก็คือคนของเจ้าของเวที่ที่เช่าเขามา    …  เวทีอันกว้างขวางเสร็จอย่างรวดเร็วด้วยมืออาชีพ   จากนั้นเราก็ช่วยกันต่อสายไฟ  ติดธงเขียว  แลสายรุ้ง ฯลฯ   สางสายหน่อย รถยนต์คันแล้วคันเล่า ทะยอยเข้าเพิ่มจำนวนคน จากทั่วสารทิศ …  เหนือ  กลาง  อิสาน  ใต้   ออก   - ตก ฯลฯ  ทำให้นึกถึงบทเพลงในป่าเขาที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน และผู้รักชาติรักประชาธิปไตย จากทั่วสารทิศ ยาตราทัพเข้าสู่เขตป่าเขา จับอาวุธต่อสู้กับเผด็จการทหารและเผด็จการพลเรือน ร่วมกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย !   คราเกิดเหตุการณ์เข่นฆ่า  ๖ ตุลาคม มหาโหด ปี ๒๕๑๙…

 

                 *     “ เราต่างมาจากทั่วทุกสารทิศ

 

                     มีชีวิต อยู่กลาง ป่าเขา     จากบ้านเกิดเมืองนอน…ฯลฯ    

               ฯลฯ … ด้วยเรามีอุดมการณ์ เดียวกัน ฯลฯ ”

    (   เอ๊า   อดีตสหาย …น.”  หรือ  “แหลม”        ช่วยต่อเพลงนี้ให้หน่อย  จำไม่ค่อยได้แล้ว  จ้า)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

             - - -  เ ช้า นี้   ตื่นนอนเช้าเป็นพิเศษ   ลำตัวเหนียว เย็นวานไม่ได้อาบน้ำ  ฉัน เดินไปอาบน้ำ  … โอ้ พี่น้องเอ๋ย  แสนวิเศษโชคดวงตา จริงๆ  เบื้องฟ้าบน ดวงดาว  ทางช้างเผือก (  Milky  Way ) กล่น เกลื่อนฟ้า  ดวงที่อยู่ใกล้โลกนับมิถ้วนดาว   …ดวงช่างโตเหลือเกินไม่เคยเห็น  ณ ที่ใดมาก่อน … ตลึง ยืนนิ่งมองนาน จนสาแก่ใจ  เดินต่อ สองข้าง พี่น้องชาวอิสาน และต่างถิ่น กางเต้นท์นอน  บ้างลุกขึ้นก่อไฟ ผิง พูดคุยกัน เสียงดังเซ็งแซ่ นี่คือวัฒนธรรมของพี่น้องชาวบ้าน  ที่คุยกันเสียงดัง  พวกผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินมาเห็น มาได้ยิน  ก็อาจจะพาล  คิดว่าพี่น้องเสียมารยาทก็เป็นได้!... พี่น้องบางหย่อมก็หุงข้าวที่เตรียมมา ทำอาหารกิน  ภาพงดงามนัก พี่น้องผู้ถูกทำให้ยากจนเอ๋ย…   เดินเข้าไปในสำนักงานฯ   เปิดไฟห้องน้ำ แล้วบรรเลงเพลงอาบน้ำในขัน … ดีเหมือนกันอาบน้ำตอนเช้าตรู่  พี่น้องหลายคนยังไม่ตื่น จะได้ไม่ต้องให้พี่น้องรอเราอาบน้ำยามสาย หรือ  รอเราถ่ายเพราะ ฉัน เป็นคน ที่เวลาถ่าย ใช้เวลาค่อนข้างนานหน่อย

 

                                    เดิน   กลับไปที่พักบ้านไม้   

 

                 “  อ้ายแสงดาว  มาแอ่วนี่ก่อน ”  น้องที่ทำงานสลัมกวักมือเรียก   เข้าไปในวงรอบกองไฟ  ได้ชิมลิ้มรสข้าวเหนียวคลุกเกลือจี่ กับแจ่วบอง   พี่น้องอิสานที่เป็นพ่อใหญ่  แม่ใหญ่ นั่งจี่ข้าวกินกัน   … บรรยากาศ เป็นใจ  ล้วงขวดน้ำมังสะวิรัติผสมน้ำหมัก ออกมา เชิญชวน พี่น้องดื่มกินยามอรุณ ที่มีประกายฟืนไฟเริงเต้นระบำ ระริก  ริกให้ความอบอุ่น แก่ร่างกาย… แซบอีหลี เจ้า…

 

                              ก ลา ง วั น  มีการอภิปรายของพี่น้องชาวบ้าน  แกนนำสมัชชาคนจน  และ    นักวิชาการ ที่ยืนหยัดเพื่อพี่น้องชาวบ้านมาจนบัดนี้   ขอ คารวะมา  ณ  ที่นี้ด้วย

 

  • - - - ๙๙๙ - - - ๙๙๙

 

              . . .  ท่ามกลาง แสงไฟฟ้าสาดส่องฉาย   ฉากแผ่นป้ายบนเวที มี รูป ภาพ แห่งธรรมชาติแม่น้ำมูน  และ  รอยยิ้ม อัน สดใส  ของ   **   “ ลูกสาวคนจน”…  ม ด  … วนิดา    ตันติวิทยาพิทักษ์ ”  เด่น เป็นสง่า    … ท่ามกลางผู้คนอันล้นหลามหลากหลาย ข้างล่างเวที

 

                           ป้ายรจนาไว้ว่า…

 

                “ ไม่มีความทุกข์ยาก  ถ้า มี  ความยุติธรรม ”

 

     ๒๓ ปี การต่อสู้ของคนปากมูน กับ  เส้นทางการต่อสู้ของขบวนการภาคประชาชน  และ  รำลึก  ๕  ปี “ วนิดา   ตันติวิทยาพิทักษ์  และ  ผองเพื่อนผู้จากไป ”

 

                   และ แล้ว เสียงเพลง ชื่อ    ***    “  บทเพลง วนิดา ”  ก็ดังกระหึ่มขึ้น เป็นการ เปิดงาน เวทีวัฒนธรรมของฝ่ายประชาชน  โดยวงออร์เคสตร้า อันมี วงดนตรี “  สะเลเต ”  เป็นผู้กำกับ ซักซ้อมและร่วมบรรเลง กับนักเรียน นักศึกษา   เพื่อให้อลังการ เป็นเกียรติ แด่ “  มด … วนิดา   ตันติวิทยาพิทักษ์  และ  พี่น้องผองเพื่อนผู้จากไป ” 

 

                                 “  บทเพลง  วนิดา”

 

@ “ ฝากเสียงแคนพิณ ให้ได้ยินชื่อ วนิดา    จากถิ่นโนราห์ นาทวี สู่  แดนอิสาน

 

จาก พรรคปฏิวัติ สู่ มวลชนทนทุกข์ร้าวราน …เ ธ อ อาจหาญ แกร่งกล้า ท้าทาย

 ลำน้ำมูนไอกลิ่นกรุ่น ความทุกข์ระทม        บ้านจม นาสิ้น  ปลาหาย

 

 ความจน  ครัวแยกถูกทำลาย                สุดท้าย ล่มสลาย ไม่พออยู่กิน

 

( ครอรัส)  … วนิดา เ ธ อ มาจากแดนไกล    ทุ่มใจ ร่วมใจ ร่วมขับขาน

 

เพลงสู้ เพลงทุกข์ ด้วยความเบิกบาน      จิตวิญญาณ เป็นลูกหลาน มวลชน

 

  แผ่นน้ำ แผ่นดิน ประเทศไทย               จะไม่ให้ถูกกดขี่ ทุกแห่งหน

 

รวมพลัง รวมใจจาก ความจน                  สร้างเป็น หนทางใหม่  ทุกคืนวัน

 

  (ครอรัส)… วนิดา เ ธ อ มาจากแดนไกล     ทุ่มใจ ร่วมอยู่ ร่วมขับขาน

 

 เพลงสู้ เพลงทุกข์ด้วยความเบิกบาน        จิตวิญญาณ เป็นลูกหลาน มวลชน

 

    เสียงพิณ แคน โนราห์ แว่วว่า  ลาไกล   ฝากไว้ซึ่งความงาม  ความฝัน

 

 เขื่อนคู เขตฟ้า เจ้า มิอาจต้าน        เ ส รี ภา พ แ ห่ ง สา ย ธา ร จะกลับคืน @

       

         ทุกๆคนรับฟังด้วยดวงใจเบิกบาน ผสานเศร้า (ฉันคิดเอาเองเช่นนั้น)   เสียงกระหึ่มก้องแห่งเสียงเพลง วนิดา ออร์เคสตร้า ดังกึกก้องกรรหึ่มไปทั่วโลก เอกภพ จักรวาล ให้ ปวงหมู่ปีศาจมารร้ายอธรรมได้รับรู้ว่า เสียงเพลงนี้ และ ดวงใจจิตวิญญาณแห่งมหาประชาชน ณที่นี่   ที่นั่น  ที่โน่น ฯลฯ   จักไม่มีวันจำนน แลจักสืบทอดสืบสานอุดมการณ์ แห่ง  “วนิดา    แลผองเพื่อนพี่น้องผู้จากไป”  จนกว่าบรรลุชัย!...  ฉั น ฟังเพลงนี้แล้ว ต่อมน้ำตาอันตื้นเขินแห่ง ฉั น  ซึมคลอเบ้า … 

 

             “ ต่อไป ขอเชิญ อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น ผู้มาไกลจากเชียงใหม่ขึ้นมาอ่านบทกวีค่า ”… เสียงโฆษก บนเวที  น้อง “ สดใส   สร่างโศก ”  กวี นักเขียนสาว และ หนึ่งในนักต่อสู้แห่งดินแดนอิสาน ประกาศเชิญขึ้นเวที… ฉั น  ก้าวเดินขึ้นบนเวที ด้วยความ มั่นใจ และตั้งใจ เพื่อน้องสาวหญิงแกร่งแห่งฉัน และ  ของประชาชนผู้ท้นทุกข์ …

 

           “  พี่น้อง เอ๊ยยยยย ”  ฉั นทักทาย

 

            “  เอ๊ยยยยยย ” พี่น้องตะโกนตอบ

 

“ พี่น้องคับ  มีเรื่องเล่าให้พี่น้องฟัง … เกือบสิบปีมาแล้ว ที่ประเทศฝรั่งเศส  มีบาทหลวงฝรั่งเศส ท่านขึ้นไปนั่งบนสันเขื่อน  นั่งทำไม ท่านไปตีระฆังคับ   ตีระฆังเพื่อส่งสัญญาณ ให้พี่น้องประชาชนชาวบ้านที่ เคยมีวิถีชีวิต อย่างสุขสงบ มีน้ำ ปลาอาหารให้บริโภค   ท่านตีระฆังเพื่อส่งสัญญาณให้พี่น้องประชาชนชาวบ้าน  พังเขื่อนกั้นน้ำ เพื่อ คืนปลาให้กลับคืนสู่สายน้ำ และในที่สุดเขื่อนอัปยศที่เป็นดั่งอนุสาวรีสามานย์วัตถุโบราณ อันไร้ประโยชน์ ต้องพังครืน ทะลายลง ด้วยมือตีนใจของประชาชน … เขื่อนปากมูล เขื่อนราศีไศล เขื่อนห้วยละห้า ที่นำความทุกข์ยากมาให้พี่น้องเล่า?   นี่ผมเพียงแต่เล่าให้พี่น้องฟังเท่านั้นเองนะคับ ”  ฉั น  เล่าบอกสู่พี่น้อง ทั้งๆที่  - - -  ฉั น อยาก …  จะ บอก  - - -  ใจแทบขาด!  เล่าจบแล้วจ้า… 

 

               แล้ว ฉันก็อ่านบทกวี… ท่ามกลางการปรบมือเป็นระยะ  ระยะ …

 

           คือ - - - “ม ด … วนิดา  ตันติวิทยาพิทักษ์ ”

               คือ… ค วา ม รั ก ง ด งา ม , กล้า  - สดใส

     ____________________________

  1. :  คือคน

   ( กลอนอิสระ)

            @  เป็น  ดั่ง ดาว  เดือน  ตะวัน อัน เจิดจ้า

                        งามชีวิตชีวา พราวเพริศพริ้ง

                 เป็น  คน กล้าแกร่งแห่งโลก  เป็น  คนจริง

                        เ ธ อ  คือ  ห ญิ ง  ยิ่ ง ใ ห ญ่  กลาง  ใจ ช น

 

                              เป็น  ปัญญชน  ชีพชื่น กล้ายืนหยัด

                        โลกทรรศน์  - ชีวทรรศน์   แจ่มชัด ในทุกหน

                         เป็น  นักรบประชาชน   แห่ง  ป ว ง ค น

                    งาม เข้มข้น  ตื่นสู้  เพื่อ  ชูธรรม

  • - - “ ณ  ที่ใด มี การกดขี่ ”

ประชาชี ชีพเข็ญ ถูก เหยียบย่ำ

ณ   ที่ นั่น   มี   เ ธ อ  เป็น    ธ ง นำ

ยิ่ง ตอกย้ำ  ยืนหยัดร่วม  มิราแรง

 เป็น      -    รัก   หวัง  พลังใจ   ให้ต่อสู้

เพื่อ        -    กอบกู้ เสรีสิทธิ์ ทุกหนแห่ง

เพื่อ        -     รากเหง้า วิถีชีวิต  จิตสำแดง

เมื่อ         -       โลกแล้ง  แรงรัก  ประจักพลัน!

 

เป็น         -       มิตรสหาย เพื่อนร่วมรู้  ร่วม  รุก  - รบ

เพื่อ          - พร้อมพบ   โลกใหม่  งามสร้างสรรค์

เพื่อ          -      “ พี่น้องสมัชชาคนจน ” ชีพชีวัน

ได้            -     ผ่องพรรณ  หลุดพ้น จากความจน

 

             …  ก้มค้อมคารวะ “มด …  วนิดา  ตันติวิทยาพิทักษ์”

              ชีวิต ประจักษ์ คุณค่างามเกิดผล

ถึง จากไป แต่ ชีพกล้า แกร่งทานทน

จิต อำพน  ประชาชน  คารวะ – คารวาลัย

 

              เถิด  “ มด … วนิดา     ตันติวิทยาพิทักษ์”

ประชาชน พร้อมพรัก สืบทอด อุดมการณ์ งามสดใส

โน่น !    ตะวัน   เดือน   ดาว    พริ้มอำไพ

พร่างพรายแสง  ส่องทาง  ไ ท   สู่   เ ส รี !

 

              - - -   เมื่อ จับมือ   คล้องแขน  พร้อมจิตมั่น

หลอมชีวัน  วิญญาณสู้ กู้ศักดิ์ศรี

ทั้ง   ออก – ตก – เหนือ – กลาง –อิสาน – ใต้…มิรอรี

 

       ปฐพี โลกนี้  ย่อม  งด งา ม ! @

 

( ๒ ) :    เ ธ อ คื อ ชี วิ ต

     (  โคลงอิสรา)

 

 “ ม ด… วนิดา  ตันติวิทยาพิทักษ์”       ชีวี

พราว เพริศ แจ่มรุจี                                    เจิดจ้า

ชี วิ ต  ชี วา  มั่นพลี                       พรั่งพร้อม  งามเนอ

จิตวิญญาณ แกร่งกล้า                    โอบเกื้อ มวลชน @

 

 

- - -   รายการศิลปวัฒนธรรมของประชาชนคนไพร่ราบ รากหญ้า คงดำเนินต่อไป   เอมอิ่มแล้ว พี่น้องเอ๋ย…

 

               จับมือกันมั่น หลอมดวงใจจิตวิญญาณกันแน่นแฟ้น  งดงาม  หาญกล้า  … “ ลาก่อน จนกว่าเราจะพบกันอีก”

 

  - - -         ลาก่อน  เมื่อเรา ไม่ต้องการชาติ! เพราะชาติ ยังมิได้เป็นของเรา!

             -----------------------------

 

*    ชื่อบทเพลงในดงดอยป่าเขา ที่ประชาชนทุกวัยมาจากทั่วสารทิศมาพบกัน ในสถานการณ์สู้รบกับเผด็จการ หลัง ๖ ตุลาคม มหาโหด ๒๕๑๙

**     ชื่อหนังสือที่พิมพ์เป็นเล่มให้ “มด” ในวันงาน ครบ ๕ปี การจากไปสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของแม่พระธรรมชาติ

 

***   ชื่อบทเพลงที่แต่งให้”มด”    มีคนบอก ฉันว่า แรกเพลงนี้ แต่งโดย”จำนงค์”   นักพัฒนาชาวภาคใต้ แต่มาทำงานพัฒนาด้านงานสลัมที่อิสาน เขาทราบข่าวการจากไปของ”มด”  ตอนนั้นเขาอยู่ที่ภาคใต้ พอรู้ข่าวเขาก็รีบแต่งแล้วส่งมาให้มิตรสหายทางอิสาน และวงดนตรี”สะเลเต”  ช่วยกันแต่งเติม

 

             

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
 *--*--*{ กาพย์”ลุกขึ้นสู้” }
แสงดาว ศรัทธามั่น
{  กลอนเปล่าอิสรา  }@  ลมหนาวเหนือ พัดโชยมา…ยามต้องไล้ผิวกายร้อนที่รุ่มก็คลายกลิ่นอายเหมันตฤดู …ไม่รู้ลืม @
แสงดาว ศรัทธามั่น
 
แสงดาว ศรัทธามั่น
 ***** --*-- ***** --*-- *****@   “  ฮา  ติง จัง…จังคนมีอำนาจล้นฟ้า  แต่รังแก คนยากไจ้ อำนาจ แบบ ต๋ามใจ๋ เขา “น้องสาว  ผู้ดีงาม ใจงาม ของฉัน  แล ของโลกชีวิต อีกคนหนึ่ง